ASTVผู้จัดการรายวัน-ผบช.น.เตรียมปัดฝุ่นกฎหมายอั้งยี่ซ่องโจร ปราบช่างกลก่อความรุนแรง ระบุพบรุ่นพี่ตั้งกองทุนเงินประกันตัวหนุนรุ่นน้องสร้างความวุ่นวาย วอนกระทรวงศึกษาธิการควบคุมดูแลจริงจัง ผลหารือได้ข้อสรุป ตร.ตามเช็กบิลรุ่นพี่ถูกดร็อปเรียนปั่นหัวน้องช่างกล
จากกรณีที่ นายจักรพงษ์ สุขกาหวาน อายุ 20 ปี นายวสันต์ ศรีสมุทร อายุ 23 ปี และน.ส.ศุภามาศ พงษ์วัฒนาเกียรติ อายุ 20 ปี นักศึกษาเทคโนโลยีปทุมวัน ถูกคนร้าย 2 คนขับรถจักรยานยนต์ยิงใส่ บริเวณริมรั้วด้านหน้าสถาบัน ถนนพระราม 1 แขวงและเขตปทุมวัน กทม. เมื่อวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา
วานนี้(13 ม.ค.)ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น.เปิดเผยว่าได้เข้าไปดูสำนวนในคดีนี้ที่ สน.ปทุมวัน โดยพบว่าสำนวนมีความคืบหน้าไปมาก ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถจับกุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีได้ไม่ยาก เนื่องจาก สน.ปทุมวัน มีประวัตินักศึกษากลุ่มเสี่ยงทั้ง 2 สถาบัน คือ เทคโนโลยีปทุมวัน และวิทยาเขตอุเทนถวายอยู่แล้ว โดยเหตุการณ์นี้เป็นมาอย่างยาวนานแล้ว อยากให้กระทรวงศึกษาธิการที่เป็นหน่วยงานหลักเข้ามาดูแลอย่างจริงจัง โดยในส่วนของตำรวจที่เข้ามาแก้ปัญหาเป็นเพียงปลายเหตุเท่านั้น จึงอยากให้ทุกหน่วยงานเข้ามาแก้ปัญหา นอกจากนี้ยังพิจารณาเตรียมนำกฎหมายอั้งยี่ซ่องโจรมาใช้ในการดำเนินคดีกับรุ่นพี่ทั้ง 2 สถาบันที่ให้การสนับสนุนในการก่อเหตุทะเลาะวิวาท
"จากแนวทางการสืบสวนพบว่า มีรุ่นพี่ในสถาบันคอยรวบรวมเงินไว้เป็นกองทุนสนับสนุนรุ่นน้องในการก่อเหตุทะเลาะวิวาท และใช้เป็นกองทุนในการประกันตัวรุ่นน้อง หากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม ซึ่งผู้ที่อยู่เบื้องหลังดังกล่าวจะต้องได้รับโทษด้วย"
ด้าน พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รอง ผบช.น.กล่าวว่า ขณะนี้ทราบตัวคนร้ายที่ก่อเหตุแล้ว แต่ผู้ต้องสงสัยยังให้การปฏิเสธ โดยให้การว่ารถจักรยานยนต์คันดังกล่าวได้ให้เพื่อนยืมไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการสอบสวนเกี่ยวกับข้อมูลผู้ใช้รถ นอกจากนี้ ตำรวจกำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อดำเนินการจับกุมตัวคนร้ายในคดีนี้ทั้งหมดมาดำเนินคดี สำหรับอาวุธที่คนร้ายใช้ก่อเหตุเป็นอาวุธปืนขนาด .38 โดยผู้บาดเจ็บปลอดภัยและมีอาการดีขึ้น อีกทั้งยังให้การเป็นประโยชน์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย
พล.ต.ต.สุเมธ กล่าวอีกว่า ในเบื้องต้นทราบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุมี 2 คน สำหรับพื้นที่ดังกล่าว หากมีเหตุเกิดขึ้นในลักษณะนี้ก็จะมีการเข้มงวดในการลงตรวจพื้นที่ดูแลความเรียบร้อย เพื่อป้องกันการก่อเหตุซ้ำ รวมถึงอาจมีการส่งกำลังเสริมเข้าไปโดยเฉพาะในช่วงที่มีเหตุ และในวันที่ 15 ก.