xs
xsm
sm
md
lg

จี้ ก.ตร.หยุดย่ำยี 7 ต.ค. กกม.ขอนายกฯ รับมติ ป.ป.ช.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-การเมืองใหม่ จี้”อภิสิทธิ์” อย่าเปลี่ยนจุดยืนสมัยเป็นฝ่ายค้าน กรณีก.ตร.อุ้ม 3 นายตำรวจ เอี่ยวสลายชุมนุม 7 ต.ค. แนะใช้อำนาจประธาน ก.ตร. สั่งทำตามมติ ป.ป.ช. พร้อมเคียงข้างพธม.ค้านแก้รธน.พวกหวังประโยชน์ทางการเมือง ระบุ“มาร์ค”ต้องจริงใจล้มหวยออนไลน์

วานนี้(10 ม.ค.) นายสำราญ รอดเพชร โฆษกพรรคการเมืองใหม่ นายประพันธ์ คูณมี นายชุมพล สังข์ทอง กรรมการบริหารพรรค ร่วมแถลงท่าทีพรรคประจำสัปดาห์ ย่านถนนสะพานวันชาติว่า เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ทบทวนมติ ของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ที่มี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นประธาน กรณีที่ ก.ตร. มีมติที่จะส่งสำนวนของคณะกรรมการการป้องกัน และปราบกรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ที่ได้ชี้มูลความผิด 3 นายตำรวจ ประกอบด้วย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และ พล.ต.ต. เพิ่มศักดิ์ ภราดรศักดิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.อุดรธานี เหตุสลายการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 และเหตุการณ์ทำร้ายพันธมิตรฯ ที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์ จ.อุดรธานี ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอำนาจของ ป.ป.ช.

โดยเรื่องนี้ทางพรรคมองว่าการกระทำดังกล่าว เป็นการยื้อเวลา และไม่เคารพคำวินิจฉัยของ ป.ป.ช. และคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ที่เคยตีความมาก่อนแล้วอย่างเช่น กรณีนาย วีรพล ดวงสูงเนิน อดีตรองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ที่ถูก ป.ป.ช. ชี้มูลว่ามีความผิด แต่คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนเห็นว่าไม่ผิด จน ป.ป.ช. ต้องเสนอศาลรัฐธรรมนูญตีความ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชัดเจนว่า ป.ป.ช.มีอำนาจ คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนที่รับอุทธรณ์ไม่มีอำนาจเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น ซึ่งในกรณีนี้ก็เช่นเดียวกันที่ ก.ตร. ไม่มีอำนาจเหนือ ป.ป.ช.

อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์ดังกล่าว แสดงให้เห็นว่า นายกรัฐมนตรียังไม่แสดงท่าทีที่ชัดเจน ปล่อยให้ ก.ตร.ดำเนินการต่อ ซึ่งก็เท่ากับเป็นการรั้งกระบวนการอำนาจยุติธรรม และอำนาจของ ป.ป.ช. ต่างกับกรณีของ นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่ไม่ลาออกจากตำแหน่ง แต่นายกรัฐมนตรี กลับออกมาแสดงท่าทีที่ชัดเจน

ด้าน นายประพันธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กลับมีมติที่สวนทางกับการวินิจฉัยของ ป.ป.ช. เท่ากับรัฐบาลไม่เคารพความเห็นของ ป.ป.ช. หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ โดยนายกรัฐมนตรีไม่แสดงจุดยืนที่ชัดเจน เท่ากับเป็นการล้มล้างกระบวนการยุติธรรม นายกรัฐมนตรีไม่ต้องสั่งให้ใครทบทวน แต่ต้องดำเนินการตามมติ ป.ป.ช. จะไปพลิกมติ ป.ป.ช.ไม่ได้ นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ก.ตร. สามารถสั่งดำเนินการตามมติ ป.ป.ช.ได้เลย ซึ่งง่ายกว่าการขอให้คณะรัฐมนตรีไปทบทวนอีก แต่หากรัฐบาลปล่อยให้มีการดำเนินการตามมติ ก.ตร. เท่ากับรัฐบาลเหยียบย่ำผู้ประสบเหตุ ทั้งนี้พรรคจะติดตามดูว่า รัฐบาลจะทำอย่างไรก่อนที่จะมากำหนดท่าทีอีกครั้ง

**ข้าง พธม.ค้านแก้ รธน.คนบางกลุ่ม

นายสำราญ ยังกล่าวถึงจุดยืนของพรรคเกี่ยวกับความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า จะอยู่เคียงข้างกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ไม่ชอบธรรมใน 3 ประเด็น คือ 1.เปลี่ยนแปลงพระราชอำนาจและโครงสร้างอันเกี่ยวกับสถาบัน , 2.คัดค้านการแก้ไขที่มุ่งฟอกความผิดให้นักการเมืองและพวก และ3.คัดค้านการแก้ไขที่เป็นการขัดกันของผลประโยชน์นักการเมือง ทั้งนี้รัฐบาลยังไม่มีเอกภาพในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงทำให้กลายเป็นเรื่องน่าเบื่อสำหรับประชาชน จึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีและพรรคร่วมรัฐบาลมีความชัดเจนในเรื่องนี้โดยเร็ว เพื่อไม่ให้ประชาชนเดือดร้อนไปกว่านี้ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อเปลี่ยนวิธีการเลือกตั้งจากปัจจุบันอย่างไร พรรคมีความพร้อมที่จะลงสู่สนามเลือกตั้งโดยไม่เกี่ยงว่า จะเลือกตั้งด้วยระบบใด ขณะเดียวกัน เห็นว่า การที่พรรคร่วมฯออกมาแถลงข่าว เป็นเรื่องของการ “ลับ ลวง พราง ทางการเมือง”

