จับตาการประชุม กกร.วันนี้ “เจ๊วา” นั่งหัวโต๊ะถกบัญชีสินค้าควบคุม 39 รายการ คาดต่ออายุออกไปอีก เหล็ก-ปุ๋ย-สายไฟฟ้า-แบตเตอรี่ อ้างต้นทุนพุ่ง จ่อปรับขึ้นราคา สะพัดค่ายน้ำดำ “โค้ก-เป๊ปซี่” วิ่งล็อบบี้หนัก หวังปลดพ้นบัญชีสินค้าต้องจับตา
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เตรียมเรียกประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) เพื่อพิจารณาทบทวนการใช้มาตรการควบคุมสินค้าและบริการ โดยคาดว่ามติที่ประชุมมีแนวโน้มจะให้คงบัญชีสินค้าและบริการควบคุมตามเดิมจำนวน 38 สินค้า และอีก 1 บริการ ได้แก่ นมผง นมสด นมเปรี้ยวพร้อมดื่ม โยเกิร์ต ครีมเทียมข้นหวาน นมข้น นมคืนรูป นมแปลงไขมัน เครื่องแบบนักเรียน น้ำตาลทราย ข้าวสาร ข้าวเปลือก เนื้อสุกร เนื่องจากประกาศกำหนดสินค้าและบริการควบคุมจะหมดอายุลงในเดือนกุมภาพันธ์ 2553 นี้ และต้องทบทวนทุกปี
นอกจากนี้ยังคาดว่า การประชุมในวันนี้ กกร.จะมีการพิจารณาบัญชีสินค้าติดตามดูแลจำนวน 202 รายการ เพื่อพิจารณาว่าควรจะเพิ่มหรือปรับลดรายการใดออกจากบัญชี หลังจากภาคเอกชนได้ร้องขอให้มีการทบทวนสินค้าบางรายการ
ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่าได้มีความพยายามล็อบบี้สินค้าบางรายการจากภาคเอกชนในการผลักดันให้มีการปลดสินค้าบางฃนิดออกจากบัญชีสินค้าและบริการควบคุม โดยให้เหตุผลว่า สถานการณ์ขณะนี้ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องควบคุมอีกต่อไป แต่กระทรวงพาณิชย์มองว่า หากจะยกเลิกสินค้าบางรายการออกจากบัญชีควบคุม จะทำให้ยากต่อการติดตามดูแล และหากมีปัญหาจะจัดการได้ยาก จึงต้องมีการควบคุมต่อไป แต่อาจจะมีการปรับมาตรการในการดูแลให้ผ่อนคลายมากขึ้น
โดยกระแสข่าวลือระบุว่า เอกชนผู้ผลิตน้ำอัดลมสีดำ ทั้งโค้กและเป๊ปซี่ได้เข้าล็อบบี้ผู้ใหญ่ในรัฐบาล เพื่อขอให้กระทรวงพาณิชย์ปลดออกจากบัญชีสินค้าติดตามดูแล พร้อมให้เหตุผลว่าไม่ใช่สินค้าจำเป็นต่อการครองชีพ จึงไม่ควรที่จะมีการติดตามดูแล และการปรับขึ้นราคาไม่ได้กระทบต่อประชาชน จึงควรจะปล่อยให้กลไกตลาดเป็นผู้กำหนดในเรื่องของราคา
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์มองว่า แม้สินค้าน้ำดำจะไม่ใช่สินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ แต่ปัจจุบันประชาชนนิยมบริโภคมาก และมีผู้ผลิตเพียง 2 ราย ซึ่งเป็นผู้นำตลาด หากปลดออกจากบัญชีติดตามดูแลจะทำให้ผู้ผลิตสามารถปรับขึ้นราคาได้ตามใจชอบ และจะส่งผลกระทบต่อประชาชน แต่หากให้อยู่ในบัญชีติดตามดูแลจะสามารถติดตามควบคุมได้ หากจะปรับขึ้นราคาก็ต้องแจ้งให้กระทรวงพาณิชย์ทราบก่อน เรื่องดังกล่าว คงต้องจับตาดูว่า รมว.พาณิชย์จะชี้ขาดในเรื่องนี้อย่างไร
มีรายงานข่าวเพิ่มเติมว่า การประชุม กกร.วันนี้ยังได้มีการพิจารณาสถานการณ์ราคาสินค้า หลังจากที่เริ่มมีผู้ประกอบการหลายรายได้ทยอยแจ้งขอปรับราคาสินค้าเข้ามายังกรมการค้าภายในอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในเบื้องต้นมี เหล็ก, ปุ๋ยเคมี, สายไฟฟ้า, แบตเตอรี่ และเหล็กรีดเย็นเคลือบดีบุกและโครเมียม (ทินเพลต) ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำหรับผลิตกระป๋อง โดย กกร.จะมีการกำหนดแนวทางและวิธีการในการอนุมัติให้ปรับราคา และจะเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนได้เข้ามามีส่วนร่วมตามที่ กกร.ได้เสนอมา
