ศักราชใหม่ได้เวียนมาอีกครั้ง บางคนอาจจะมองเป็นเรื่องธรรมดาของวันเวลาที่ก็หมุนเวียนอยู่เช่นนี้ แต่ถ้าจะได้ใช้เป็นโอกาสพิจารณาตัวเองเพื่อนำไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น ก็ดีกว่าไม่ใช่หรือที่จะทำ หลายท่านก็จะตั้งเป้าหมายของตนเองในปีหน้า หรือการตั้งความคาดหวังของชีวิตที่ดีขึ้น ในทำนองเดียวกันการลงทุนก็มีความจำเป็นที่ต้องปรับพอร์ตให้เหมาะกับวัย ความชอบของแต่ละคนและภาวะการณ์ของเศรษฐกิจเพื่อให้สุขภาพการเงินของเราแข็งแรง
รวมถึงยังมีปัจจัยหลายอย่างที่ควรนำมาใช้เพื่อจัดพอร์ตการลงทุนของแต่ละคน สิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาเป็นหลักใหญ่ คือ วัตถุประสงค์ในการลงทุน เมื่อมีวัตถุประสงค์การลงทุนที่ชัดเจนแล้วต้องสำรวจตัวเองว่าตัวเรายอมรับความเสี่ยงได้มากแค่ไหน ทราบกันแล้วว่าความเสี่ยงกับผลตอบแทนแปรผันตามกัน คือ อยากได้มากก็ต้องเสี่ยงมากหน่อย ถ้าไม่อยากเสี่ยงมากก็อาจจะได้เงินน้อยหน่อย ถ้าคุณเป็นคนชอบเสี่ยง ชอบอะไรที่โลดโผนตื่นเต้น ทำใจได้กับโอกาสในการสูญเสียที่ตามมากับผลตอบแทน แม้จะเสี่ยงต่อความปลอดภัยของเงินต้นก็มีโอกาสที่จะได้ผลตอบแทนที่สูง แต่ถ้าคุณชอบแบบที่ได้น้อยหน่อยไม่เป็นไรขอให้เงินต้นปลอดภัยไว้ก่อนพอร์ตก็จะต่างออกไป
อ่านถึงตรงนี้แล้วอาจยังไม่เห็นพอร์ตที่เป็นรูปร่างสักเท่าไร และถ้าเป็นพอร์ตที่เราจัดเองนักลงทุนที่ไม่คุ้นเคยกับเรื่องการลงทุนนักคงยังนึกไม่ออกว่าหน้าตาจะเป็นอย่างไร ก็มีผู้รู้ที่เข้าใจสถานการณ์ของนักลงทุนที่ไม่สันทัดเรื่องการลงทุนได้จัดรูปแบบออกมา โดยพิจารณาจากปัจจัยจาก อายุ ภาระ ค่าใช้จ่ายที่ตนเองต้องรับผิดชอบ ฐานะการเงิน ความสามารถในการหารายได้ ล้วนแล้วแต่มีความเกี่ยวโยงกับอายุทั้งสิ้น คือ คนแต่ละวัยจะสามารถยอมรับความเสี่ยงได้ต่างกัน มีภาระต่างกัน จึงมีการคิดตัวอย่างพอร์ตการลงทุนของคนในวัยต่างๆ ดังนี้คือ
***อายุระหว่าง 20-30 ปี*** ในช่วงนี้เป็นช่วงที่นักลงทุนส่วนใหญ่เพิ่งจะเริ่มต้นทำงาน ในขณะที่นักลงทุนบางคนอาจจะเพิ่งแต่งงาน แต่ยังไม่มีบุตร ในช่วงนี้ นักลงทุนส่วนใหญ่อาจจะยังไม่มีภาระการเงินมากนัก ในขณะที่ช่วงเวลาที่ท่านสามารถลงทุนได้ก่อนจะถึงวัยเกษียณยังมีระยะเวลายาวนานถึงกว่า 30 ปี ดังนั้น ท่านจึงสามารถลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงในสัดส่วนที่สูง เพื่อที่จะมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดี แต่ถ้าท่านลงทุนผิดพลาด ท่านก็ยังมีโอกาสที่จะแก้ตัวได้อีกหลายปี สำหรับสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมสำหรับคนที่มีอายุในช่วงนี้ก็คือ การลงทุนในตราสารหนี้ 20 % และตราสารทุน 80 %
***อายุระหว่าง31-40 ปี*** ในช่วงนี้ เป็นช่วงที่นักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มมีครอบครัวที่สมบูรณ์ขึ้น กล่าวคือเริ่มมีบุตรหลานมาอยู่เป็นเพื่อน ในขณะที่ฐานะทางการเงินของท่านก็เริ่มจะมีความมั่นคงมากขึ้น การที่ท่านเริ่มจะมีครอบครัวจะทำให้ท่านต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายทั่วๆไปในครัวเรือน ค่าเล่าเรียนบุตร และการออมเงินเพื่ออนาคตของบุตร กอปรกับฐานะทางการเงินที่มีความมั่นคงมากขึ้น ทำให้ท่านไม่มีความจำเป็นต้องลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง ดังนั้น นักลงทุนจึงควรลดความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุนของตน สำหรับสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมสำหรับคนที่มีอายุในช่วงนี้ก็คือ การลงทุนในตราสารหนี้ 30 % และตราสารทุน 70 %
***อายุระหว่าง 41-50 ปี*** ในช่วงนี้ เป็นช่วงที่ท่านนักลงทุนส่วนใหญ่มีฐานะการเงินที่มั่นคงแล้ว บางท่านเริ่มมีการวางแผนที่จะเกษียณก่อนกำหนด ในขณะที่บุตรหลานของท่านก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ รายจ่ายหลักๆ ของท่านในช่วงนี้ก็ยังคงมีลักษณะที่ใกล้เคียงกับช่วงอายุ 31-40 ปี กล่าวคือรายจ่ายส่วนใหญ่ของท่านจะหมดไปกับค่าใช้จ่ายภายในครอบครัวและการศึกษาบุตร แต่ด้วยฐานะการเงินที่มีความมั่นคงแล้วประกอบกับการที่ระยะเวลาที่เหลือในการออมก่อนเกษียณลดน้อยลง นักลงทุนจึงควรลดสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงลงและเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำแต่ให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างสม่ำเสมอให้มากขึ้น สำหรับสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมสำหรับคนที่มีอายุในช่วงนี้ก็คือ การลงทุนในตราสารหนี้ 40 % และตราสารทุน 60 % หรือการลงทุนในตราสารหนี้ 50 % และตราสารทุน 50 %
***อายุระหว่าง 51-60 ปี*** ในช่วงนี้ เป็นช่วงที่ท่านนักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มเข้าสู่วัยเกษียณ บางท่านที่มีการออมอย่างต่อเนื่องและยาวนานก็จะเกษียณตั้งแต่ช่วงอายุ 50 ต้นๆ หรือเกษียณอายุไปก่อนหน้านี้แล้ว ในขณะที่บางท่านอาจจะเพิ่งนึกได้ว่ายังไม่มีเงินเพียงพอที่จะเกษียณอายุ จึงมีสัดส่วนการลงทุนในทรัพย์สินที่มีความเสี่ยงสูงมากเกินไป เพื่อหวังผลตอบแทนในระดับสูง ซึ่งการจัดพอร์ตการลงทุนในลักษณะดังกล่าว หากการลงทุนเกิดการผิดพลาด อาจทำให้เงินที่ท่านคาดหวังว่าจะมีใช้หลังเกษียณอายุลดน้อยลงจากเดิม สำหรับสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมสำหรับคนที่มีอายุในช่วงนี้ก็คือ การลงทุนในตราสารหนี้ระหว่าง 60 %-80 % และตราสารทุนระหว่าง 20 %- 40 %
***อายุระหว่างมีอายุตั้งแต่ 61 ปีขึ้นไป*** เป็นช่วงที่ท่านนักลงทุนส่วนใหญ่เกษียณอายุแล้ว ในขณะที่บุตรหลานของท่านก็เริ่มมีงานทำ ดังนั้น ค่าใช้จ่ายของท่านจะลดน้อยลงมาก ในขณะเดียวกันท่านก็ไม่มีรายได้จากงานประจำ ดังนั้น พอร์ตการลงทุนของท่านจึงควรมีสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงในสัดส่วนที่น้อยลง และเน้นการลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ โดยพอร์ตการลงทุนของคนในวัยนี้ที่เหมาะสมก็คือ ตราสารหนี้ 90 % และตราสารทุน 10 %
สำหรับช่วงอายุ 5 แบบ จะเห็นได้ว่าคนที่เริ่มวางแผนการออมตั้งแต่อายุน้อยจะสามารถหาเงินได้มากกว่า เพราะลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงได้มากกว่าจึงได้ผลตอบแทนสูงกว่า ยิ่งถ้าเริ่มออมตอนอายุมาก สัดส่วนของเงินฝากก็จะเพิ่มขึ้น จากภาระความรับผิดชอบและวัยไม่อำนวย เพราะฉะนั้นนักลงทุนก็ต้องสำรวจตนเองให้ดีก่อนว่าเราเหมาะสมแบบใด เพื่อให้ได้พอร์ตที่เหมาะสมกับแต่ละท่าน
คอลัมน์ Money Tips
โดยสมพงษ์ สว่างวิศาล
รวมถึงยังมีปัจจัยหลายอย่างที่ควรนำมาใช้เพื่อจัดพอร์ตการลงทุนของแต่ละคน สิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาเป็นหลักใหญ่ คือ วัตถุประสงค์ในการลงทุน เมื่อมีวัตถุประสงค์การลงทุนที่ชัดเจนแล้วต้องสำรวจตัวเองว่าตัวเรายอมรับความเสี่ยงได้มากแค่ไหน ทราบกันแล้วว่าความเสี่ยงกับผลตอบแทนแปรผันตามกัน คือ อยากได้มากก็ต้องเสี่ยงมากหน่อย ถ้าไม่อยากเสี่ยงมากก็อาจจะได้เงินน้อยหน่อย ถ้าคุณเป็นคนชอบเสี่ยง ชอบอะไรที่โลดโผนตื่นเต้น ทำใจได้กับโอกาสในการสูญเสียที่ตามมากับผลตอบแทน แม้จะเสี่ยงต่อความปลอดภัยของเงินต้นก็มีโอกาสที่จะได้ผลตอบแทนที่สูง แต่ถ้าคุณชอบแบบที่ได้น้อยหน่อยไม่เป็นไรขอให้เงินต้นปลอดภัยไว้ก่อนพอร์ตก็จะต่างออกไป
อ่านถึงตรงนี้แล้วอาจยังไม่เห็นพอร์ตที่เป็นรูปร่างสักเท่าไร และถ้าเป็นพอร์ตที่เราจัดเองนักลงทุนที่ไม่คุ้นเคยกับเรื่องการลงทุนนักคงยังนึกไม่ออกว่าหน้าตาจะเป็นอย่างไร ก็มีผู้รู้ที่เข้าใจสถานการณ์ของนักลงทุนที่ไม่สันทัดเรื่องการลงทุนได้จัดรูปแบบออกมา โดยพิจารณาจากปัจจัยจาก อายุ ภาระ ค่าใช้จ่ายที่ตนเองต้องรับผิดชอบ ฐานะการเงิน ความสามารถในการหารายได้ ล้วนแล้วแต่มีความเกี่ยวโยงกับอายุทั้งสิ้น คือ คนแต่ละวัยจะสามารถยอมรับความเสี่ยงได้ต่างกัน มีภาระต่างกัน จึงมีการคิดตัวอย่างพอร์ตการลงทุนของคนในวัยต่างๆ ดังนี้คือ
***อายุระหว่าง 20-30 ปี*** ในช่วงนี้เป็นช่วงที่นักลงทุนส่วนใหญ่เพิ่งจะเริ่มต้นทำงาน ในขณะที่นักลงทุนบางคนอาจจะเพิ่งแต่งงาน แต่ยังไม่มีบุตร ในช่วงนี้ นักลงทุนส่วนใหญ่อาจจะยังไม่มีภาระการเงินมากนัก ในขณะที่ช่วงเวลาที่ท่านสามารถลงทุนได้ก่อนจะถึงวัยเกษียณยังมีระยะเวลายาวนานถึงกว่า 30 ปี ดังนั้น ท่านจึงสามารถลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงในสัดส่วนที่สูง เพื่อที่จะมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดี แต่ถ้าท่านลงทุนผิดพลาด ท่านก็ยังมีโอกาสที่จะแก้ตัวได้อีกหลายปี สำหรับสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมสำหรับคนที่มีอายุในช่วงนี้ก็คือ การลงทุนในตราสารหนี้ 20 % และตราสารทุน 80 %
***อายุระหว่าง31-40 ปี*** ในช่วงนี้ เป็นช่วงที่นักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มมีครอบครัวที่สมบูรณ์ขึ้น กล่าวคือเริ่มมีบุตรหลานมาอยู่เป็นเพื่อน ในขณะที่ฐานะทางการเงินของท่านก็เริ่มจะมีความมั่นคงมากขึ้น การที่ท่านเริ่มจะมีครอบครัวจะทำให้ท่านต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายทั่วๆไปในครัวเรือน ค่าเล่าเรียนบุตร และการออมเงินเพื่ออนาคตของบุตร กอปรกับฐานะทางการเงินที่มีความมั่นคงมากขึ้น ทำให้ท่านไม่มีความจำเป็นต้องลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง ดังนั้น นักลงทุนจึงควรลดความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุนของตน สำหรับสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมสำหรับคนที่มีอายุในช่วงนี้ก็คือ การลงทุนในตราสารหนี้ 30 % และตราสารทุน 70 %
***อายุระหว่าง 41-50 ปี*** ในช่วงนี้ เป็นช่วงที่ท่านนักลงทุนส่วนใหญ่มีฐานะการเงินที่มั่นคงแล้ว บางท่านเริ่มมีการวางแผนที่จะเกษียณก่อนกำหนด ในขณะที่บุตรหลานของท่านก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ รายจ่ายหลักๆ ของท่านในช่วงนี้ก็ยังคงมีลักษณะที่ใกล้เคียงกับช่วงอายุ 31-40 ปี กล่าวคือรายจ่ายส่วนใหญ่ของท่านจะหมดไปกับค่าใช้จ่ายภายในครอบครัวและการศึกษาบุตร แต่ด้วยฐานะการเงินที่มีความมั่นคงแล้วประกอบกับการที่ระยะเวลาที่เหลือในการออมก่อนเกษียณลดน้อยลง นักลงทุนจึงควรลดสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงลงและเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำแต่ให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างสม่ำเสมอให้มากขึ้น สำหรับสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมสำหรับคนที่มีอายุในช่วงนี้ก็คือ การลงทุนในตราสารหนี้ 40 % และตราสารทุน 60 % หรือการลงทุนในตราสารหนี้ 50 % และตราสารทุน 50 %
***อายุระหว่าง 51-60 ปี*** ในช่วงนี้ เป็นช่วงที่ท่านนักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มเข้าสู่วัยเกษียณ บางท่านที่มีการออมอย่างต่อเนื่องและยาวนานก็จะเกษียณตั้งแต่ช่วงอายุ 50 ต้นๆ หรือเกษียณอายุไปก่อนหน้านี้แล้ว ในขณะที่บางท่านอาจจะเพิ่งนึกได้ว่ายังไม่มีเงินเพียงพอที่จะเกษียณอายุ จึงมีสัดส่วนการลงทุนในทรัพย์สินที่มีความเสี่ยงสูงมากเกินไป เพื่อหวังผลตอบแทนในระดับสูง ซึ่งการจัดพอร์ตการลงทุนในลักษณะดังกล่าว หากการลงทุนเกิดการผิดพลาด อาจทำให้เงินที่ท่านคาดหวังว่าจะมีใช้หลังเกษียณอายุลดน้อยลงจากเดิม สำหรับสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมสำหรับคนที่มีอายุในช่วงนี้ก็คือ การลงทุนในตราสารหนี้ระหว่าง 60 %-80 % และตราสารทุนระหว่าง 20 %- 40 %
***อายุระหว่างมีอายุตั้งแต่ 61 ปีขึ้นไป*** เป็นช่วงที่ท่านนักลงทุนส่วนใหญ่เกษียณอายุแล้ว ในขณะที่บุตรหลานของท่านก็เริ่มมีงานทำ ดังนั้น ค่าใช้จ่ายของท่านจะลดน้อยลงมาก ในขณะเดียวกันท่านก็ไม่มีรายได้จากงานประจำ ดังนั้น พอร์ตการลงทุนของท่านจึงควรมีสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงในสัดส่วนที่น้อยลง และเน้นการลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ โดยพอร์ตการลงทุนของคนในวัยนี้ที่เหมาะสมก็คือ ตราสารหนี้ 90 % และตราสารทุน 10 %
สำหรับช่วงอายุ 5 แบบ จะเห็นได้ว่าคนที่เริ่มวางแผนการออมตั้งแต่อายุน้อยจะสามารถหาเงินได้มากกว่า เพราะลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงได้มากกว่าจึงได้ผลตอบแทนสูงกว่า ยิ่งถ้าเริ่มออมตอนอายุมาก สัดส่วนของเงินฝากก็จะเพิ่มขึ้น จากภาระความรับผิดชอบและวัยไม่อำนวย เพราะฉะนั้นนักลงทุนก็ต้องสำรวจตนเองให้ดีก่อนว่าเราเหมาะสมแบบใด เพื่อให้ได้พอร์ตที่เหมาะสมกับแต่ละท่าน
คอลัมน์ Money Tips
โดยสมพงษ์ สว่างวิศาล