xs
xsm
sm
md
lg

ศาล รธน.นัดชี้สมาชิกภาพ “สุรเดช” ศุกร์หน้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศาล รธน.นัดชี้ชะตา “สุรเดช” ตกเก้าอี้ ส.ว.ปราจีนฯ หรือไม่ 22 ต.ค.นี้ เจ้าตัวชี้พิรุธสมัครสมาชิก ปชป.ใหม่ทำไมได้เลขประจำตัวสมาชิกหมายเลขเดิม แถมเลขสมาชิกเดียวเจอชื่อ 2 คนเป็นสมาชิกอื้อ โต้ กกต.กลางไม่เป็นธรรมถามหาแต่ใบลาออก แต่กลับไม่แสวงหาข้อเท็จจริงอื่น อีกทั้ง กกต.จังหวัดสั่งยกคำร้องไปแล้ว

วันนี้ (14 ม.ค.) คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นำโดยนายชัช ชลวร ประธานตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังก์เพื่อไต่สวนพยานฝ่ายผู้ถูกร้องในคดีที่ประธานวุฒิสภาขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 91 กรณีสมาชิกภาพของนายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ ส.ว.ปราจีนบุรี สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 119 (4) และมาตรา 115 (6) หรือไม่ หลังกกต.มีมติว่านายสุรเดช พ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ไม่ถึง 5 ปี ตามที่กฎหมายกำหนดเป็นคุณสมบัติของผู้มีสิทธิลงสมัครสมาชิกวุฒิสภา

ทั้งนี้ พยานที่ฝ่ายผู้ถูกร้องขอนำสืบมีทั้งหมด 8 ปากแต่มาศาลเพียง 3 ปาก คือ นายสุรเดช นายพลากร ศรีสุวรรณ ผู้อำนวยการเลือกตั้งปราจีนบุรี และ พ.ต.อ.โดม วิศิษฐ์สรอรรถ อดีตเจ้าหน้าที่กกต.ในฐานะอนุกรรมการสอบสวน กกต.ฝ่ายเสียงข้างน้อย ส่วนพยาน 5 ปากที่เหลือฝ่ายผู้ถูกร้องไม่ติดใจนำสืบ

โดยนายสุรเดชได้ชี้แจงว่า เมื่อมีความตั้งใจจะสมัคร ส.ว.ก็ได้ไปยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ด้วยตนเองเมื่อวันที่ 13 พ.ค.45 และเมื่อมีการรับสมัคร ส.ว.ปราจีนในวันที่ 21 ม.ค.51 ในใบสมัครก็ระบุว่าหากกรอกข้อความอันเป็นเท็จต้องรับโทษทั้งทางแพ่งและอาญา ด้วยความที่ตนมั่นใจว่ามีคุณสมบัติครบถ้วนจึงได้ยื่นใบสมัคร และแม้ต่อมา ผอ.กต.จว.ปราจีนฯ ไม่ประกาศให้เป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ตนก็มีหนังสือสอบถามไปยังพรรคประชาธิปัตย์ ถึงกรณียังมีชื่อเป็นสมาชิกพรรค ก็ได้รับการยืนยันกลับมาว่ามีความคลาดเคลื่อน ขณะที่สำนักงาน กกต.ก็อ้างว่ารอการตรวจสอบจากพรรคประชาธิปัตย์ สุดท้ายก็ได้รับการประกาศให้เป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งและได้รับการเลือกตั้งรวมทั้ง กกต.ประกาศรับรอง

“ขอยืนยันว่าหลังลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เมื่อวันที่ 13 พ.ค.45 แล้วก็ไม่เคยไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด ที่บอกว่ามีชื่อผมสมัครเข้าไปเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์อีกครั้งหลังจากนั้น 8 วันคือในวันที่ 21 พ.ค.45 จะเป็นไปได้อย่างไร เพราะหนังสือตอบรับการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ที่พรรคมีมาถึงผมนั้นลงวันที่ 22 พ.ค.45 อีกทั้งถ้าผมสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคใหม่อีกครั้ง ทำไมยังได้เลขประจำตัวสมาชิกพรรคหมายเลขเดิม แถมเมื่อตรวจสอบบัญชีสมาชิกพรรคที่พรรคประชาธิปัตย์ ส่งให้กับนายทะเบียนพรรคการเมืองก็พบว่า เลขประจำตัวสมาชิกที่อ้างว่าเป็นของผมนั้น มีชื่อบุคคลอื่นเป็นสมาชิกด้วย และเลขประจำตัวเลขเดียวมีชื่อคนเป็นสมาชิกสองคนยังมีอีกหลายรายการด้วย”

นายสุรเดชยังกล่าวด้วยว่า การพิจารณาของ กกต.ไม่เป็นธรรม เพราะในระดับจังหวัดก็มีการยกคำร้องไปแล้ว แต่อยู่ดีๆ กกต.กลางก็กลับเอามาพิจารณาและถามหาแต่ใบลาออก ไม่แสวงหาข้อเท็จจริงอื่นมาประกอบ ทั้งที่พรรคประชาธิปัตย์ก็บอกว่าแล้วว่าข้อมูลคลาดเคลื่อน ซึ่งตนไม่ได้กลับไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ใหม่ในวันที่ 21 พ.ค.45 แล้วจะมีใบลาออกได้อย่างไร ดังนั้น กรณีนี้จึงเป็นเรื่องความคาดเคลื่อนระหว่างประชาธิปัตย์และกกต.ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตนเอง ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์เขาก็คงไม่มาช่วยเหลือตนโดยรับรองข้อมูลอันเป็นเท็จ เพราะตนก็ไมได้ไปร่วมทำกิจกรรมอะไรกับพรรคเขา และตอนนั้นก็ยังไม่แน่ว่าจะได้รับการเลือกตั้ง

ด้าน นายพลากร ศรีสุธรรม ผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำจังหวัดปราจีนบุรี ให้การว่าหลังจากรับสมัครแล้วก็ได้มีการตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครกับเว็บไซต์ กกต. รวมทั้งสำนักงาน กกต. แต่ขณะนั้นยังไม่มีความชัดเจนของข้อมูล กกต.จว.เวลานั้นจึงยังถือว่าผู้นั้นมีคุณสมบัติครบถ้วน และยอมรับว่าหลัง กกต.ประกาศรับรองผลแล้ว ทาง กกต.จว.ได้มีการประชุมและมีมติตอบหนังสือของนายสุรเดช ที่สอบถามมากรณีมีข่าวลือว่าขาดคุณสมบัติโดยระบุว่าตรวจสอบแล้วนายสุรเดช และผู้สมัครอีก 4 คนมีคุณสมบัติครบถ้วน

อย่างไรก็ตาม หลังการไต่สวนคณะตุลาการฯได้มีการประชุมและนัดจคู่กรณีฟังคำวินิจฉัยคดีในวันศุกร์ที่ ที่ 22 ม.ค. เวลา 14.00 น
กำลังโหลดความคิดเห็น