ASTVผู้จัดการรายวัน- กรอ.มอบกระทรวงพาณิชย์ทำหลักเกณฑ์การคำนวณต้นทุนราคาสินค้าภายใน 2 เดือน ตามข้อเสนอเอกชนพร้อมให้ตัวแทนจากเอกชนร่วมเป็นกรรมการเหตุถูกตรึงราคาไม่สอดคล้องกับต้นทุน จับตาราคาสินค้าปีล็อตใหม่ 2553 จ่อขยับ 5-10% หลังวัตถุดิบทยอยปรับราคา
นายดุสิต นนทะนาคร ประธานสภาหอการค้าไทย เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน(กรอ.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน วานนี้( 23 ธ.ค.) ว่า ที่ประชุมได้อนุมัติเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างคณะกรรมการพิจารณาราคาสินค้าของกระทรวงพาณิชย์ โดยเอกชนได้เสนอให้ส่งตัวแทนจากผู้แทนการค้าสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และส.อ.ท.ร่วมเป็นกรรมการด้วยทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ผลิตสินค้าเพราะที่ผ่านมาเมื่อต้นทุนสูงกลับต้องตรึงราคาไว้ โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ไปจัดทำหลักเกณฑให้เสร็จภายใน 2 เดือน
“ เอกชนเห็นว่าช่วงที่ผ่านมาเกิดความไม่เป็นธรรมคือ เมื่อต้นทุนสูงขึ้น แต่ไม่ยอมรับให้ปรับราคา เอกชนจึงเสนอให้ส่งตัวแทนจากผู้แทนการค้า สภาหอการค้า ส.อ.ท. เข้าร่วมเป็นกรรมการด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่า เมื่อใดจะชะลอการขึ้นราคา เมื่อใดที่เอกชนต้องช่วยตัวเอง และเมื่อใดที่ต้องปรับราคาตามต้นทุน”นายดุสิตกล่าว
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวยอมรับว่า ที่ผ่านมาภาคเอกชนได้รับการขอความสนับสนุนจากภาครัฐบาลโดยเฉพาะกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ในการให้ตรึงราคาสินค้าไว้ค่อนข้างมากซึ่งบางกิจการไม่สอดคล้องกับต้นทุนที่แท้จริง และมองว่าไม่มีความชัดเจนว่าสินค้าใดควรจะเป็นรายการควบคุม
“ เอกชนเห็นว่าจำเป็นที่จะต้องมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนภายใต้หลักเกณฑ์ และ แนวทางตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้า และบริการ ในการคิดออกมาเป็นราคาสินค้า เพราะเวลานี้กระทรวงพาณิชย์ รู้อยู่คนเดียว ไม่มีหลักการชัดเจน เวลาที่ เอกชนขอขึ้นราคาสินค้า ทางภาครัฐก็ขอให้ชะลอ บางรายการก็ถูกควบคุม ดังนั้นจำเป็นจะต้องแยกให้ชัดว่าสินค้าใดควรคุม อย่างสินค้าฟุ่มเฟือยบางอย่างมองไม่ตรงกันว่าจำเป็นหรือไม่ต้องควบคุม เป็นต้น” นายสันติ กล่าว
แหล่งข่าวจากกรอ. กล่าวยอมรับว่า แนวโน้มราคาสินค้าปี 2553 มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นตามต้นทุนที่เอกชนแบกรับจากช่วงที่ผ่านมาประกอบกับภาวะเศรษฐกิจโลกเริ่มกระเตื้องส่งผลให้ต้นทุนวัตถุดิบหลายชนิดมีแนวโน้มปรับราคาจึงทำให้ภาพรวมราคาสินค้าในปี 2553 มีโอกาสปรับขึ้น 5-10 % ยกเว้นแต่สินค้าบางชนิดที่ยังคงมีสต็อกเก่าเหลืออยู่อาจจะยังสามารถขายในราคาเดิมได้
นายดุสิต นนทะนาคร ประธานสภาหอการค้าไทย เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน(กรอ.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน วานนี้( 23 ธ.ค.) ว่า ที่ประชุมได้อนุมัติเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างคณะกรรมการพิจารณาราคาสินค้าของกระทรวงพาณิชย์ โดยเอกชนได้เสนอให้ส่งตัวแทนจากผู้แทนการค้าสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และส.อ.ท.ร่วมเป็นกรรมการด้วยทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ผลิตสินค้าเพราะที่ผ่านมาเมื่อต้นทุนสูงกลับต้องตรึงราคาไว้ โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ไปจัดทำหลักเกณฑให้เสร็จภายใน 2 เดือน
“ เอกชนเห็นว่าช่วงที่ผ่านมาเกิดความไม่เป็นธรรมคือ เมื่อต้นทุนสูงขึ้น แต่ไม่ยอมรับให้ปรับราคา เอกชนจึงเสนอให้ส่งตัวแทนจากผู้แทนการค้า สภาหอการค้า ส.อ.ท. เข้าร่วมเป็นกรรมการด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่า เมื่อใดจะชะลอการขึ้นราคา เมื่อใดที่เอกชนต้องช่วยตัวเอง และเมื่อใดที่ต้องปรับราคาตามต้นทุน”นายดุสิตกล่าว
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวยอมรับว่า ที่ผ่านมาภาคเอกชนได้รับการขอความสนับสนุนจากภาครัฐบาลโดยเฉพาะกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ในการให้ตรึงราคาสินค้าไว้ค่อนข้างมากซึ่งบางกิจการไม่สอดคล้องกับต้นทุนที่แท้จริง และมองว่าไม่มีความชัดเจนว่าสินค้าใดควรจะเป็นรายการควบคุม
“ เอกชนเห็นว่าจำเป็นที่จะต้องมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนภายใต้หลักเกณฑ์ และ แนวทางตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้า และบริการ ในการคิดออกมาเป็นราคาสินค้า เพราะเวลานี้กระทรวงพาณิชย์ รู้อยู่คนเดียว ไม่มีหลักการชัดเจน เวลาที่ เอกชนขอขึ้นราคาสินค้า ทางภาครัฐก็ขอให้ชะลอ บางรายการก็ถูกควบคุม ดังนั้นจำเป็นจะต้องแยกให้ชัดว่าสินค้าใดควรคุม อย่างสินค้าฟุ่มเฟือยบางอย่างมองไม่ตรงกันว่าจำเป็นหรือไม่ต้องควบคุม เป็นต้น” นายสันติ กล่าว
แหล่งข่าวจากกรอ. กล่าวยอมรับว่า แนวโน้มราคาสินค้าปี 2553 มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นตามต้นทุนที่เอกชนแบกรับจากช่วงที่ผ่านมาประกอบกับภาวะเศรษฐกิจโลกเริ่มกระเตื้องส่งผลให้ต้นทุนวัตถุดิบหลายชนิดมีแนวโน้มปรับราคาจึงทำให้ภาพรวมราคาสินค้าในปี 2553 มีโอกาสปรับขึ้น 5-10 % ยกเว้นแต่สินค้าบางชนิดที่ยังคงมีสต็อกเก่าเหลืออยู่อาจจะยังสามารถขายในราคาเดิมได้