xs
xsm
sm
md
lg

วิจักร วิเศษน้อย กับคำมั่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2553 ที่ผ่านมา เขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) ได้มีผลบังคับใช้โดยสมบูรณ์ สินค้าที่ค้าขายภายในอาเซียนกว่า 8,300 รายการ ได้มีการปรับลดภาษีลงมาเหลือ 0% และต้องมีการยกเลิกมาตรการที่มิใช่ภาษีต่างๆ จึงเกิดคำถามขึ้นมามากมายว่าไทยพร้อมแค่ไหนในการเปิดเสรี AFTA มาตรการเตรียมความพร้อมของไทยเป็นอย่างไร ผู้ประกอบการไทยจะได้หรือเสียประโยชน์หรือไม่
นายวิจักร วิเศษน้อย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ในฐานะที่รับผิดชอบการเปิดตลาดสินค้าภายใต้ AFTA หลายรายการ ได้เปิดโอกาสให้ “ASTVผู้จัดการรายวัน” สัมภาษณ์เพื่อตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับ AFTA และแนวทางการทำงานเพื่อรับมือการเปิดเสรี AFTA ของกรมการค้าต่างประเทศ
นายวิจักรเริ่มต้นการสัมภาษณ์โดยชี้ให้เห็นว่า ที่ผ่านมา กรมการค้าต่างประเทศได้เตรียมการรับมือการเปิดเสรี AFTA มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมรับมือการเปิดเสรีสินค้าเกษตรที่คนส่วนใหญ่มีความกังวล และหนึ่งในนั้น ก็คือ ข้าว เพราะข้าวเกี่ยวข้องกับคนเป็นจำนวนมากในประเทศ เริ่มจากเกษตรกร โรงสี พ่อค้า ผู้ส่งออก ซึ่งการดำเนินการ ถือว่าเราทำได้ดี โดยได้มีการเปิดเวทีสาธารณะรับฟังความเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้อง จนมีมาตรการรับมือออกมาในที่สุด
มาตรการที่ทำออกมา ก็คือ การกำหนดให้เฉพาะอุตสาหกรรมเท่านั้นที่สามารถนำเข้าได้ และให้นำเข้าได้เฉพาะปลายข้าว
มีกำหนดช่วงระยะเวลานำเข้า 2 ช่วง คือ เดือนพ.ค.-ก.ค. และเดือนส.ค.-ต.ค. เพราะเป็นช่วงที่ผลผลิตข้าวไทยออกมาน้อยที่สุด และยังมีมาตรการกำกับการนำเข้า โดยให้นำเข้าได้เฉพาะด่านที่กำหนด รวมทั้งผู้นำเข้าต้องแจ้งว่าจะนำเข้ามาเท่าไร ใช้ไปเท่าไร และก่อนนำเข้าต้องผ่านขั้นตอนต่างๆ ด้วย เช่น การตรวจสอบโรคพืช การตรวจสอบสารตกค้าง ต้องผ่านมาตรฐาน การตรวจสอบว่าปลอด GMOs และมีใบรับรองว่าเป็นสินค้าของอาเซียน ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างเสนอให้คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา
ส่วนสินค้าเกษตรอื่นๆ ทั้งชา กาแฟ ข้าวโพด เมล็ดถั่วเหลือง และสินค้าพวกนมทั้งหลาย เราเป็นผู้ออกประกาศตามความเห็นของหน่วยงานที่ดูแล ซึ่งมาตรการในการกำกับการนำเข้าก็มีหลากหลาย แต่มั่นใจได้ว่าจะไม่มีผลกระทบกับไทย หรือหากมีทะลักเข้ามามากๆ เราก็มีมาตรการเซฟการ์ดที่จะใช้ปกป้องการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นได้
จากปัญหาที่คนส่วนใหญ่มีความกังวล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้แสดงความเห็นห่วง และมอบนโยบายให้กรมการค้าต่างประเทศไปจัดตั้งศูนย์ที่ดูแลในเรื่อง AFTA ขึ้นมา ซึ่งหลังจากรับทราบนโยบาย ก็ได้มีการดำเนินการในทันที และได้เปิดตัวศูนย์ปฏิบัติการ AFTA Hotline 1385 ไปแล้วเมื่อวันที่ 8 ม.ค.2553 ที่ผ่านมา
