พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน หิ้ว 7 นศ.ปทุมวัน ที่ก่อเหตุรุมทำร้ายช่างซ่อมมือถือและ รปภ.ห้างมาบุญครอง มาขออำนาจศาลฝากขัง 12 วัน ท้ายคำร้องระบุผู้ต้องมีพฤติกรรมอุกอาจไม่ยำเกรงกฎหมาย และขอคัดค้านการประกันตัว
วันนี้ (15 ม.ค.) ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ร.ต.ต.ภานุพันธ์ ประเสริฐ พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน นำตัวนายเช็ค นาคลดา อายุ 23 ปี นายยุรนัน ชัยสุระ อายุ 21 ปี นายฉัตรชัย ระดับชนกิจ อายุ 22 ปี นายกรีฑาพล พุ่มพวง อายุ 21 ปี นายโฆษิต อินทระสูตร อายุ26 ปี นายปรีชา สุขเมฆ อายุ 25 ปี และนายกิตติพงษ์ แจ้งเสมอ อายุ 21 ปี นักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ผู้ต้องหาคดีพยายามฆ่า มาขออำนาจศาลฝากขังเป็นครั้งแรก โดยบรรยายคำร้องว่า เมื่อวันที่ 14 ม.ค. ตำรวจ สน.ปทุมวัน ได้จับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 7 ไว้ได้ กล่าวหาว่าพยายามฆ่า พกพาอาวุธ
พฤติการณ์กล่าวคือ เมื่อวันที่ 13 ม.ค.2553 ขณะที่นายอักษร เทพไชย ช่างซ่อมโทรศัทพ์มือถือ ภายในห้างมาบุญครอง ได้เดินออกมาจากห้างจะขึ้นรถจักรยานยนต์ ผู้ต้องหาทั้ง 7 ได้เดินเข้ามาและพูดว่ามึงแน่นักหรือ ผู้ต้องหาหายังได้กระชากกุญแจรถไป จากนั้นได้ร่วมกันทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ ต่อมาภรรยาของผู้เสียหายได้ออกมาพบเหตุการณ์และร้องไห้คนช่วย ผู้ต้องหาจึงแยกย้ายกันหลบหนี และร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้จับกุมผู้ต้องหามาลงโทษตามกฎหมาย เหตุเกิดข้างสถานีรถไฟบีทีเอส แขวงและเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนมาตลอด แต่ยังไม่แล้วเสร็จ เพราะต้องรอผลการตรวจร่ายกายและบาดแผลของผู้เสียหาย รอภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิด รอสอบพยานบุคคลที่เห็นเหตุการณ์อีก 12 ปาก จึงมีความจำเป็นต้องขออำนาจศาลฝากขังผู้ต้องหาเป็นเวลา 12 วัน นับแต่วันที่ 15 ม.ค.ถึงวันที่ 27 ม.ค.2553ทั้งนี้ผู้ต้องหามีพฤติการณ์อุกอาจ กระทำต่อผู้สัยหายโดยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองอาฆาตกันมาก่อน กระทำในที่สาธารณะโดยไม่ยำเกรงต่อกฎหมาย จึงขอคัดค้านการประกันตัว ศาลพิจารณาคำร้องแล้วซักถามผู้ต้องหา จากนั้นจึงอนุญาตให้ฝากขัง ก่อนออกหมายขังส่งตัวไปเรือนจำพิเศษกรุงเทพ และยังไม่มีญาติผู้ต้องหามาขอยื่นประกันตัว
ด้าน พ.ต.อ.ไพศาล ลือสมบูรณ์ ผกก.สน.ปทุมวัน กล่าวว่า วันนี้ได้ส่งตัวผู้ต้องหาทั้ง 7 คน ไปฝากขังเป็นผลัดแรก โดยพนักงานสอบสวนได้ทำเรื่องคัดค้านการให้ประกันตัวไปด้วย เนื่องจากมีพฤติกรรมอุกอาจ กระทำต่อผู้เสียหายในที่สาธารณะทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ประกอบกับเกรงว่า กลุ่มผู้ต้องหาจะไปคุกคามผู้เสียหายอีก ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลว่าจะอนุญาตให้ประกันตัวหรือไม่ โดยทางพนักงานสอบสวนคงจะไม่รับตัวกลับมาสอบสวนอีกแล้ว
