ASTVผู้จัดการรายวัน-ชงกกร.คงบัญชีสินค้าและบริการควบคุม 39 รายการต่อ หวั่นปลดออกเกรงตลาดป่วน จับตา “พรทิวา”ยึดข้างผู้บริโภคหรือยอมใบสั่งการเมือง ปลดน้ำดำพ้นบัญชีสินค้าติดตามดูแล เตรียมกำหนดแนวทางพิจารณาปรับราคาสินค้า หลังเหล็ก ปุ๋ย สายไฟฟ้า แบตเตอรี่ ทินเพลต เข้าแถวรอปรับราคา
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า วันนี้ (15 ม.ค.) นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะเรียกประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) เพื่อพิจารณาทบทวนการใช้มาตรการควบคุมสินค้าและบริการ โดยมีแนวโน้มว่าจะเสนอให้คงบัญชีสินค้าและบริการควบคุมตามเดิม จำนวน 38 สินค้า และ 1 บริการ เช่น นมผง/นมสด, นมเปรี้ยวพร้อมดื่ม/โยเกิร์ต,
ครีมเทียมข้นหวาน นมข้น นมคืนรูป นมแปลงไขมัน,เครื่องแบบนักเรียน, น้ำตาลทราย, ข้าวสาร/ข้าวเปลือก,เนื้อสุกร เพราะประกาศกำหนดสินค้าและบริการควบคุมจะหมดอายุลงในเดือนก.พ.นี้ และต้องทบทวนทุกปี
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา มีความพยายามจากภาคเอกชนในการผลักดันให้มีการปลดสินค้าบางรายการออกจากบัญชีสินค้าและบริการควบคุม โดยให้เหตุผลว่าสถานการณ์ขณะนี้ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องควบคุมอีกต่อไป แต่กระทรวงพาณิชย์มองว่า หากจะยกเลิกสินค้าบางรายการออกจากบัญชีควบคุม จะทำให้ยากต่อการติดตามดูแล และหากมีปัญหาจะจัดการได้ยาก จึงต้องมีการควบคุมต่อไป
แต่อาจจะมีการปรับมาตรการในการดูแลให้ผ่อนคลายมากขึ้น
นอกจากนี้ จะมีการพิจาณาบัญชีสินค้าติดตามดูแลจำนวน 202 รายการว่าควรจะเพิ่มหรือปรับลดรายการใดออกจากบัญชีหรือไม่ หลังจากที่ภาคเอกชนได้มีการร้องขอให้มีการทบทวนสินค้าบางรายการออกจากบัญชี
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้ได้มีเอกชนผู้ผลิตน้ำดำ คือ แป๊บซี่ และโค๊ก ได้ล๊อบบี้ผ่านผู้ใหญ่ในรัฐบาลขอให้กระทรวงพาณิชย์ปลดออกจากบัญชีสินค้าติดตามดูแล โดยให้เหตุว่า ไม่ใช่สินค้าจำเป็นต่อการครองชีพ จึงไม่ควรที่จะมีการติดตามดูแล และการปรับขึ้นราคาไม่ได้กระทบต่อประชาชน จึงควรจะปล่อยให้กลไกตลาดเป็นผู้กำหนดในเรื่องของราคา
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์มองว่า แม้น้ำดำจะไม่ใช่สินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ แต่ปัจจุบันประชาชนนิยมบริโภคมาก และมีผู้ผลิตเพียงแค่ 2 ราย ซึ่งเป็นผู้นำตลาด หากปลดออกจากบัญชีติดตามดูแล จะทำให้ผู้ผลิตสามารถปรับขึ้นราคาได้ตามใจชอบ และจะส่งผลกระทบต่อประชาชน แต่หากให้คงอยู่ในบัญชีติดตามดูแล จะสามารถติดตามดูแลได้ หากจะมีการปรับขึ้นราคา
ก็ต้องแจ้งมาให้กระทรวงพาณิชย์รับทราบก่อน
อย่างไรก็ตาม คงต้องจับตาดูว่านางพรทิวาจะชี้ขาดในเรื่องนี้อย่างไร จะทดแรงกดดันทางการเมืองได้หรือไม่ หรือจะคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้บริโภค
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า กกร.จะมีการพิจารณาสถานการณ์ราคาสินค้า หลังจากที่เริ่มมีผู้ประกอบการหลายรายได้ทยอยแจ้งขอปรับราคาสินค้าเข้ามายังกรมการค้าภายในอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในเบื้องต้นมีเหล็ก ปุ๋ยเคมี สายไฟฟ้า แบตเตอรี่ และเหล็กรีดเย็นเคลือบดีบุกและโครเมี่ยม (ทินเพลต) ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำหรับผลิตกระป๋อง โดยกกร.