“ศูนย์ปฏิบัติการ AFTA Hotline 1385 จะเป็นศูนย์ที่ช่วยแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการเปิดเสรี AFTA ทั้งหมด คนที่อยากรู้เรื่อง AFTA สามารถโทรเข้ามาปรึกษาได้ หรืออยากจะมาติดต่อที่กรมฯ เลยก็ได้ โดยศูนย์ตั้งอยู่ที่อาคารกรมการค้าต่างประเทศชั้น 4 ซึ่งมีเจ้าหน้าที่พร้อมที่จะให้บริการ”นายวิจักรกล่าว
สำหรับรูปแบบการทำงานของศูนย์ปฏิบัติการ AFTA Hotline 1385 จะปฏิบัติงานในลักษณะของศูนย์เบ็ดเสร็จ โดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม คือ
1.กลุ่มสายด่วน AFTA (Q&A Unit) จะตอบคำถามและรับฟังปัญหา ข้อกังวลที่เกี่ยวข้องกับ AFTA และการเปิดตลาด
2.กลุ่มติดตามและประเมินสถานการณ์ (Monitoring Unit) ติดตามสถานการณ์การนำเข้า-ส่งออก เพื่อแก้ไขปัญหาได้ทันกับเหตุการณ์
3.กลุ่มให้คำปรึกษาสัญจร (AFTA Mobile Unit) เป็นหน่วยเคลื่อนที่ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจและให้คำปรึกษากับผู้ที่เกี่ยวข้อง
4.กลุ่มมาตรการช่วยเหลือ (Remedy Unit) ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากความตกลง ตลอดจนการเยียวยาผลกระทบและใช้มาตรการช่วยเหลือต่างๆ
นั่นหมายความว่า ผู้ประกอบการที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับ AFTA ไม่ว่าจะเป็นข้อตกลง AFTA การใช้ประโยชน์จาก AFTA การบุกเจาะตลาดอาเซียน สินค้ากลุ่มไหนที่จะได้ประโยชน์จากการเปิดเสรี หรือมีผลกระทบจากการเปิดเสรี AFTA สามารถเข้ามาขอรับคำปรึกษาได้ที่ AFTA Hotline 1385
นายวิจักรย้ำว่า มาตรการรองรับการเปิดเสรี AFTA ไม่ใช่มีเพียงแค่การเปิดศูนย์ปฏิบัติการ AFTA Hotline 1385 กระทรวงพาณิชย์ยังได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการอำนวยการกำกับดูแลและป้องกันผลกระทบจากการเปิดเสรี AFTA โดยมีนายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน ซึ่งจะเข้ามาทำหน้าที่ในการติดตามปัญหาและหามาตรการแก้ไขอย่างทันท่วงที
นอกจากนี้ กรมการค้าต่างประเทศ ยังกำหนดจัดสัมมนาใหญ่ประมาณกลางเดือนก.พ.2553 และเดินสายทั่วประเทศ เพื่อกระตุ้นให้ผู้ประกอบการใช้ประโยชน์จากความตกลง AFTA ให้มากที่สุด พร้อมติดตามผลและรับฟังความเห็นของประชาชนอย่างต่อเนื่อง
“มาตรการรองรับการเปิดเสรี AFTA ที่กล่าวถึงทั้งหมด เป็นข้อยืนยันได้ว่าภาครัฐไม่ได้นิ่งนอนใจ และพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือและผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยได้ประโยชน์จากการเปิดเสรี AFTA ให้มากที่สุด และมีความพร้อมที่จะรับมือกับการเปิดเสรี AFTA อย่างทันท่วงที แต่ทั้งนี้ หากใครที่ยังมีข้อสงสัย ก็สามารถหาคำตอบได้ที่ศูนย์ปฏิบัติการ AFTA Hotline 1385 ได้ รวมทั้งสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.dft.go.th” นายวิจักรกล่าวในที่สุด
กำลังโหลดความคิดเห็น