รอง ผบช.น.เผยรวบ 7 นศ.นักเลงโหดแทงหนุ่มพนักงานซ่อมมือถือ-รปภ.รถไฟฟ้าบีทีเอสได้แล้ว พร้อมค้านประกัน ระบุผู้ต้องหาทั้ง 7 รุมทำร้ายเหยื่ออย่างโหดเหี้ยมทั้งที่ร้องขอชีวิต ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ย้ำถือเป็นพฤติกรรมโหดเหี้ยม ไม่มีเหตุผล เป็นอันตรายต่อสังคม ทำร้ายประชาชนที่บริสุทธิ์ ชี้พบทั้งหมดพยายามสร้างลัทธิใหม่ให้สถาบันโดยนำรูปฟันเฟืองเผาไฟจี้หน้าอกและแขน ยันตำรวจไม่ได้ทำร้าย พร้อมเข้ม รปภ.ช่วงวันบลูเดย์เดือนหน้า ป้องเกิดเหตุร้าย
วันนี้ (14 ม.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รอง ผบช.น. เปิดเผยกรณีที่นักศึกษาช่างกลปทุมวันก่อเหตุใช้อาวุธมีดทำร้ายนายเกษม เทพไทย อายุ 27 ปี พนักงานซ่อมโทรศัพท์มือถือ และพนักงาน รปภ.ของสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ว่า เบื้องต้นสามารถควบคุมตัวนักเรียนที่ก่อเหตุไว้ได้ 29 คน แต่หลังจากตรวจสอบแล้วพบว่าส่วนใหญ่ไม่ได้ก่อเหตุทำร้ายผู้ใด จึงทำบันทึกประวัติ และปล่อยตัวไป มีเพียงนักศึกษา 7 คน ที่ควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น,และข้อหาพกพาอาวุธ ซึ่งเป็นการกระทำความผิดซึ่งหน้า โดยทั้ง 7 คน ประกอบด้วย 1.นายเช็ค นาคลดา อายุ 23 ปี 2.นายยุรนันท์ ชันสุระ อายุ 21 ปี 3.นายฉัตรชัย ประดับธนกิจ อายุ 22 ปี 4.นายกรีฑาพล พุ่มพวง อายุ 21 ปี 5.นายโฆษิต อินทรสูตร อายุ 26 ปี 6.นายปรีชา สุขเมฆ อายุ 25 ปี 7.นายกิตติพงศ์ แจ้งเสมอ อายุ 21 ปี ซึ่งก่อเหตุใช้อาวุธมีดรุมทำร้ายผู้เสียหายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย เบื้องต้นในชั้นสอบสวน พนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว
พล.ต.ต.สุเมธ กล่าวอีกว่า นศ.ทั้ง 7 คนไม่ได้รู้จักกับผู้เสียหายมาก่อน และผู้เสียหายเองก็อายุ 27 ปีแล้วไม่ได้กำลังศึกษาอยู่สถาบันใดๆ ทั้งสิ้น
จากการสอบปากคำผู้เสียหายและตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายได้มาจอดรถจักรยานยนต์รอแฟนสาวอยู่ที่หน้าห้างโตคิว โดยใช้โทรศัพท์คุยกับแฟนสาวอยู่ จากนั้นเมื่อนักศึกษาทั้ง 7 คนเห็นเข้าก็กรูเข้ามาพูดคุยก่อนจะดึงกุญแจรถจักรยานยนต์ผู้เสียหายไป โดยหนึ่งในกลุ่มพูดกับผู้เสียหายว่า “มึงแน่นักเหรอ” ก่อนที่จะชักมีดออกมาแทงและรุมทำร้ายอย่างโหดเหี้ยม ซึ่งผู้เสียหายก็ตะโกนตอบกลับไปว่า “ผมไม่ได้เรียน” แต่ไม่มีใครรับฟัง จังหวะนั้นแฟนสาวของผู้เสียหายได้เดินทางมาถึงที่เกิดเหตุพอดีและเห็นเหตุการณ์ จึงร้องขอความช่วยเหลือทำให้กลุ่มนักศึกษาที่ก่อเหตุพากันแตกกระจายวิ่งหลบหนีไป
“ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาระงับเหตุได้วิ่งสวนกับนายเช็ค โดยนายเช็คปลอมตัวเป็นพลเมืองดีเอากุญแจรถที่อมไว้ในปากส่งให้กับตำรวจและยังบอกว่าเป็นกุญแจรถที่เก็บได้ แต่ตำรวจไม่เชื่อเลยรวบตัวเอาไว้ได้ ขณะนั้นมีนักศึกษาอีกหนึ่งกลุ่มวิ่งกรูกันขึ้นไปบนสถานีรถไฟฟ้าและยังทำร้าย รปภ.จนได้รับบาดเจ็บและยังโทรศัพท์ให้เพื่อนที่อยู่ในสถาบันปทุมวันอีกหลายคนออกมาสมทบ โดยนักศึกษาทั้งหมดให้การอ้างว่ารุ่นน้องโทรศัพท์มาแจ้งว่าถูกสถาบันคู่อริรุมทำร้าย แต่จากการตรวจสอบไปยังสถานีตำรวจและโรงพยาบาลใกล้เคียงแล้วไม่พบว่ามีการก่อเหตุทะเลาะวิวาทตามที่กล่าวอ้าง” พล.ต.ต.สุเมธ กล่าว
พล.ต.ต.สุเมธ กล่าวอีกว่า หลังจากที่ควบคุมตัวนักศึกษาทั้งหมดมาทำประวัติพบว่า นักศึกษาเกือบทั้งหมดมีสัญลักษณ์รูปฟันเฟืองอยู่ที่บริเวณหน้าอก ซึ่งเกิดจากการที่นำเอาฟันเฟืองไปทำให้เกิดความร้อนแล้วนำมาจี้ที่หน้าอกและแขน เป็นการพยายามสร้างลัทธิใหม่ให้กับสถาบันซึ่งถือว่าเป็นการสร้างค่านิยมแบบผิดๆ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่านักศึกษากลุ่มดังกล่าวมีพฤติกรรมที่โหดเหี้ยม ไม่มีเหตุผล และเป็นอันตรายต่อสังคม ทำร้ายประชาชนที่บริสุทธิ์ เพียงเพราะแค่ผู้เสียหายมีรอยสักและยืนอยู่เพียงลำพังในถิ่นของกลุ่มนักศึกษาสถาบันดังกล่าว
ส่วนเรื่องที่นักศึกษาอ้างว่าถูกตำรวจทำร้ายนั้น ไม่เป็นความจริง กลุ่มนักศึกษาพยายามวิ่งหลบหนีจนทำให้หกล้มหัวฟาดพื้น และมีรอยฟกช้ำ แต่ที่อ้างว่าถูกตำรวจทำร้ายเพราะเด็กเหล่านี้เลียนแบบมาจากเหตุการณ์การชุมนุมที่มักจะกล่าวอ้างว่าถูกตำรวจและเจ้าหน้าที่ของรัฐทำร้าย ซึ่งเด็กบางคนอาศัยช่วงที่มีการจัดการชุมนุมไปสมัครเป็นการ์ด ทำให้มีพฤติกรรมเช่นนี้
“นอกจากนี้ เมื่อคืนที่ผ่านมายังตรวจพบอาวุธมีดปลายแหลม เหล็ก และไม้หน้าสาม ซึ่งมีดด้ามยาวที่พบมีคราบเลือดติดอยู่ ขณะนี้ได้ส่งให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานนำไปตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังไม่สามารถนำกฎหมายอั้งยี่ซ่องโจรเข้ามาใช้ได้ต้องรอให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาก่อน อย่างไรก็ตามใช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ที่เป็นวันสถาปนาหรือวันบลูเดย์ ได้มีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อดูแลความปลอดภัยอย่างแน่นหนา เพื่อไม่ให้เกิดเหตุร้าย ส่วนกฎหมายความคืบหน้าคดีคนร้ายลอบยิงนักศึกษาปทุมวันได้รับบาดเจ็บ อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งผู้ต้องสงสัยเจ้าของรถจักรยานยนต์ที่จับกุมได้ยังให้การปฏิเสธอ้างว่าเพื่อนมายืมรถไป แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ ส่วนเรื่องที่มีคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ไปยิงใส่สถาบันอุเทนถวายในวันเดียวกันหลังจากที่เกิดเหตุยิง นศ.ปทุมวันทราบมาว่ายังไม่ได้มีการรับแจ้งความแต่อย่างใด” พล.ต.ต.สุเมธ กล่าว