“กำนันชัยวัฒน์” พยานคดียุบพรรคพลังประชาชน ฟ้องกลับ “ยงยุทธ ติยะไพรัช” อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน กับพวกรวม 14 คน ฐานแจ้งความเท็จต่อ กกต. ใส่ร้ายกล่าวหาจัดฉากทุจริตคดีเลือกตั้งปี 50 ศาลนัดไต่สวน 19 เม.ย.ปีหน้า
วันนี้ (25 ธ.ค.) ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง 63 เวลา 14.00 น. นายชัยวัฒน์ ฉางข้าวคำ กำนัน ต.จันจว้า อ.แม่จัน จ.เชียงราย พยานซึ่งเคยให้การคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ใบแดงนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน พร้อมนายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความ เดินทางไปยื่นฟ้องนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ซึ่งถูกศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งพิพากษาเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี และอดีต รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และกำนัน ต.ศรีค้ำ ต.แม่คำ ต.แม่จัน ต.ป่าตึ้ง ต.แม่ไร่ ต.จันจว้าใต้ ต.สันทราย และ ต.ป่าซาง , นายบรรจง ยางยืน อดีตนายกเทศมนตรี ต.จันจว้า อ.แม่จัน จ.เชียงราย , นายเอกวิทย์ ออกเวหา ผู้จัดการโรงแรมเอสซีปาร์ค, นายบุญชอบ สุทธิมนัสวงษ์ เจ้าหน้าที่กรมควบคุมมลพิษ ซึ่งนำรถตู้ในราชการมาใช้รับ-ส่งกลุ่มกำนัน และ ด.ต.เทพรัตน์ เขื่อนคุณา คนสนิทนายยงยุทธ ติยะไพรัช เป็นจำเลยที่ 1-14 ในความผิดฐานร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ ต่อเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137, 172, 173 และ 174
โดยคำฟ้องระบุว่า ระหว่างวันที่ 8 ม.ค.51 - 14 พ.ค.51 จำเลยที่ 1 กับพวก นำข้อความอันเป็นเท็จ ไปแจ้งกับเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวน คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วย กกต. พ.ศ.2550 มาตรา 27 และ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ.2550 มาตรา 2550 มาตรา 21 ทำให้เข้าใจว่าโจทก์ วางแผน จัดฉาก สร้างสถานการณ์ โดยร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร และพรรคการเมืองบางพรรค กลั่นแกล้งให้จำเลยที่ 1 ในฐานะที่เป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน และเป็นรองหัวหน้าพรรคฯ กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง โดยปราศจากมูลความจริงมีเจตนาเพื่อให้จำเลยที่ 1 ถูก กกต.เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ทั้งที่พวกจำเลยรู้ดีว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นการทำผิดทุจริตเลือกตั้งของจำเลยที่ 1 แต่กลับกลั่นแกล้งกล่าวหาโจทก์ให้ได้รับโทษอาญาและความเสียหาย ทั้งที่ในการพิจารณาพิพากษาคดีของศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ที่สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งจำเลยที่ 1 ก็เชื่อตามคำเบิกความของโจทก์ ไม่เห็นว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 28 ต.ค.50 ที่มีกลุ่มกำนันเดินทางเข้ากรุงเทพ ฯ เป็นการจัดฉากสร้างสถานการณ์กลั่นแกล้งจำเลยที่ 1 การกระทำของจำเลยที่ 1 กับพวก จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137, 172, 173 และ 174 เหตุเกิดที่อาคารศรีจุลทรัพย์ แขวงรองเมือง เขตปทุมมัน กทม.
โดยศาลรับไว้เป็นคดีหมายเลขดำที่ 3503/2552 และนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ วันที่ 19 เม.ย. 53 เวลา 09.00 น. ขณะที่ศาลนัดไกล่เกลี่ยคู่ความก่อนในวันที่ 16 มี.ค.53 เวลา 13.30 น.
วันนี้ (25 ธ.ค.) ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง 63 เวลา 14.00 น. นายชัยวัฒน์ ฉางข้าวคำ กำนัน ต.จันจว้า อ.แม่จัน จ.เชียงราย พยานซึ่งเคยให้การคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ใบแดงนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน พร้อมนายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความ เดินทางไปยื่นฟ้องนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ซึ่งถูกศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งพิพากษาเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี และอดีต รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และกำนัน ต.ศรีค้ำ ต.แม่คำ ต.แม่จัน ต.ป่าตึ้ง ต.แม่ไร่ ต.จันจว้าใต้ ต.สันทราย และ ต.ป่าซาง , นายบรรจง ยางยืน อดีตนายกเทศมนตรี ต.จันจว้า อ.แม่จัน จ.เชียงราย , นายเอกวิทย์ ออกเวหา ผู้จัดการโรงแรมเอสซีปาร์ค, นายบุญชอบ สุทธิมนัสวงษ์ เจ้าหน้าที่กรมควบคุมมลพิษ ซึ่งนำรถตู้ในราชการมาใช้รับ-ส่งกลุ่มกำนัน และ ด.ต.เทพรัตน์ เขื่อนคุณา คนสนิทนายยงยุทธ ติยะไพรัช เป็นจำเลยที่ 1-14 ในความผิดฐานร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ ต่อเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137, 172, 173 และ 174
โดยคำฟ้องระบุว่า ระหว่างวันที่ 8 ม.ค.51 - 14 พ.ค.51 จำเลยที่ 1 กับพวก นำข้อความอันเป็นเท็จ ไปแจ้งกับเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวน คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วย กกต. พ.ศ.2550 มาตรา 27 และ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ.2550 มาตรา 2550 มาตรา 21 ทำให้เข้าใจว่าโจทก์ วางแผน จัดฉาก สร้างสถานการณ์ โดยร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร และพรรคการเมืองบางพรรค กลั่นแกล้งให้จำเลยที่ 1 ในฐานะที่เป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน และเป็นรองหัวหน้าพรรคฯ กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง โดยปราศจากมูลความจริงมีเจตนาเพื่อให้จำเลยที่ 1 ถูก กกต.เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ทั้งที่พวกจำเลยรู้ดีว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นการทำผิดทุจริตเลือกตั้งของจำเลยที่ 1 แต่กลับกลั่นแกล้งกล่าวหาโจทก์ให้ได้รับโทษอาญาและความเสียหาย ทั้งที่ในการพิจารณาพิพากษาคดีของศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ที่สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งจำเลยที่ 1 ก็เชื่อตามคำเบิกความของโจทก์ ไม่เห็นว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 28 ต.ค.50 ที่มีกลุ่มกำนันเดินทางเข้ากรุงเทพ ฯ เป็นการจัดฉากสร้างสถานการณ์กลั่นแกล้งจำเลยที่ 1 การกระทำของจำเลยที่ 1 กับพวก จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137, 172, 173 และ 174 เหตุเกิดที่อาคารศรีจุลทรัพย์ แขวงรองเมือง เขตปทุมมัน กทม.
โดยศาลรับไว้เป็นคดีหมายเลขดำที่ 3503/2552 และนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ วันที่ 19 เม.ย. 53 เวลา 09.00 น. ขณะที่ศาลนัดไกล่เกลี่ยคู่ความก่อนในวันที่ 16 มี.ค.53 เวลา 13.30 น.