ASTVผู้จัดการรายวัน - สกัดปั๊มเจ้าเล่ห์ กกร.ขึ้นบัญชีคุมบริการเติมก๊าซเอ็นจีวี หลังได้รับร้องเรียน หมดทุกครั้งก่อนวันรุ่งขึ้นปรับราคา พร้อมศึกษาคุมค่าบริการสถานกวดวิชาและค่ารักษาโรงพยาบาลเอกชน
นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ได้เห็นชอบให้เพิ่มการบริการสถานีเติมก๊าซเอ็นจีวีเข้าเป็นบัญชีบริการควบคุมอีก 1 รายการ แต่ควบคุมเฉพาะส่วนการให้บริการไม่ได้ควบคุมด้านราคา โดยด้านราคาเป็นหน้าที่กระทรวงพลังงาน เนื่องจากที่ผ่านมา ได้รับร้องเรียนจากผู้บริโภคจำนวนมากว่ามีการให้บริการไม่เป็นธรรม เช่น ปฏิเสธให้บริการก่อนหน้าเอ็นจีวีขึ้นราคาโดยอ้างว่าก๊าซหมด หรือใช้หัวจ่ายก๊าซที่ไม่มีมาตรฐาน ทำให้ประชาชนได้รับก๊าซน้อยกว่าความเป็นจริง ซึ่งจะมีการส่งให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบในวันที่ 19 ม.ค.นี้
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบให้คงบัญชีสินค้าและบริการควบคุมเดิม 39 รายการ ที่จะครบในเดือนก.พ.นี้ออกไปอีก 1 ปี ส่งผลให้บัญชีสินค้าและบริการควบคุมของกระทรวงพาณิชย์เพิ่มเป็น 40 รายการ โดยแยกเป็นสินค้า 38 รายการ เช่น นมผง/นมสด, นมเปรี้ยวพร้อมดื่ม/โยเกิร์ต, ครีมเทียมข้นหวาน นมข้น นมคืนรูป นมแปลงไขมัน, เครื่องแบบนักเรียน, น้ำตาลทราย, ข้าวสาร/ข้าวเปลือก,เนื้อสุกร และบริการ 2 รายการ ได้แก่ การให้สิทธิในการเผยแพร่งานลิขสิทธิ์เพลงเพื่อการค้า และบริการก๊าซเอ็นจีวี
“ที่ประชุมเห็นว่าควรคงบัญชีสินค้าควบคุมไว้เท่าเดิม เพื่อให้การติดตามดูแลสินค้าทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ให้กระทบต่อบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน โดยเฉพาะช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัวและผู้ผลิตเริ่มขอปรับราคา”นางพรทิวากล่าว
นอกจากนี้ กกร.ยังได้ขอให้กรมการค้าภายในไปหารือร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุข เพื่อพิจารณาแนวทางการดูแลค่าบริการโรงเรียนกวดวิชา และค่ารักษาพยาบาลของโรงพยาบาลเอกชน เนื่องจากได้รับร้องเรียนว่ามีการคิดค่าบริการที่สูงเกินจริง โดยให้ศึกษาว่าจะมีแนวทางแก้ไขอย่างไร รวมทั้งการเสนอให้เป็นบริการควบคุม
ขณะเดียวกัน ได้แต่งตั้งคณะทำงานพิจารณาหลักเกณฑ์การกำหนดสินค้าควบคุม และกำกับดูแลราคาสินค้า มีอธิบดีกรมการค้าภายในเป็นประธาน โดยจะทำงานร่วมกับภาคเอกชน ทั้งสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มีระยะเวลาดำเนินการ 2 เดือน
ส่วนการพิจารณาสินค้าน้ำอัดลมออกจากบัญชีสินค้าต้องติดตามดูแล 202 รายการ กกร.เห็นว่าให้คงอยู่ในบัญชีเหมือนเดิม เพราะเป็นสินค้าที่ประชาชนบริโภคจำนวนมาก หากไม่มีการติดตามดูแลอาจได้รับความเดือดร้อน และที่สำคัญยังเป็นสินค้าที่มีผู้แข่งขันในตลาดน้อยราย ซึ่งเกรงว่าหากปลดพ้นบัญชีที่ต้องติดตามดูแล ต่อไปอาจจะมีการกำหนดราคาขายร่วมกันจนทำให้ผู้บริโภคเดือดร้อนได้
นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ได้เห็นชอบให้เพิ่มการบริการสถานีเติมก๊าซเอ็นจีวีเข้าเป็นบัญชีบริการควบคุมอีก 1 รายการ แต่ควบคุมเฉพาะส่วนการให้บริการไม่ได้ควบคุมด้านราคา โดยด้านราคาเป็นหน้าที่กระทรวงพลังงาน เนื่องจากที่ผ่านมา ได้รับร้องเรียนจากผู้บริโภคจำนวนมากว่ามีการให้บริการไม่เป็นธรรม เช่น ปฏิเสธให้บริการก่อนหน้าเอ็นจีวีขึ้นราคาโดยอ้างว่าก๊าซหมด หรือใช้หัวจ่ายก๊าซที่ไม่มีมาตรฐาน ทำให้ประชาชนได้รับก๊าซน้อยกว่าความเป็นจริง ซึ่งจะมีการส่งให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบในวันที่ 19 ม.ค.นี้
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบให้คงบัญชีสินค้าและบริการควบคุมเดิม 39 รายการ ที่จะครบในเดือนก.พ.นี้ออกไปอีก 1 ปี ส่งผลให้บัญชีสินค้าและบริการควบคุมของกระทรวงพาณิชย์เพิ่มเป็น 40 รายการ โดยแยกเป็นสินค้า 38 รายการ เช่น นมผง/นมสด, นมเปรี้ยวพร้อมดื่ม/โยเกิร์ต, ครีมเทียมข้นหวาน นมข้น นมคืนรูป นมแปลงไขมัน, เครื่องแบบนักเรียน, น้ำตาลทราย, ข้าวสาร/ข้าวเปลือก,เนื้อสุกร และบริการ 2 รายการ ได้แก่ การให้สิทธิในการเผยแพร่งานลิขสิทธิ์เพลงเพื่อการค้า และบริการก๊าซเอ็นจีวี
“ที่ประชุมเห็นว่าควรคงบัญชีสินค้าควบคุมไว้เท่าเดิม เพื่อให้การติดตามดูแลสินค้าทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ให้กระทบต่อบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน โดยเฉพาะช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัวและผู้ผลิตเริ่มขอปรับราคา”นางพรทิวากล่าว
นอกจากนี้ กกร.ยังได้ขอให้กรมการค้าภายในไปหารือร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุข เพื่อพิจารณาแนวทางการดูแลค่าบริการโรงเรียนกวดวิชา และค่ารักษาพยาบาลของโรงพยาบาลเอกชน เนื่องจากได้รับร้องเรียนว่ามีการคิดค่าบริการที่สูงเกินจริง โดยให้ศึกษาว่าจะมีแนวทางแก้ไขอย่างไร รวมทั้งการเสนอให้เป็นบริการควบคุม
ขณะเดียวกัน ได้แต่งตั้งคณะทำงานพิจารณาหลักเกณฑ์การกำหนดสินค้าควบคุม และกำกับดูแลราคาสินค้า มีอธิบดีกรมการค้าภายในเป็นประธาน โดยจะทำงานร่วมกับภาคเอกชน ทั้งสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มีระยะเวลาดำเนินการ 2 เดือน
ส่วนการพิจารณาสินค้าน้ำอัดลมออกจากบัญชีสินค้าต้องติดตามดูแล 202 รายการ กกร.เห็นว่าให้คงอยู่ในบัญชีเหมือนเดิม เพราะเป็นสินค้าที่ประชาชนบริโภคจำนวนมาก หากไม่มีการติดตามดูแลอาจได้รับความเดือดร้อน และที่สำคัญยังเป็นสินค้าที่มีผู้แข่งขันในตลาดน้อยราย ซึ่งเกรงว่าหากปลดพ้นบัญชีที่ต้องติดตามดูแล ต่อไปอาจจะมีการกำหนดราคาขายร่วมกันจนทำให้ผู้บริโภคเดือดร้อนได้