จะมีกำหนดแนวทางและวิธีการในการอนุมัติให้ปรับราคา และจะเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนได้เข้ามามีส่วนร่วมตามที่คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กกร.) ได้เสนอมาด้วย
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า วันนี้ (15 ม.ค.) นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะเรียกประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) เพื่อพิจารณาทบทวนการใช้มาตรการควบคุมสินค้าและบริการ โดยมีแนวโน้มว่าจะเสนอให้คงบัญชีสินค้าและบริการควบคุมตามเดิม จำนวน 38 สินค้า และ 1 บริการ เช่น นมผง/นมสด, นมเปรี้ยวพร้อมดื่ม/โยเกิร์ต,
ครีมเทียมข้นหวาน นมข้น นมคืนรูป นมแปลงไขมัน,เครื่องแบบนักเรียน, น้ำตาลทราย, ข้าวสาร/ข้าวเปลือก,เนื้อสุกร เพราะประกาศกำหนดสินค้าและบริการควบคุมจะหมดอายุลงในเดือนก.พ.นี้ และต้องทบทวนทุกปี
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา มีความพยายามจากภาคเอกชนในการผลักดันให้มีการปลดสินค้าบางรายการออกจากบัญชีสินค้าและบริการควบคุม โดยให้เหตุผลว่าสถานการณ์ขณะนี้ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องควบคุมอีกต่อไป แต่กระทรวงพาณิชย์มองว่า หากจะยกเลิกสินค้าบางรายการออกจากบัญชีควบคุม จะทำให้ยากต่อการติดตามดูแล และหากมีปัญหาจะจัดการได้ยาก จึงต้องมีการควบคุมต่อไป
แต่อาจจะมีการปรับมาตรการในการดูแลให้ผ่อนคลายมากขึ้น
นอกจากนี้ จะมีการพิจาณาบัญชีสินค้าติดตามดูแลจำนวน 202 รายการว่าควรจะเพิ่มหรือปรับลดรายการใดออกจากบัญชีหรือไม่ หลังจากที่ภาคเอกชนได้มีการร้องขอให้มีการทบทวนสินค้าบางรายการออกจากบัญชี
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้ได้มีเอกชนผู้ผลิตน้ำดำ คือ แป๊บซี่ และโค๊ก ได้ล๊อบบี้ผ่านผู้ใหญ่ในรัฐบาลขอให้กระทรวงพาณิชย์ปลดออกจากบัญชีสินค้าติดตามดูแล โดยให้เหตุว่า ไม่ใช่สินค้าจำเป็นต่อการครองชีพ จึงไม่ควรที่จะมีการติดตามดูแล และการปรับขึ้นราคาไม่ได้กระทบต่อประชาชน จึงควรจะปล่อยให้กลไกตลาดเป็นผู้กำหนดในเรื่องของราคา
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์มองว่า แม้น้ำดำจะไม่ใช่สินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ แต่ปัจจุบันประชาชนนิยมบริโภคมาก และมีผู้ผลิตเพียงแค่ 2 ราย ซึ่งเป็นผู้นำตลาด หากปลดออกจากบัญชีติดตามดูแล จะทำให้ผู้ผลิตสามารถปรับขึ้นราคาได้ตามใจชอบ และจะส่งผลกระทบต่อประชาชน แต่หากให้คงอยู่ในบัญชีติดตามดูแล จะสามารถติดตามดูแลได้ หากจะมีการปรับขึ้นราคา
ก็ต้องแจ้งมาให้กระทรวงพาณิชย์รับทราบก่อน
อย่างไรก็ตาม คงต้องจับตาดูว่านางพรทิวาจะชี้ขาดในเรื่องนี้อย่างไร จะทดแรงกดดันทางการเมืองได้หรือไม่ หรือจะคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้บริโภค
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า กกร.จะมีการพิจารณาสถานการณ์ราคาสินค้า หลังจากที่เริ่มมีผู้ประกอบการหลายรายได้ทยอยแจ้งขอปรับราคาสินค้าเข้ามายังกรมการค้าภายในอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในเบื้องต้นมีเหล็ก ปุ๋ยเคมี สายไฟฟ้า แบตเตอรี่ และเหล็กรีดเย็นเคลือบดีบุกและโครเมี่ยม (ทินเพลต) ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำหรับผลิตกระป๋อง โดยกกร.
จะมีกำหนดแนวทางและวิธีการในการอนุมัติให้ปรับราคา และจะเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนได้เข้ามามีส่วนร่วมตามที่คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กกร.) ได้เสนอมาด้วย