พ. (วันบลูเดย์) จะเป็นวันสถาปนาของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย โดยในวันดังกล่าวเจ้าหน้าที่จะมีการดูแลความเรียบร้อยเพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้เบาะแสจากพยานรายหนึ่งที่เห็นเหตุการณ์ว่า คนร้ายที่ก่อเหตุได้ขับขี่ จยย. ยี่ห้อยามาฮ่า แบบผู้หญิง ใช้ถุงพลาสติกสีดำคลุมแผ่นป้ายทะเบียนเอาไว้ โดยหลังเกิดเหตุ พยานรายนี้ได้ขี่รถ จยย. ตาม รถจยย. ของคนร้ายที่ขับขี่หลบหนีมุ่งหน้าไปทางห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง เมื่อถึงแยกปทุมวัน คนร้ายก็เลี้ยวซ้ายเข้าถนนพญาไท มุ่งหน้าไปแยกราชเทวี เมื่อไปถึงหน้าโรงแรมเอเชีย คนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายได้ลงมาถอดถุงพลาสติกออก จนพยานเห็นหมายเลขทะเบียนรถคนร้ายคือ กตย-862 อำนาจเจริญ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบหมายเลขทะเบียนรถคันดังกล่าว และติดตามเจ้าของรถดังกล่าวมาสอบสวน
ต่อมาเวลา 14.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ที่ปรึกษา (สบ 10) ได้เรียกประชุมคณะทำงานที่เกี่ยวข้องกับการหาแนวทางป้องกันปัญหานักศึกษาช่างกลก่อเหตุทะเลาะวิวาท โดยมี พล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.วิทยา รัตนวิชช์ ผบก.น.6 พ.ต.อ.ไพศาล ลือสมบูรณ์ ผกก.สน.ปทุมวัน ผู้แทนจากกระทรวงศึกษาธิการ ผู้บริหารสถานศึกษาชื่อดัง 4 แห่ง คือ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออกวิทยาเขตอุเทนถวาย สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน สถาบันมีนบุรีโปลีเทคนิค และสถาบันเทคโนโลยีดุสิต
พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ เปิดเผยว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้ข้อสรุปว่า จะใช้กฎหมายในการดำเนินการเอาผิดกับนักศึกษาที่ก่อเหตุรวมถึงกลุ่มนักเรียนนักศึกษาที่ถูกพักการเรียนและเรียนจบแล้ว ที่คิดจะมาปลูกฝังรุ่นน้องให้กระทำความผิด รวมถึงการมั่วสุมในสถาบันศึกษา เพราะเท่าที่ได้ฟังจาก พ.ต.อ.ไพศาล ทราบว่า นศ.ที่เข้ามาในสถาบันส่วนใหญ่เป็น นศ.ที่ถูกดร็อปการเรียน และนศ.ที่ออกจากสถาบันไปแล้ว เข้ามามั่วสุมกินเหล้า ยุยงรุ่นน้อง สร้างทัศนคติที่ผิดๆ ข่มขู่รุ่นน้องไม่เว้นแม้กระทั่งอาจารย์
“ผมไม่รู้ว่าเด็กที่ทำร้ายผู้อื่น ข่มขู่ทำร้ายแม้กระทั่งอาจารย์ จะสามารถเรียกว่าลูกศิษย์ได้หรือไม่ กลุ่มคนเหล่านี้ที่เป็นรุ่นพี่ที่เคยเรียน แล้วเอาแนวคิดผิดๆมาปลูกฝังรุ่นน้อง ไม่ได้เรียกว่ารักหรือทำเพื่อสถาบัน แต่มันเป็นการล้างแค้น ถ้าคนที่รักสถาบันจะต้องเอาเด่นเอาดีอีกอย่างหนึ่ง รุ่นพี่ที่ดีต้องไม่สอนน้องแบบนี้ การกระทำที่เกิดขึ้นขณะนี้มันมีแต่ความแค้น ความอิจฉา เหมือนพวกโรคจิต นอกจากนี้ยังมีข้อมูลว่ากลุ่มรุ่นพี่พยายามสร้างลัทธิใหม่ให้กับรุ่นน้องในสถาบัน โดยการเอาเหล็กเฟืองจี้ที่หน้าอกและแขนของรุ่นน้อง โดยปลูกฝังค่านิยมที่ว่า หากใครมีสัญลักษณ์ดังกล่าวจะถือว่าเป็นฮีโร่ในกลุ่ม ซึ่งเป็นค่านิยมที่ผิดอย่างมาก” พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าว
สาเหตุโดยสรุปตอนนี้ก็คือ ทางอาจารย์ไม่กล้าให้ข้อมูลกับตำรวจ ซึ่งขณะนี้ทางกระทรวงศึกษาธิการก็ได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้เข้าไปดำเนินการดูแลความเรียบร้อยในสถาบันดังกล่าวโดยใช้กฎหมายเป็นแนวทางในการปฏิบัติ สำหรับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะใช้กฎหมายอย่างเฉียบขาดกับผู้กระทำผิดหรือผู้ที่ก่อเหตุ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการทะเลาะวิวาทขึ้นอีก สำหรับคดีที่เกิดขึ้นทางเจ้าหน้าที่ก็จะดำเนินการจับกุมตัวคนร้ายต่อไป
