xs
xsm
sm
md
lg

22มกราฯชี้ชะตาสุรเดชžรอดหรือหลุดส.ว.ปราจีนฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ ( 14 ม.ค.) คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นำโดยนายชัช ชลวร ประธานตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังก์ เพื่อไต่สวนพยานฝ่ายผู้ถูกร้อง ในคดีที่ประธานวุฒิสภาขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 91 กรณีสมาชิกภาพของนายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ ส.ว.ปราจีนบุรี สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 119(4) และมาตรา 115 (6) หรือไม่ หลัง กกต.มีมติว่านายสุรเดช พ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ไม่ถึง 5 ปี ตามที่กฎหมายกำหนด เป็นคุณสมบัติของผู้มีสิทธิลงสมัครสมาชิกวุฒิสภา
ทั้งนี้พยานที่ฝ่ายผู้ถูกร้องขอนำสืบมีทั้งหมด 8 ปากแต่มาศาลเพียง 3 ปาก คือ นายสุรเดช นายพลากร ศรีสุวรรณ ผู้อำนวยการเลือกตั้งปราจีนบุรี และ พ.ต.อ.โดม วิศิษฐ์สรอรรถ อดีตเจ้าหน้าที่ กกต.ในฐานะอนุกรรมการสอบสวนกกต. ฝ่ายเสียงข้างน้อย ส่วนพยาน 5 ปากที่เหลือฝ่ายผู้ถูกร้องไม่ติดใจนำสืบ
นายสุรเดช ได้ชี้แจงว่า เมื่อมีความตั้งใจจะสมัครส.ว.ก็ได้ไปยื่นใบลาออก จากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ด้วยตนเองเมื่อวันที่ 13 พ.ค. 2545 และเมื่อมีการรับสมัครส.ว.ปราจีนบุรี ในวันที่ 21 ม.ค. 2551 ในใบสมัครก็ระบุว่า หากกรอกข้อความอันเป็นเท็จต้องรับโทษทั้งทางแพ่งและอาญา ด้วยความที่ตนมั่นใจว่ามีคุณสมบัติครบถ้วนจึงได้ยื่นใบสมัคร และแม้ต่อมา ผอ.กต.จว.ปราจีนไม่ประกาศให้เป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ตนก็มีหนังสือสอบถามไปยังพรรคประชาธิปัตย์ ถึงกรณียังมีชื่อเป็นสมาชิกพรรคก็ได้รับการยืนยันกลับมาว่ามีความคลาดเคลื่อน ขณะที่สำนักงาน กกต.ก็อ้างว่ารอการตรวจสอบจากพรรคประชาธิปัตย์ สุดท้ายก็ได้รับการประกาศให้เป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งและได้รับการเลือกตั้งรวมทั้งกกต.ประกาศรับรอง
ขอยืนยันว่าหลังลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เมื่อวันที่ 13 พ.ค.2545 แล้วก็ไม่เคยไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด ที่บอกว่ามีชื่อผมสมัครเข้าไปเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์อีกครั้งหลังจากนั้น 8 วันคือในวันที่ 21 พ.ค. 2545 จะเป็นไปได้อย่างไร เพราะหนังสือตอบรับการลาออกจากการเป็นสมาชิก พรรคประชาธิปัตย์ที่พรรคมีมาถึงผมนั้นลงวันที่ 22 พ.ค.2545 อีกทั้งถ้าผมสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคฯใหม่อีกครั้งทำไมยังได้เลขประจำตัวสมาชิกพรรค หมายเลขเดิม แถมเมื่อตรวจสอบบัญชีสมาชิกพรรคที่พรรคประชาธิปัตย์ส่งให้กับนายทะเบียนพรรคการเมืองก็พบว่า เลขประจำตัวสมาชิกที่อ้างว่าเป็นของผมนั้นมีชื่อบุคคลอื่นเป็นสมาชิกด้วย และเลขประจำตัวเลขเดียวมีชื่อคนเป็น สมาชิกสองคนยังมีอีกหลายรายการด้วย
นายสุรเดช ยังกล่าวด้วยว่า การพิจารณาของ กกต.ไม่เป็นธรรม เพราะในระดับจังหวัดก็มีการยกคำร้องไปแล้ว แต่อยู่ดีๆ กกต.กลางก็กลับเอามาพิจารณาและถามหาแต่ใบลาออก ไม่แสวงหาข้อเท็จจริงอื่นมาประกอบ ทั้งที่พรรคประชาธิปัตย์ก็บอกว่าแล้วว่าข้อมูลคลาดเคลื่อน ซึ่งตนไม่ได้กลับไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ใหม่ในวันที่ 21 พ.ค. 45 แล้วจะมีใบลาออกได้อย่างไร ดังนั้นกรณีนี้จึงเป็นเรื่องความคาดเคลื่อนระหว่างประชาธิปัตย์และกกต ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตนเอง ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์เขาก็คงไม่มาช่วยเหลือตน โดยรับรองข้อมูลอันเป็นเท็จ เพราะตนก็ไมได้ไปร่วมทำกิจกรรมอะไรกับพรรคเขา และตอนนั้นก็ยังไม่แน่ว่าจะได้รับการเลือกตั้ง
ด้านนายพลากร ศรีสุธรรม ผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำจังหวัดปราจีนบุรี ให้การว่าหลังจากรับสมัครแล้วก็ได้มีการตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครกับเว็บไซด์ กกต. รวมทั้งสำนักงาน กกต. แต่ขณะนั้นยังไม่มีความชัดเจนของข้อมูล กกต.จังหวัดเวลานั้นจึงยังถือว่าผู้นั้นมีคุณสมบัติครบถ้วน และยอมรับว่าหลัง กกต.ประกาศรับรองผลแล้ว ทาง กกต.จังหวัดได้มีการประชุมและมีมติตอบหนังสือของนายสุรเดช ที่สอบถามมา กรณีมีข่าวลือว่าขาดคุณสมบัติโดยระบุว่าตรวจสอบแล้วนายสุรเดช และผู้สมัครอีก 4 คนมีคุณสมบัติครบถ้วน
อย่างไรก็ตามหลังการไต่สวนคณะตุลาการฯได้มีการประชุมและนัดคู่กรณีฟังคำวินิจฉัยคดีในวันศุกร์ที่ ที่ 22 ม.ค. เวลา 14.00 น.
กำลังโหลดความคิดเห็น