ASTVผู้จัดการรายวัน – สถาบันวิจัยตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมสำรวจพฤติกรรมการลงทุนของนักลงทุนรายย่อย นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนต่างประเทศ เฟ้นหาอุปสรรคปัญหาในการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เพื่อนำมาปรับปรุงเอื้อนักลงทุนเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯมากขึ้น หลังพบบางกลุ่มกังวลเงินต้นลงทุนหาย คาดไตรมาส 3 สรุปผลสำรวจชัด
นายยรรยง ไทยเจริญ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า สถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุนมีแผนที่จะมีการสำรวจพฤติกรรมการลงทุนของนักลงทุนรายย่อย นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้สถาบันวิจัยอยู่ระหว่างการสำรวจการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นไทยว่ามีอุปสรรคอะไรบ้างในการลงทุน จากปัจุบันที่นักลงทุนต่างประเทศมีการลงทุนผ่านกระดานซื้อขายต่างประเทศ และผ่านไทยเอ็นดีวีอาร์ เพื่อที่ตลาดหลักทรัพย์จะนำมาปรับปรุง เพื่้อทำให้การลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นไทยมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น โดยคาดว่าภายในไตรมาส1/53นี้จะสามารถเสนอผลสำรวจการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศได้
ทั้งนี้ ในไตรมาส 2/53 สถาบันวิจัยจะมีการสำรวจบุคคลที่มีศักยภาพ เช่น มีเงินเดือนที่สูง มีเงินออมจำนวนมาก ที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย แต่ไม่เข้ามาลงทุนนั้นว่าสาเหตุที่ยังไม่เข้ามาลงทุนเพราะอะไร และการที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นนั้นต้องการลงทุนในสินค้าประเภทอะไร เพื่อที่ตลาดหลักทรัพย์ฯจะนำผลศึกษาดังกล่าวมาปรับปรุงเพื่อชักจูงในให้บุคคลที่มีศักยภาพในการลงทุนให้เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย และในไตรมาส 2/52 ทางสถาบันวิจัยฯ จะมีการสำรวจนักลงทุนที่มีการลงทุนในตลาดหุ้นไทยอยู่แล้วว่ามีอุปสรรคการลงทุนต่าง ๆ เพื่อที่ตลาดหลักทรัพย์ฯจะนำมาปรับปรุงในกลยุทธ์และพัฒนาช่องทางการลงทุนให้ตอบสนองกับความต้องการของนักลงทุน
" จากการที่ บลจ.และ บล. มีแผนที่จะออกสินค้าที่คุ้มครองเงินต้นนั้น นักลงทุนมีความคิดเห็นอย่างไร ซึ่งเราจะสำรวจนักลงทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้นอยู่แล้วและนักลงทุนที่มีศักยภาพที่จะเข้ามาลงทุน เพราะ จากปัจจุบันยังมีนักลงทุนบางกลุ่มที่มีความระมัดระวังและกังวลว่าเงินต้นที่ลงทุนจะหายไปหากเข้ามาลงทุน "นายยรรยง กล่าว
นอกจากนี้ สถาบันวิจัยฯจะมีการศึกษากลุ่มนักลงทุนสถาบันในการลงทุนในตลาดหุ้นไทยว่าจะทำอย่างไร ในการให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)ให้เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการลงทุนในสินค้าของตลาดหลักทรัพย์จากปัจจุบันที่กองทุนมีสัดส่วนการลงทุนในสินค้าของตลาดหลักทรัพย์ในสัดส่วนที่ยังต่ำอยู่ โดยพฤติกรรมการลงทุนของกองทุนนั้นจะเน้นการลงทุนระยะยาว ซึ่งหากอัตราดอกเบี้ยอยู่ในอัตราต่ำ และเงินเฟ้อมีการปรับตัวสูงขึ้นและหากไม่มีการเข้ามาลงทุนในตราสารทุน จะทำให้ผลตอบแทนที่ได้รับไม่เพียงพอรองรับในการใช้จ่ายในวัยเกษียณของนักลงทุน
ทั้งนี้ ทางฝ่ายวิจัยฯและตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีการเข้าไปทำความเข้าใจแก่ผู้จัดการกองทุนต่างๆว่าการเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยแม้จะมีความเสี่ยง แต่สามารถที่จะให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวเช่นกัน โดยตลาดหลักหลักทรัพย์ฯมีแผนดำเนินการดังกล่าวเพื่อเป็นการแก้ปัญหาและเพิ่มสัดส่วนการลงทุนของนักลงทุนสถาบันในสินค้าของตลาดหลักทรัพย์ฯมากขึ้น เพราะกองทุนนั้นถือว่าเป็นตัวกลางของนักลงทุนรายย่อยในการเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเช่นกัน
นายยรรยง ไทยเจริญ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า สถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุนมีแผนที่จะมีการสำรวจพฤติกรรมการลงทุนของนักลงทุนรายย่อย นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้สถาบันวิจัยอยู่ระหว่างการสำรวจการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นไทยว่ามีอุปสรรคอะไรบ้างในการลงทุน จากปัจุบันที่นักลงทุนต่างประเทศมีการลงทุนผ่านกระดานซื้อขายต่างประเทศ และผ่านไทยเอ็นดีวีอาร์ เพื่อที่ตลาดหลักทรัพย์จะนำมาปรับปรุง เพื่้อทำให้การลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นไทยมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น โดยคาดว่าภายในไตรมาส1/53นี้จะสามารถเสนอผลสำรวจการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศได้
ทั้งนี้ ในไตรมาส 2/53 สถาบันวิจัยจะมีการสำรวจบุคคลที่มีศักยภาพ เช่น มีเงินเดือนที่สูง มีเงินออมจำนวนมาก ที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย แต่ไม่เข้ามาลงทุนนั้นว่าสาเหตุที่ยังไม่เข้ามาลงทุนเพราะอะไร และการที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นนั้นต้องการลงทุนในสินค้าประเภทอะไร เพื่อที่ตลาดหลักทรัพย์ฯจะนำผลศึกษาดังกล่าวมาปรับปรุงเพื่อชักจูงในให้บุคคลที่มีศักยภาพในการลงทุนให้เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย และในไตรมาส 2/52 ทางสถาบันวิจัยฯ จะมีการสำรวจนักลงทุนที่มีการลงทุนในตลาดหุ้นไทยอยู่แล้วว่ามีอุปสรรคการลงทุนต่าง ๆ เพื่อที่ตลาดหลักทรัพย์ฯจะนำมาปรับปรุงในกลยุทธ์และพัฒนาช่องทางการลงทุนให้ตอบสนองกับความต้องการของนักลงทุน
" จากการที่ บลจ.และ บล. มีแผนที่จะออกสินค้าที่คุ้มครองเงินต้นนั้น นักลงทุนมีความคิดเห็นอย่างไร ซึ่งเราจะสำรวจนักลงทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้นอยู่แล้วและนักลงทุนที่มีศักยภาพที่จะเข้ามาลงทุน เพราะ จากปัจจุบันยังมีนักลงทุนบางกลุ่มที่มีความระมัดระวังและกังวลว่าเงินต้นที่ลงทุนจะหายไปหากเข้ามาลงทุน "นายยรรยง กล่าว
นอกจากนี้ สถาบันวิจัยฯจะมีการศึกษากลุ่มนักลงทุนสถาบันในการลงทุนในตลาดหุ้นไทยว่าจะทำอย่างไร ในการให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)ให้เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการลงทุนในสินค้าของตลาดหลักทรัพย์จากปัจจุบันที่กองทุนมีสัดส่วนการลงทุนในสินค้าของตลาดหลักทรัพย์ในสัดส่วนที่ยังต่ำอยู่ โดยพฤติกรรมการลงทุนของกองทุนนั้นจะเน้นการลงทุนระยะยาว ซึ่งหากอัตราดอกเบี้ยอยู่ในอัตราต่ำ และเงินเฟ้อมีการปรับตัวสูงขึ้นและหากไม่มีการเข้ามาลงทุนในตราสารทุน จะทำให้ผลตอบแทนที่ได้รับไม่เพียงพอรองรับในการใช้จ่ายในวัยเกษียณของนักลงทุน
ทั้งนี้ ทางฝ่ายวิจัยฯและตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีการเข้าไปทำความเข้าใจแก่ผู้จัดการกองทุนต่างๆว่าการเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยแม้จะมีความเสี่ยง แต่สามารถที่จะให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวเช่นกัน โดยตลาดหลักหลักทรัพย์ฯมีแผนดำเนินการดังกล่าวเพื่อเป็นการแก้ปัญหาและเพิ่มสัดส่วนการลงทุนของนักลงทุนสถาบันในสินค้าของตลาดหลักทรัพย์ฯมากขึ้น เพราะกองทุนนั้นถือว่าเป็นตัวกลางของนักลงทุนรายย่อยในการเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเช่นกัน