พ.ต.อ.ไพศาล กล่าวต่อว่า ส่วนการจับกุมตัวทั้ง 7 คน นั้น ตำรวจมั่นใจในพยานและหลักฐานที่มีอยู่ ประกอบด้วย คราบเลือดของผู้เสียหาย และภาพที่กล้องวงจรปิดบันทึกเอาไว้ได้ อีกทั้งระหว่างเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตั้งด่านอยู่ในบริเวณนั้นพอดี จึงถือว่าเป็นการจับกุมตามความผิดแบบซึ่งหน้าตามมาตรา 80 ป.วิอาญา สำหรับการออกหมายจับผู้ร่วมก่อเหตุรายอื่นนั้น ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะมีใครบ้าง แต่ตอนนี้อยากได้ตัวผู้ต้องหาคนที่ใช้ไม้ฟาดศีรษะผู้เสียหายก่อน เพราะถือว่าเป็นคนเปิดงาน ที่สำคัญตำรวจพอทราบตัวแล้วว่าเป็นใคร หลังจากนี้หากพยานและหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงบุคคลใดก็จะออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
นอกจากนี้ พ.ต.อ.ไพศาล กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น.นำกำลังเข้าตรวจค้นภายในสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันเมื่อกลางดึกที่ผ่านมาว่า เมื่อคืนได้เข้าไปตรวจค้นภายในสถานศึกษาแล้วก็พบแต่ขวดเหล้า เบียร์ อาวุธมีด และอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการพักผ่อนประกอบด้วยเสื้อผ้า และที่นอนเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งตนและผู้บังคับบัญชารู้สึกไม่ดี ที่นักศึกษาเหล่านี้ใช้สถานศึกษาเป็นที่หลับนอน อีกทั้งยังทำลายข้าวของ เช่น ทุบกระจกห้องประชุมและห้องเรียน เพื่อแอบเข้าไปซ่อนตัว ซึ่งพอเดาได้ว่านักศึกษาเหล่านี้อาจจะใช้สถานศึกษาเป็นแหล่งซ่องสุม พอตั้งวงดื่มเหล้าจนเมาแล้ว ก็จะออกไปจับกลุ่มกันก่อเหตุ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางท้องที่จะดำเนินการกับนักศึกษาช่างกลที่ก่อเหตุตีกันอย่างจริงจังมากแค่ไหน พ.ต.อ.ไพศาล กล่าวว่า โดยส่วนตัวเห็นว่า นักศึกษาเหล่านี้ยังมีอนาคตทุกคน และยังสามารถทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติได้อีกมาก ติดตรงที่ว่า ตำรวจพยายามทำทุกทางเพื่อแก้ปัญหาแล้ว แต่นักศึกษายังไม่ยอมหยุด ทางผู้บังคับบัญชาทั้ง พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ที่ปรึกษา (สบ 10) และ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. ก็พยายามที่จะแก้ปัญหาเหล่านี้ให้ได้ ซึ่ง ตนกับผู้บังคับบัญชายินดีที่จะให้อภัยนักศึกษาทุกคนอยู่แล้ว หากหลังจากนี้สถานการณ์มีท่าทีที่ดีขึ้น ตำรวจอาจยอมอ่อนข้อ ใช้ไม้นวมเข้าแก้ปัญหาก็เป็นได้
ต่อมาเมื่อเวลา 16.30 น. ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง มีคำสั่งยกคำร้องที่นายกรีฑาพล พุ่มพวง อายุ 21 ปี นายโฆษิต อินทระสูตร อายุ 26 ปี และนายปรีชา สุขเมฆ อายุ 25 ปี 3 ใน 7 นักศึกษาปทุมวันผู้ต้องหาคดีพยายามฆ่าช่างซ่อมโทรศัพท์มือถือ ที่ยื่นขอประกันตัว ซึ่งใช้เงินสด และกรมธรรม์ประกันอิสรภาพเป็นหลักทรัพย์ โดยศาลพิเคราะห์พฤติการณ์ผู้ต้องทั้ง 7 คน แล้วเห็นว่าเป็นการกระทำต่อผู้บริสุทธิ์ โดยไม่ยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง กรณีถือว่าเป็นภัยร้ายแรง อีกทั้งหากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวไปก็จะเป็นแบบอย่างว่า แม้กระทำการร้ายแรง แต่ยังได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ประกอบกับเกรงว่าหากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวไปผู้ต้องหาอาจหลบหนีหรือไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน หรือกระทำผิดซ้ำอีก กรณีจึงไม่มีเหตุสมควรที่จะปล่อยตัวชั่วคราว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังศาลยกคำร้องประกันตัวแล้วก็ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร