ASTVผู้จัดการรายวัน-“พาณิชย์”เคาะมาตรการรับมือนำเข้าข้าวอาฟตา กำหนดให้อุตสาหกรรมที่ใช้ปลายข้าวเท่านั้นที่สามารถนำเข้าได้ พร้อมเงื่อนไขอีกเพียบ เตรียมเสนอกขช.อนุมัติก่อนเสนอครม.เร็วๆ นี้ “พรทิวา”แก้มปริ ฟิลิปปินส์ยอมชดเชยกรณีไม่ลดภาษีข้าวอาฟตาแล้ว เสนอโควตาให้ไทย 3.7 แสนตันตามคำขอ เผยคงต้องยอมรับการลดภาษีน้ำตาลแบบขั้นบันได
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการบริหารการนำเข้าข้าวภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน (อาฟตา) วานนี้ (6 ม.ค.) ว่า ที่ประชุมได้กำหนดมาตรการดูแลการนำเข้าข้าวภายใต้อาฟตา หลังจากที่ได้มีการลดภาษีเหลือ 0% ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยได้กำหนดให้เฉพาะอุตสาหกรรมที่ใช้ปลายข้าวเป็นวัตถุดิบเท่านั้นที่สามารถนำเข้าได้ และนำเข้าได้เฉพาะปลายข้าว มีกำหนดช่วงระยะเวลานำเข้า 2 ช่วง คือ เดือนพ.ค.-ก.ค. และเดือนส.ค.-ต.ค. เพราะเป็นช่วงที่ผลผลิตข้าวไทยออกมาน้อยที่สุด โดยจะนำเสนอให้คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) พิจารณาอนุมัติและเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป
“เราให้นำเข้าได้เฉพาะปลายข้าวที่ใช้ในอุตสาหกรรมเท่านั้น ไม่ได้ให้นำเข้าข้าวสาร จึงไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะมีข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านเล็ดลอดเข้ามาปลอมปนกับข้าวไทย โดยเราจะมีระบบการตรวจสอบ ติดตาม ว่านำเข้ามาเท่าไร ใช้ไปแค่ไหน ซึ่งผู้ที่นำเข้าจะต้องแจ้งให้เราทราบทั้งหมด”
นอกจากนี้ ในการนำเข้ายังได้กำหนดมาตรการดูแลการนำเข้า โดยอุตสาหกรรมที่ต้องการนำเข้าปลายข้าว จะต้องมาขึ้นทะเบียนกับกรมการค้าต่างประเทศ ต้องขออนุญาตก่อนนำเข้า และในการนำเข้าต้องผ่านขั้นตอนต่างๆ ที่กำหนด เช่น การตรวจสอบโรคพืช การตรวจสอบสารตกค้าง ผ่านมาตรฐาน การตรวจสอบว่าปลอด GMOs และมีใบรับรองว่าเป็นสินค้าของอาเซียน
ส่วนด่านนำเข้า กำหนดให้นำเข้าได้เฉพาะ 6 ด่าน คือ ด่านแม่สอด จ.ตาก ด่านแม่สาย จ.เชียงราย ด่านอรัญประเทศ จ.สระแก้ว ด่านจ.หนองคาย ด่านจ.ระนอง และท่าเรือกรุงเทพฯ เพราะด่านเหล่านี้มีเครื่องไม้เครื่องมือพร้อม และมีหน่วยงานราชการที่ดูแลอยู่ครบ ทั้งกรมวิชาการเกษตร คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กรมศุลกากร และหน่วยงานของกระทรวงพาณิชย์
นางพรทิวากล่าวอีกว่า สำหรับการเจรจาขอให้ฟิลิปปินส์ชดเชยกรณีที่ไม่ยอดลดภาษีข้าวภายใต้อาฟตา ล่าสุดฟิลิปปินส์ยอมให้โควตานำเข้าข้าวจากไทยโดยปราศจากภาษีปริมาณ 3.7 แสนตันตามที่ไทยต้องการ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียดในร่างข้อตกลง และเมื่อได้ข้อยุติแล้วจะเสนอให้ครม.พิจารณาก่อนมีผลบังคับใช้ต่อไป ทั้งนี้ โควตาข้าวดังกล่าวเป็นการคำนวณการส่งออกของไทยไปฟิลิปปินส์ย้อนหลัง 3 ปี
ส่วนประเด็นที่ฟิลิปปินส์จะขอลดภาษีน้ำตาลแบบขั้นบันได โดยเสนอลดภาษีดังนี้ คือ ปี 2009-2011 จะลดภาษีเหลือ 38% ปี 2012 ลดเหลือ 28% ปี 2013 ลดเหลือ 18% ปี 2014ลดเหลือ 10% และปี 2015 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายจะลดเหลือ 5% จากที่ก่อนหน้านี้ ฟิลิปปินส์มีท่าทีที่จะไม่ยอมลดภาษีน้ำตาลทราย ซึ่งไทยก็พร้อมที่จะรับข้อเสนอนี้
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการบริหารการนำเข้าข้าวภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน (อาฟตา) วานนี้ (6 ม.ค.) ว่า ที่ประชุมได้กำหนดมาตรการดูแลการนำเข้าข้าวภายใต้อาฟตา หลังจากที่ได้มีการลดภาษีเหลือ 0% ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยได้กำหนดให้เฉพาะอุตสาหกรรมที่ใช้ปลายข้าวเป็นวัตถุดิบเท่านั้นที่สามารถนำเข้าได้ และนำเข้าได้เฉพาะปลายข้าว มีกำหนดช่วงระยะเวลานำเข้า 2 ช่วง คือ เดือนพ.ค.-ก.ค. และเดือนส.ค.-ต.ค. เพราะเป็นช่วงที่ผลผลิตข้าวไทยออกมาน้อยที่สุด โดยจะนำเสนอให้คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) พิจารณาอนุมัติและเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป
“เราให้นำเข้าได้เฉพาะปลายข้าวที่ใช้ในอุตสาหกรรมเท่านั้น ไม่ได้ให้นำเข้าข้าวสาร จึงไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะมีข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านเล็ดลอดเข้ามาปลอมปนกับข้าวไทย โดยเราจะมีระบบการตรวจสอบ ติดตาม ว่านำเข้ามาเท่าไร ใช้ไปแค่ไหน ซึ่งผู้ที่นำเข้าจะต้องแจ้งให้เราทราบทั้งหมด”
นอกจากนี้ ในการนำเข้ายังได้กำหนดมาตรการดูแลการนำเข้า โดยอุตสาหกรรมที่ต้องการนำเข้าปลายข้าว จะต้องมาขึ้นทะเบียนกับกรมการค้าต่างประเทศ ต้องขออนุญาตก่อนนำเข้า และในการนำเข้าต้องผ่านขั้นตอนต่างๆ ที่กำหนด เช่น การตรวจสอบโรคพืช การตรวจสอบสารตกค้าง ผ่านมาตรฐาน การตรวจสอบว่าปลอด GMOs และมีใบรับรองว่าเป็นสินค้าของอาเซียน
ส่วนด่านนำเข้า กำหนดให้นำเข้าได้เฉพาะ 6 ด่าน คือ ด่านแม่สอด จ.ตาก ด่านแม่สาย จ.เชียงราย ด่านอรัญประเทศ จ.สระแก้ว ด่านจ.หนองคาย ด่านจ.ระนอง และท่าเรือกรุงเทพฯ เพราะด่านเหล่านี้มีเครื่องไม้เครื่องมือพร้อม และมีหน่วยงานราชการที่ดูแลอยู่ครบ ทั้งกรมวิชาการเกษตร คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กรมศุลกากร และหน่วยงานของกระทรวงพาณิชย์
นางพรทิวากล่าวอีกว่า สำหรับการเจรจาขอให้ฟิลิปปินส์ชดเชยกรณีที่ไม่ยอดลดภาษีข้าวภายใต้อาฟตา ล่าสุดฟิลิปปินส์ยอมให้โควตานำเข้าข้าวจากไทยโดยปราศจากภาษีปริมาณ 3.7 แสนตันตามที่ไทยต้องการ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียดในร่างข้อตกลง และเมื่อได้ข้อยุติแล้วจะเสนอให้ครม.พิจารณาก่อนมีผลบังคับใช้ต่อไป ทั้งนี้ โควตาข้าวดังกล่าวเป็นการคำนวณการส่งออกของไทยไปฟิลิปปินส์ย้อนหลัง 3 ปี
ส่วนประเด็นที่ฟิลิปปินส์จะขอลดภาษีน้ำตาลแบบขั้นบันได โดยเสนอลดภาษีดังนี้ คือ ปี 2009-2011 จะลดภาษีเหลือ 38% ปี 2012 ลดเหลือ 28% ปี 2013 ลดเหลือ 18% ปี 2014ลดเหลือ 10% และปี 2015 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายจะลดเหลือ 5% จากที่ก่อนหน้านี้ ฟิลิปปินส์มีท่าทีที่จะไม่ยอมลดภาษีน้ำตาลทราย ซึ่งไทยก็พร้อมที่จะรับข้อเสนอนี้