00 ต้องเรียกว่าอัปยศจริงๆ สำหรับมติของ ก.ตร. เมื่อวันศุกร์ที่ 15 ม.ค. ที่ยืนตามมติเดิมก่อนหน้านี้ หากพูดกันแบบให้เข้าใจง่ายก็คือ อุ้ม 3 นายพล “เส้นใหญ่” ที่สั่งปราบปรามประชาชนในเหตุการณ์ “ 7 ตุลาทมิฬ” ให้กลับเข้ามารับราชการอีกรอบ แม้ว่าบางคนจะเกษียณอายุราชการไปแล้ว แต่ก็เพื่อหวังจะให้ได้รับสิทธิ์ที่เคยพึงมีพึงได้ ในตำแหน่งแห่งหนคืนมาเท่านั้น โดยไม่ได้สำเหนียกเลยว่า ผลจากการทำหน้าที่ของตนเองได้ทำให้มีคนตาย บาดเจ็บ พิการอีกเท่าไหร่ คนพวกนี้ไม่รู้ว่าหัวใจของมันทำด้วยอะไร จึงได้ทมิฬหินชาตินัก
00 นอกจากไม่เคยสำนึกรับผิดชอบแล้ว ตรงกันข้ามหากมีโอกาสก็จะหาช่องทาง เพื่อโยนความผิดให้ประชาชนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น เป็นผู้ทำร้ายเจ้าหน้าที่ ทั้งที่ปรากฏเป็นหลักฐานทั้งภาพเคลื่อนไหว และภาพนิ่งล้วนเป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีอาวุธครบมือ กระทำทารุณกรรมตั้งแต่เช้ามืดไปยันดึก อย่างนี้จะเรียกว่าไม่ตั้งใจหรือไม่เจตนาไม่ได้เป็นอันขาด หรือบางคนก็ปล่อยให้พวกกุ๊ยอันธพาล ทำร้ายประชาชนอีกฝ่ายได้หน้าตาเฉย อย่างที่เกิดขึ้นที่อุดรฯ
00 จดจำกันชัดๆ อีกครั้งสำหรับรายชื่อ 3 นายพลเลือดเย็นที่ว่าก็คือ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และ พล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์ ภราดรศักดิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร อุดรฯ สำหรับ มติ ก.ตร.ในครั้งแรกที่รับให้ทั้ง 3 คนดังกล่าวกลับเข้ารับราชการ ถือว่าเลวร้ายพออยู่แล้ว แต่การยืนยันมติครั้งที่ 2 หลังจากที่นายกฯ ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุด ซึ่งได้อ้างอิงกฎหมายเป็นบรรทัดฐานเป็นตัวอย่างชัดเจน เพราะเคยมีแนวทางให้ปฏิบัติให้เห็น อีกทั้งมีเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้แล้ว แต่คนพวกนี้ก็ไม่เคยสนใจ กลับท้าทาย
00 และคนที่ยิ่งต้องประณาม และไม่สมควรที่จะให้ลอยหน้าลอยตาเป็นรองนายกฯได้อีกต่อไปก็คือ สุเทพ เทือกสุบรรณ ทั้งที่ได้รับมอบอำนาจจากนายกฯ ให้เป็นประธาน ก.ตร. แต่กลับไปเห็นดีเห็นงาม ไปสุมหัวยืนเป็นพวกเดียวกัน แล้วมา “หักหน้า” นายกฯ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของตัวเองหน้าตาเฉย
00 คนอย่าง สุเทพ อาจจะยังเข้าใจผิดไปเองว่า ที่รัฐบาลอยู่ได้ทุกวันนี้อาจเป็นเพราะมีตัวเอง หรือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ชายของพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.หรือ เนวิน ชิดชอบ ก็อยากจะบอกให้ตาสว่างเสียทีว่า ในตอนแรกอาจจะใช่ เมื่อครั้งที่ไปจัดตั้งรัฐบาลกันในค่ายทหาร แต่ก็ได้ตอบแทนกันคุ้มค่าไปแล้วไม่ใช่หรือ แต่ปัจจุบันและต่อเนื่องไปถึงอนาคต ความศรัทธาจากประชาชนต่างหาก ที่เป็นผู้ค้ำจุนเสถียรภาพรัฐบาล ดังที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะคนเขาเห็นถึงความมุ่งมั่นของนายกฯ และการที่ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน การยึดมั่นในหลักการ หลักกฎหมายตรงไปตรงมาต่างหาก ทำให้คนยิ่งให้โอกาสมากขึ้นเรื่อยๆ
00 หากจะถามว่า ที่ผ่านมาในทางเปิดเผย รองนายกฯ ด้านความมั่นคงที่ชื่อ สุเทพ ได้ทำอะไรที่สร้างความมั่นคงให้กับประเทศ และรัฐบาลนอกจากตัวเองเท่านั้น ดังนั้นมาถึงนาทีนี้ ก.ตร. ที่เข้าประชุมและลงมติในวันนั้น ก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องถูกดำเนินคดีฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ขณะเดียวกันหลังจากนี้ไป ก็น่าจะถึงเวลาแล้วที่ต้องมีการปฏิรูปวงการตำรวจกันขนานใหญ่เสียที !!
00 นอกจากไม่เคยสำนึกรับผิดชอบแล้ว ตรงกันข้ามหากมีโอกาสก็จะหาช่องทาง เพื่อโยนความผิดให้ประชาชนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น เป็นผู้ทำร้ายเจ้าหน้าที่ ทั้งที่ปรากฏเป็นหลักฐานทั้งภาพเคลื่อนไหว และภาพนิ่งล้วนเป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีอาวุธครบมือ กระทำทารุณกรรมตั้งแต่เช้ามืดไปยันดึก อย่างนี้จะเรียกว่าไม่ตั้งใจหรือไม่เจตนาไม่ได้เป็นอันขาด หรือบางคนก็ปล่อยให้พวกกุ๊ยอันธพาล ทำร้ายประชาชนอีกฝ่ายได้หน้าตาเฉย อย่างที่เกิดขึ้นที่อุดรฯ
00 จดจำกันชัดๆ อีกครั้งสำหรับรายชื่อ 3 นายพลเลือดเย็นที่ว่าก็คือ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และ พล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์ ภราดรศักดิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร อุดรฯ สำหรับ มติ ก.ตร.ในครั้งแรกที่รับให้ทั้ง 3 คนดังกล่าวกลับเข้ารับราชการ ถือว่าเลวร้ายพออยู่แล้ว แต่การยืนยันมติครั้งที่ 2 หลังจากที่นายกฯ ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุด ซึ่งได้อ้างอิงกฎหมายเป็นบรรทัดฐานเป็นตัวอย่างชัดเจน เพราะเคยมีแนวทางให้ปฏิบัติให้เห็น อีกทั้งมีเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้แล้ว แต่คนพวกนี้ก็ไม่เคยสนใจ กลับท้าทาย
00 และคนที่ยิ่งต้องประณาม และไม่สมควรที่จะให้ลอยหน้าลอยตาเป็นรองนายกฯได้อีกต่อไปก็คือ สุเทพ เทือกสุบรรณ ทั้งที่ได้รับมอบอำนาจจากนายกฯ ให้เป็นประธาน ก.ตร. แต่กลับไปเห็นดีเห็นงาม ไปสุมหัวยืนเป็นพวกเดียวกัน แล้วมา “หักหน้า” นายกฯ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของตัวเองหน้าตาเฉย
00 คนอย่าง สุเทพ อาจจะยังเข้าใจผิดไปเองว่า ที่รัฐบาลอยู่ได้ทุกวันนี้อาจเป็นเพราะมีตัวเอง หรือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ชายของพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.หรือ เนวิน ชิดชอบ ก็อยากจะบอกให้ตาสว่างเสียทีว่า ในตอนแรกอาจจะใช่ เมื่อครั้งที่ไปจัดตั้งรัฐบาลกันในค่ายทหาร แต่ก็ได้ตอบแทนกันคุ้มค่าไปแล้วไม่ใช่หรือ แต่ปัจจุบันและต่อเนื่องไปถึงอนาคต ความศรัทธาจากประชาชนต่างหาก ที่เป็นผู้ค้ำจุนเสถียรภาพรัฐบาล ดังที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะคนเขาเห็นถึงความมุ่งมั่นของนายกฯ และการที่ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน การยึดมั่นในหลักการ หลักกฎหมายตรงไปตรงมาต่างหาก ทำให้คนยิ่งให้โอกาสมากขึ้นเรื่อยๆ
00 หากจะถามว่า ที่ผ่านมาในทางเปิดเผย รองนายกฯ ด้านความมั่นคงที่ชื่อ สุเทพ ได้ทำอะไรที่สร้างความมั่นคงให้กับประเทศ และรัฐบาลนอกจากตัวเองเท่านั้น ดังนั้นมาถึงนาทีนี้ ก.ตร. ที่เข้าประชุมและลงมติในวันนั้น ก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องถูกดำเนินคดีฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ขณะเดียวกันหลังจากนี้ไป ก็น่าจะถึงเวลาแล้วที่ต้องมีการปฏิรูปวงการตำรวจกันขนานใหญ่เสียที !!