เอเอฟพี/ASTV ผู้จัดการรายวัน- สำนักข่าว “อาเฆนเซีย โบลิบาเรียนา เด โนติเซียส” ของทางการเวเนซุเอลา รายงานเมื่อวันจันทร์ (11)ว่าทหารพร้อมด้วยทีมผู้ตรวจสอบจากสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคของรัฐบาล ได้เข้าปิดร้านค้าต่างๆ จำนวน70 แห่งเป็นการชั่วคราวแล้วตามคำสั่งของประธานาธิบดี อูโก ราฟาเอล ชาเบซ ฟริอัส ผู้นำเวเนซุเอลา เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่าร้านค้าเหล่านี้ฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า หลังทางการประกาศลดค่าเงินโบลิบาร์ของประเทศในวันศุกร์ (8) โดยในจำนวนร้านค้าที่ถูกสั่งปิดคราวนี้นั้นมีห้างค้าปลีก “เอ็กซิโต” ของกลุ่มบริษัทกาสิโนจากฝรั่งเศสรวมอยู่ด้วย
ประธานาธิบดีชาเบซ ขู่จะเล่นงานร้านรวงทั้งหลายอย่างหนัก รวมถึงการเข้ายึดกิจการ หากพบหลักฐานว่า เจ้าของร้านฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าเพื่อเอาเปรียบประชาชน หลังจากรัฐบาลทำการลดค่าเงินโบลิบาร์ จากเดิมที่ 2.5 โบลิบาร์ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เป็น 2.6 โบลิบาร์ต่อดอลลาร์สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคพื้นฐานทั่วไป และเป็น 4.3 โบลิบาร์ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับสินค้าฟุ่มเฟือย ซึ่งเป็นการลดค่าเงินของประเทศครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2005 เป็นต้นมา
อย่างไรก็ตาม ท่าทีล่าสุดของรัฐบาลเวเนซุเอลาถูกมองจาก“มูดีส์” และ “ฟิตช์” สองบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลกว่า เป็นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ไม่ตรงจุด และอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่รู้สึกกังวลกับมาตรการแทรกแซงระบบเศรษฐกิจและภาคธุรกิจ “แบบตามใจชอบ” ของประธานาธิบดีชาเบซ รวมทั้ง ไม่น่าจะช่วยแก้ปัญหาเงินเฟ้อร้อยละ 25ของเวเนซุเอลา ซึ่งสูงที่สุดในภูมิภาคลาตินอเมริกาได้เช่นกัน
ประธานาธิบดีชาเบซ ขู่จะเล่นงานร้านรวงทั้งหลายอย่างหนัก รวมถึงการเข้ายึดกิจการ หากพบหลักฐานว่า เจ้าของร้านฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าเพื่อเอาเปรียบประชาชน หลังจากรัฐบาลทำการลดค่าเงินโบลิบาร์ จากเดิมที่ 2.5 โบลิบาร์ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เป็น 2.6 โบลิบาร์ต่อดอลลาร์สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคพื้นฐานทั่วไป และเป็น 4.3 โบลิบาร์ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับสินค้าฟุ่มเฟือย ซึ่งเป็นการลดค่าเงินของประเทศครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2005 เป็นต้นมา
อย่างไรก็ตาม ท่าทีล่าสุดของรัฐบาลเวเนซุเอลาถูกมองจาก“มูดีส์” และ “ฟิตช์” สองบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลกว่า เป็นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ไม่ตรงจุด และอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่รู้สึกกังวลกับมาตรการแทรกแซงระบบเศรษฐกิจและภาคธุรกิจ “แบบตามใจชอบ” ของประธานาธิบดีชาเบซ รวมทั้ง ไม่น่าจะช่วยแก้ปัญหาเงินเฟ้อร้อยละ 25ของเวเนซุเอลา ซึ่งสูงที่สุดในภูมิภาคลาตินอเมริกาได้เช่นกัน