จากกรณีที่ นายจักรพงษ์ สุขกาหวาน อายุ 20 ปี นายวสันต์ ศรีสมุทร อายุ 23 ปี และน.ส.ศุภามาศ พงษ์วัฒนาเกียรติ อายุ 20 ปี นักศึกษาเทคโนโลยีปทุมวัน ถูกคนร้าย 2 คนขับรถจักรยานยนต์ยิงใส่ บริเวณริมรั้วด้านหน้าสถาบัน ถนนพระราม 1 แขวงและเขตปทุมวัน กทม. เมื่อวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา
วานนี้(13 ม.ค.)ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น.เปิดเผยว่าได้เข้าไปดูสำนวนในคดีนี้ที่ สน.ปทุมวัน โดยพบว่าสำนวนมีความคืบหน้าไปมาก ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถจับกุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีได้ไม่ยาก เนื่องจาก สน.ปทุมวัน มีประวัตินักศึกษากลุ่มเสี่ยงทั้ง 2 สถาบัน คือ เทคโนโลยีปทุมวัน และวิทยาเขตอุเทนถวายอยู่แล้ว โดยเหตุการณ์นี้เป็นมาอย่างยาวนานแล้ว อยากให้กระทรวงศึกษาธิการที่เป็นหน่วยงานหลักเข้ามาดูแลอย่างจริงจัง โดยในส่วนของตำรวจที่เข้ามาแก้ปัญหาเป็นเพียงปลายเหตุเท่านั้น จึงอยากให้ทุกหน่วยงานเข้ามาแก้ปัญหา นอกจากนี้ยังพิจารณาเตรียมนำกฎหมายอั้งยี่ซ่องโจรมาใช้ในการดำเนินคดีกับรุ่นพี่ทั้ง 2 สถาบันที่ให้การสนับสนุนในการก่อเหตุทะเลาะวิวาท
"จากแนวทางการสืบสวนพบว่า มีรุ่นพี่ในสถาบันคอยรวบรวมเงินไว้เป็นกองทุนสนับสนุนรุ่นน้องในการก่อเหตุทะเลาะวิวาท และใช้เป็นกองทุนในการประกันตัวรุ่นน้อง หากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม ซึ่งผู้ที่อยู่เบื้องหลังดังกล่าวจะต้องได้รับโทษด้วย"
ด้าน พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รอง ผบช.น.กล่าวว่า ขณะนี้ทราบตัวคนร้ายที่ก่อเหตุแล้ว แต่ผู้ต้องสงสัยยังให้การปฏิเสธ โดยให้การว่ารถจักรยานยนต์คันดังกล่าวได้ให้เพื่อนยืมไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการสอบสวนเกี่ยวกับข้อมูลผู้ใช้รถ นอกจากนี้ ตำรวจกำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อดำเนินการจับกุมตัวคนร้ายในคดีนี้ทั้งหมดมาดำเนินคดี สำหรับอาวุธที่คนร้ายใช้ก่อเหตุเป็นอาวุธปืนขนาด .38 โดยผู้บาดเจ็บปลอดภัยและมีอาการดีขึ้น อีกทั้งยังให้การเป็นประโยชน์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย
พล.ต.ต.สุเมธ กล่าวอีกว่า ในเบื้องต้นทราบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุมี 2 คน สำหรับพื้นที่ดังกล่าว หากมีเหตุเกิดขึ้นในลักษณะนี้ก็จะมีการเข้มงวดในการลงตรวจพื้นที่ดูแลความเรียบร้อย เพื่อป้องกันการก่อเหตุซ้ำ รวมถึงอาจมีการส่งกำลังเสริมเข้าไปโดยเฉพาะในช่วงที่มีเหตุ และในวันที่ 15 ก.พ. (วันบลูเดย์) จะเป็นวันสถาปนาของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย โดยในวันดังกล่าวเจ้าหน้าที่จะมีการดูแลความเรียบร้อยเพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้เบาะแสจากพยานรายหนึ่งที่เห็นเหตุการณ์ว่า คนร้ายที่ก่อเหตุได้ขับขี่ จยย. ยี่ห้อยามาฮ่า แบบผู้หญิง ใช้ถุงพลาสติกสีดำคลุมแผ่นป้ายทะเบียนเอาไว้ โดยหลังเกิดเหตุ พยานรายนี้ได้ขี่รถ จยย. ตาม รถจยย. ของคนร้ายที่ขับขี่หลบหนีมุ่งหน้าไปทางห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง เมื่อถึงแยกปทุมวัน คนร้ายก็เลี้ยวซ้ายเข้าถนนพญาไท มุ่งหน้าไปแยกราชเทวี เมื่อไปถึงหน้าโรงแรมเอเชีย คนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายได้ลงมาถอดถุงพลาสติกออก จนพยานเห็นหมายเลขทะเบียนรถคนร้ายคือ กตย-862 อำนาจเจริญ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบหมายเลขทะเบียนรถคันดังกล่าว และติดตามเจ้าของรถดังกล่าวมาสอบสวน
ต่อมาเวลา 14.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ที่ปรึกษา (สบ 10) ได้เรียกประชุมคณะทำงานที่เกี่ยวข้องกับการหาแนวทางป้องกันปัญหานักศึกษาช่างกลก่อเหตุทะเลาะวิวาท โดยมี พล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.วิทยา รัตนวิชช์ ผบก.น.6 พ.ต.อ.ไพศาล ลือสมบูรณ์ ผกก.สน.ปทุมวัน ผู้แทนจากกระทรวงศึกษาธิการ ผู้บริหารสถานศึกษาชื่อดัง 4 แห่ง คือ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออกวิทยาเขตอุเทนถวาย สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน สถาบันมีนบุรีโปลีเทคนิค และสถาบันเทคโนโลยีดุสิต
พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ เปิดเผยว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้ข้อสรุปว่า จะใช้กฎหมายในการดำเนินการเอาผิดกับนักศึกษาที่ก่อเหตุรวมถึงกลุ่มนักเรียนนักศึกษาที่ถูกพักการเรียนและเรียนจบแล้ว ที่คิดจะมาปลูกฝังรุ่นน้องให้กระทำความผิด รวมถึงการมั่วสุมในสถาบันศึกษา เพราะเท่าที่ได้ฟังจาก พ.ต.อ.ไพศาล ทราบว่า นศ.ที่เข้ามาในสถาบันส่วนใหญ่เป็น นศ.ที่ถูกดร็อปการเรียน และนศ.ที่ออกจากสถาบันไปแล้ว เข้ามามั่วสุมกินเหล้า ยุยงรุ่นน้อง สร้างทัศนคติที่ผิดๆ ข่มขู่รุ่นน้องไม่เว้นแม้กระทั่งอาจารย์
“ผมไม่รู้ว่าเด็กที่ทำร้ายผู้อื่น ข่มขู่ทำร้ายแม้กระทั่งอาจารย์ จะสามารถเรียกว่าลูกศิษย์ได้หรือไม่ กลุ่มคนเหล่านี้ที่เป็นรุ่นพี่ที่เคยเรียน แล้วเอาแนวคิดผิดๆมาปลูกฝังรุ่นน้อง ไม่ได้เรียกว่ารักหรือทำเพื่อสถาบัน แต่มันเป็นการล้างแค้น ถ้าคนที่รักสถาบันจะต้องเอาเด่นเอาดีอีกอย่างหนึ่ง รุ่นพี่ที่ดีต้องไม่สอนน้องแบบนี้ การกระทำที่เกิดขึ้นขณะนี้มันมีแต่ความแค้น ความอิจฉา เหมือนพวกโรคจิต นอกจากนี้ยังมีข้อมูลว่ากลุ่มรุ่นพี่พยายามสร้างลัทธิใหม่ให้กับรุ่นน้องในสถาบัน โดยการเอาเหล็กเฟืองจี้ที่หน้าอกและแขนของรุ่นน้อง โดยปลูกฝังค่านิยมที่ว่า หากใครมีสัญลักษณ์ดังกล่าวจะถือว่าเป็นฮีโร่ในกลุ่ม ซึ่งเป็นค่านิยมที่ผิดอย่างมาก” พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าว
สาเหตุโดยสรุปตอนนี้ก็คือ ทางอาจารย์ไม่กล้าให้ข้อมูลกับตำรวจ ซึ่งขณะนี้ทางกระทรวงศึกษาธิการก็ได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้เข้าไปดำเนินการดูแลความเรียบร้อยในสถาบันดังกล่าวโดยใช้กฎหมายเป็นแนวทางในการปฏิบัติ สำหรับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะใช้กฎหมายอย่างเฉียบขาดกับผู้กระทำผิดหรือผู้ที่ก่อเหตุ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการทะเลาะวิวาทขึ้นอีก สำหรับคดีที่เกิดขึ้นทางเจ้าหน้าที่ก็จะดำเนินการจับกุมตัวคนร้ายต่อไป