**แดงบุกยายเที่ยงหวังสูง

นายสำราญ กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงที่จะไปชุมนุมที่เขายายเที่ยงในวันพรุ่งนี้ (11 ม.ค.) ว่า พรรคการเมืองใหม่เชื่อว่า เป้าหมายการต่อสู้ของคนเสื้อแดง และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในรอบนี้ น่าจะอยู่ที่ต้องการปั่นป่วน และกดดันให้รัฐบาลยุบสภาเท่านั้น คงไม่ได้มีจุดมุ่งหมายที่จะก่อเหตุจลาจล เผาบ้าน เผาเมืองเหมือนอย่างเดือนเมษายน ปีที่แล้ว

ทั้งนี้เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ คงมีการประเมินว่าคดีร่ำรวยผิดปกติ ที่จะมีการตัดสินในเร็ว ๆ นี้ ตนน่าจะได้ทรัพย์สินคืน 2-3 หมื่นล้านบาท การเคลื่อนไหวจึงไม่จำเป็นต้องรุนแรงนัก เพราะเพียงแค่รัฐบาลยุบสภา ก็จะทำให้หลายอย่างง่ายขึ้น เพราะทางพรรคเพื่อไทย คงมั่นใจว่าหากมีการยุบสภา พรรคของตนก็จะได้จัดตั้งรัฐบาลอีกครั้งและเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว การจะเข้าไปแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือนิรโทษกรรมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เป็นเรื่องง่าย

ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งก็คือ พ.ต.ท.ทักษิณ และกลุ่มคนเสื้อแดง ประเมิณว่ารัฐบาล และกองทัพ จะใช้ความเด็ดขาดและความชอบธรรมจัดการกับการป่วนบ้านป่วนเมืองมากขึ้นกว่าเดิม จึงทำให้การเคลื่อนไหวในครั้งนี้ลดความเข้มข้นลง ดังนั้นในกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธ์ หนึ่งในแกนนำ นปช. ออกมาประกาศจ่าจะระดมคนให้ได้ 1 ล้านคนนั้นจึงไม่น่าจะเป็นไปได้

พรรคการเมืองใหม่ ยังระบุถึงกรณีการชุมนุมที่บริเวณที่ดินเขายายเที่ยง จ.นครราชสีมา ของ พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันพรุ่งนี้ ด้วยว่า กลุ่มคนเสื้อแดงกำลังใช้เรื่องนี้เป็นเงื่อนไขจุดชนวน ในการระดมพล และมุ่งกระแทกไปที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี หรือมหาอำมาตย์ ในความหมายของคนเสื้อแดง เนื่องจาก พล.อ.สุรยุทธ์ ถือเป็นองคมนตรีลำดับที่ 3 หากมีการโจมตีก็จะสามารถกระทบไปถึงประธานองคมนตรี รวมถึงสถาบันองคมนตรีได้ อย่างไรก็ตามทางพรรคเห็นด้วยกับการที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จะคืนที่ดินให้กรมป่าไม้ และออกมาขอโทษประชาชนอีกครั้ง เพื่อแสดงถึงความบริสุทธิ์ใจในเรื่องดังกล่าว

อนึ่งสำหรับปัญหาที่ดินเขายายเที่ยงนี้ ทางพรรคการเมืองใหม่มองว่ารัฐบาลควรใช้โอกาสนี้เป็นจุดเริ่มต้นการจัดสรรปฏิรูปที่ดินอย่างเป็นระบบ ซึ่งยังมีที่ดินแบบเดียวกันกับเขายายเที่ยง อีกนับร้อยล้านไร่ ในประเทศ แต่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ ซึ่งรัฐบาลควรพิจารณาออกเอกสารดังกล่าว เพื่อให้ประชาชน ได้พัฒนาอาชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศอีกทางหนึ่ง โดยในปัจจุบันประเทศไทยเอง ก็มีดาวเทียมธีออส ที่สามารถถ่ายภาพให้เห็นได้ถึงพื้นที่ป่าได้อย่างครอบคลุมแล้ว การที่รัฐบาลจะนำข้อมูลเหล่านี้มาพิจารณาตรวจสอบว่า พื้นที่ใดไม่มีสภาพของป่าสงวนแล้วก็ทำได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

