โฆษกส่วนตัวนายกฯ ซัด “ไอ้ตู่” อย่าเหิมเกริมองคมนตรี หลังแสดงความเห็นกระทบถึง “พ่อแม้ว” สอนให้มีมารยาทให้ความเคารพผู้ใหญ่ ชี้สถานะองคมนตรีไม่ใช่ให้ใครดึงมาด่าเล่น ย้อนถามวิเศษมาจากไหนใครถึงแตะไม่ได้
วันนี้ (4 ก.ย.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ออกมากล่าวโจมตีนายอำพล เสนาณรงค์ องคมนตรี ว่าการออกมาบรรยายของนายอำพลให้สติแก่สังคม ซึ่งทุกคนก็ควรจะยอมรับเพราะท่านเป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมือง แต่การแสดงความเห็นของท่านเป็นข้อเท็จจริงที่อาจจะกระทบ หรือสอดคล้องกับพฤติกรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณบ้าง ลิ่วล้อก็ไม่ควรจะออกมาอาละวาด ฟาดงวงฟาดงาในลักษณะไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ ทั้งที่ควรจะไตร่ตรองว่าข้อคิดขององคมนตรีมีประโยชน์ต่อสังคมและควรนำมาปรับปรุงในส่วนใดบ้าง มากกว่าการโจมตีและยัดเยียดใส่ร้ายว่าเป็นพวกเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งที่สถานะขององคมนตรี กับนักการเมืองแตกต่างกัน องคมนตรีคือผู้ที่อยู่เหนือการเมือง เป็นที่ปรึกษากษัตริย์ ส่วนนักการเมืองอยู่ในฐานะคู่แข่งทางการเมืองกับพรรคเพื่อไทย ไม่ควรที่จะเหมารวมว่าใครก็ตามที่วิจารณ์พฤติกรรมของทักษิณ ว่าเป็นศัตรูเสียทั้งหมด มิเช่นนั้นแล้ววันข้างหน้าก็ไม่มีใครที่จะออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมืองในแนวทางที่ถูกต้อง สังคมก็จะเสียโอกาสในการที่จะรับรู้ข้อเท็จจริง
นายเทพไทกล่าวว่า ตนอยากจะถามว่าทำไมคนเหล่านี้ที่เป็นลูกน้องของ พ.ต.ท.ทักษิณมาตั้งป้อมใส่ร้ายโจมตีองคมนตรีนับครั้งไม่ถ้วน และถูกพาดพิงจวนจะครบทุกคน นับตั้งแต่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ นายพลากร สุวรรณรัฐ และล่าสุดก็คือ นายอำพล เสนาณรงค์ เมื่อคนเหล่านี้จาบจ้วงได้กับองคมนตรีแล้วก็ไม่มีหลักประกันอะไรว่าจะเลยเถิดไปถึงสถาบันเบื้องสูงที่อยู่เหนือกว่าองคมนตรี
“ผมยากถามพวกลิ่วล้อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีดีอะไรพิเศษกว่ามนุษย์ธรรมดาแค่ไหนที่ใครไม่สามารถแตะต้องได้ เพียงแค่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ลิ่วล้อก็ดาหน้าออกมาตอบโต้อย่างเมามันโดยไม่คำนึงถึงหน้าอินทร์หน้าพรหมว่าเป็นใครมาจากไหน ซึ่งข้อเท็จจริงแล้วก็ควรที่จะคำนึงถึงวัฒนธรรมความเป็นไทยและมารยาททางสังคมว่าควรที่ผู้น้อยควรเคารพผู้ใหญ่ และให้เกียรติกับผู้ที่สูงเกียรติกว่า” นายเทพไทระบุ
ส่วนที่จตุพรบอกว่านายอำพลมีสถานะไม่ต่างกับนายเทพไทนั้น จะขอเตือนนายจตุพรว่าถ้าจะตอบโต้ทางการเมืองกับตนเองซึ่งเป็นนักการเมืองด้วยกันก็ไม่ใช่เป็นเรื่องที่น่าเสียหาย แต่การดึงคนระดับองคมนตรีมายุ่งเกี่ยวกับนักการเมืองเป็นเรื่องที่สังคมยอมรับไม่ได้ เพราะสถานะนักการเมืองกับองคมนตรีแตกต่างกัน ไม่ควรที่จะให้ผู้ที่เป็นที่ให้คำปรึกษากับพระมหากษัตริย์มาแปดเปื้อนกับนักการเมืองอย่างนายจตุพร
