เอกชนจี้ “เจ๊วา” หัดสนใจงานบ้าง หลังเมินประชุมทำทุกอย่างป่วน

เอกชนจี้ “พรทิวา” ประชุมบอร์ดที่นั่งเป็นประธานด่วน ทั้งแข่งขัน สินค้าควบคุม และกองทุนส่งเสริมการค้า หลังไม่สนใจปล่อยเวลาล่วงเลยมาเป็นปี ทำให้งานค้างจำนวนมาก

รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ขณะนี้ภาคเอกชนที่ฟ้องร้องต่อกระทรวงพาณิชย์ ให้พิจารณากรณีการแข่งขันทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมหลายราย ได้เรียกร้องให้คณะกรรมการแข่งขันทางการค้า ที่มี นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เป็นประธาน ประชุมเพื่อพิจารณากรณีฟ้องร้องใหม่ และพิจารณากรณีค้างเก่า เพราะในช่วงปีที่ผ่านมา คณะกรรมการฯ ไม่มีการประชุมเลยส่งผลให้ผู้ประกอบการที่ถูกเอาเปรียบได้รับความเสียหายทางธุรกิจมาก

ทั้งนี้ กรณีฟ้องร้องใหม่ เช่น ร้านค้าในสนามบินสุวรรณภูมิร้องเรียนร้านค้าปลอดภาษี (ดิวตี้ฟรี) ให้บริการผู้ซื้อสามารถฝากเก็บสินค้าไว้ก่อนได้ ซึ่งผู้ร้องเรียนอ้างว่า เป็นการอำนวยความสะดวกทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม ทำให้ร้านค้าอื่นๆ สูญเสียรายได้ และกรณีผู้ผลิตสินค้า (ซัปพลายเออร์) ร้องเรียนห้างค้าปลีกรายใหญ่ขายต่ำกว่าทุน เป็นต้น

ส่วนกรณีค้างพิจารณาเก่า มีทั้งกรณีการขายสินค้าต่ำกว่าทุนของห้างค้าปลีกรายใหญ่ จนทำให้ซัปพลายเออร์ได้รับผลกระทบ การบังคับให้ยี่ปั๊วซื้อน้ำตาลทรายขาวพ่วงน้ำตาลทรายแดง เพราะโรงงานขายน้ำตาลทรายแดงยาก และผู้ให้บริการเกมออนไลน์บังคับขายพ่วงเกมที่ไม่ได้รับความนิยม รวมถึงข้อร้องเรียนที่คณะกรรมการฯมีมติให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงไปแล้ว คือ กรณีบังคับให้เอเย่นต์เบียร์ลีโอ และเบียร์สิงห์ซื้อเหล้าพ่วงเบียร์ กรณีบริษัท บุญรอด บริวเวอรี่ ร้องเรียนเบียร์อาชาขายต่ำกว่าทุน และกรณีร้องเรียนบริษัท เอ.พี.ฮอนด้า ห้ามตัวแทนจำหน่ายขายรถจักรยานยนต์ของบริษัทคู่แข่ง ซึ่งกรณีเหล่านี้ค้างการพิจารณามานาน 6-7 ปีแล้ว

นอกจากนี้ ผู้ส่งออกที่ของบประมาณสนับสนุนด้านการผลักดันการส่งออก จากกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ยังต้องการให้นางพรทิวาในฐานะประธาน ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศโดยเร็ว เพื่อพิจารณาจัดสรรงบประมาณตามที่ขอ เพราะขณะนี้ไม่มีงบประมาณจัดกิจกรรมส่งเสริมการส่งออก

ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการในสินค้าควบคุม ตามกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการพ.ศ.2542 ต้องการให้นางพรทิวา เร่งประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) เพื่อให้มีคำตัดสินที่ชัดเจนว่า สินค้า และบริการควบคุมในปัจจุบัน จำนวน 38 สินค้า และ 1 บริการ เช่น นมผง/นมสด, นมเปรี้ยวพร้อมดื่ม/โยเกิร์ต, ครีมเทียมข้นหวาน นมข้น นมคืนรูป นมแปลงไขมัน,เครื่องแบบนักเรียน, น้ำตาลทราย, ข้าวสาร/ข้าวเปลือก ฯลฯ ยังคงอยู่ในบัญชีควบคุมต่อไปหรือไม่ เพราะประกาศกำหนดสินค้าและบริการควบคุมจะหมดอายุลงในเดือนก.พ.นี้ และต้องทบทวนทุกปี

รายงานข่าวแจ้งว่า การที่คณะกรรมการแข่งขันฯ ยังไม่ประชุม น่าจะเป็นเพราะเกรงว่า หากมีการประชุมและพิจารณาเรื่องร้านค้าปลอดภาษี อาจมีผลกระทบต่อร้านค้าดังกล่าว ที่ให้การสนับสนุนพรรคการเมืองได้ ส่วนกรณีที่ยังไม่ประชุม กกร. เพราะขณะนี้ฝ่ายการเมืองมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องของกรณีที่ผู้ผลิตน้ำอัดลมพยายามล็อบบี้ฝ่ายการเมืองให้ปลดน้ำอัดลมออกจากบัญชีสินค้าที่ต้องติดตามดูแล 202 สินค้า ของกระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้สามารถขึ้นราคาขายได้อย่างเสรี ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตจากกระทรวงพาณิชย์ แต่กระทรวงพาณิชย์ไม่ต้องการให้ปลดออก เพราะเกรงจะกระทบประชาชนได้