พรรคการเมืองใหม่จึงขอเสนอว่ารัฐบาลควรนำที่ดินซึ่งไม่มีสภาพเป็นป่าสงวนนั้น มาจัดสรรให้กับประชาชนผู้ไร้ที่ดินทำกิน เพื่อช่วยให้ประชาชนได้มีที่ทำกิน อันจะนำมาซึ่งคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน และเป็นการช่วยแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจชาติได้เป็นอย่างดี แต่ในการที่จะจัดสรรที่ดินให้ประชาชนนั้น ทางพรรคมองว่า รัฐบาลไม่ควรพันธนาการอยู่แค่ การจำกัดให้ประชาชนเท่าการเกษตรเท่านั้น แต่ควรให้อิสระประชาชนในการทำมาหากิน หากใครมีฝีมือทำหัตถกรรม ค้าขาย หรือแม้แต่ผลิตสินค้าแปรรูปเอง ก็ต้องสามารถทำได้ ซึ่งเรื่องนี้ทางพรรคการเมืองใหม่มองว่าเป็นประโยชน์ต่อประชาชนเป็นอย่างมาก ดังนั้นจากนี้ทางพรรคก็จะผลักดันและสนับสนุนเรื่องนี้ต่อไป

**มาร์คจริงใจล้มหวยเหมือนจี้มานิตออก

โฆษกพรรคการเมืองใหม่ยัง กล่าวอีกว่า เห็นด้วยกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กรณีประกาศยกเลิกการเดินหน้าออกหวยออนไลน์ รวมทั้งกรณี นายมานิต นพอมรบดี ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการตัดสินใจที่เด็ดขาด แต่นายกรัฐมนตรีควรเร่งแก้ปัญหาด้วยความรวดเร็วมากกว่านี้ เพื่อลดการสูญเสียงบประมาณ ในการจ่ายค่าชดเชยให้กับบริษัทเอกชนที่ได้รับความเสียหาย

เป็นที่น่าสังเกตว่า การตัดสินใจที่เด็ดขาดของนายกรัฐมนตรี ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นภายหลังจากที่ปล่อยให้ความเสียหายได้เกิดขึ้นแล้ว เช่นกรณีมาบตาพุด กรณียกเลิกหวยออนไลน์ ซึ่งรัฐจะต้องสูญเสียค่าใช้จ่างในการชดเชยเงินให้กับบริษัทเอกชนเป็นจำนวนมาก รวมถึงเกิดเสียงร่ำลือว่าเป็นการตัดสินใจที่ฉวยโอกาสทางการเมือง หักหน้านายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ที่ออกมาประกาศว่าเตรียมจะนำสลากออนไลน์มาขายได้แล้วในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้หรือไม่ ซึ่งจุดนี้คงต้องฝากไว้เป็นบทเรียนของรัฐบาลที่ว่า ในฐานะผู้บริหาร รัฐบาลจะต้องตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยความรวดเร็ว

"แต่คงไม่อาจชื่นชมนายกรัฐมตรีได้ เนื่องจากเห็นว่า ความกล้าหาญของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ เป็นความกล้าหาญอย่างมีวาระซ่อนเร้น เห็นได้จากการที่รัฐบาลปล่อยให้บริษัท ล็อกซเล่ย์ และกองสลาก ดำเนินการเกี่ยวกับการออกหวยไปจนแทบจะถึงเวลาออกขาย ซึ่งนายกฯ ก็ทราบมาโดยตลอด รวมถึงประชาชนก็สมัครเป็นตัวแทนจำหน่ายกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งตรงนี้ถือเป็นการสอบตกในฐานะผู้บริหาร”

พรรคการเมืองใหม่ยังมองว่า รัฐบาลยังไม่ได้แสดงความจริงใจในการแก้ไขปัญหาอบายมุขให้กับประเทศอย่างแท้จริง เพราะในขณะที่มีการสั่งยกเลิกหวยออกนไลน์ แต่รัฐบาลกลับปล่อยให้กองสลากเพิ่มจำนวนการพิมพ์สลากกินแบ่งรัฐบาลมากขึ้น ข้อมูลนี้หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันเป็นรัฐบาลที่มีการปล่อยให้พิมพ์ลอตเตอรี่ มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ กล่าวคือ ในอดีตสมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย มีการจัดพิพม์ลอตเตอรี่ 44 ล้านฉบับ ต่อมาในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีการจัดพิมพ์เพิ่มเป็น 54ล้านฉบับ ซึ่งก็ถือว่าเพิ่มขึ้นมากแล้ว แต่รัฐบาลชุดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ระบุว่าต้องการจะ ลด ละ เลิก อบายมุขในประเทศ แม้ในเว็บไซต์ของกองสลากจะระบุว่ามีการพิมพ์ 46 ล้านฉบับ แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับมีการสั่งพิมพ์จริงถึง 66 ล้านฉบับ และหากเรื่องการเพิ่มจำนวนการพิมพ์สลาก ดังนั้น การพิมพ์สลากเพิ่มจึงไม่ใช่การลดราคาขายสลาก แต่กลับเป็นการเพิ่มเงินให้นักการเมืองเสียมากกว่า เพราะรายได้จากการจัดสรรโค้วต้าสลากนี้เองที่เป็นเงินที่นักการเมือง เอาไปใช้ในการเมือง
กำลังโหลดความคิดเห็น