คอลัมน์ Design Your Life by Mutual Fund
คุณชุติพนธ์ อัชวรานนท์
ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวางแผนกลยุทธ์
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ยูโอบี (ไทย) จำกัด โทร. 0-2676-7200
ปีเก่ากำลังจะผ่านไป และปีใหม่กำลังจะมาถึง สำหรับท่านที่ยังไม่ได้ลงทุนในกองทุน RMF และ LTF ยังมีเวลาเหลืออีกประมาณ ไม่กี่ เดือนนะครับ ที่ท่านจะทำการตัดสินใจเลือกลงทุน รวมถึงศึกษาข้อมูลของกองทุนที่ท่านสนใจ ซึ่งจะเป็นทางเลือกหนึ่งที่ท่านสามารถใช้สิทธิในการลดหย่อนภาษีได้นะครับ ในฐานะที่ผมทำงานอยู่ในแวดวงการเงิน คำถามที่ผมมักจะพบบ่อยจากคนรอบข้าง คือ “ในเมื่อการลงทุนในกองทุนทั้งสองได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีเหมือนกันแล้วควรเลือกลงทุนในกองทุนใดจึงจะเหมาะสม?”การที่จะตอบปัญหาดังกล่าวได้นั้น สิ่งที่ผู้ลงทุนควรปฏิบัติในขั้นแรก คือ การแบ่งเงินออมเป็นสามส่วนหลัก ได้แก่ เงินออมสำหรับการลงทุนระยะสั้น การลงทุนระยะกลาง และการลงทุนระยะยาว
ส่วนแรก ได้แก่ เงินลงทุนระยะสั้น (น้อยกว่า 3 ปี) คือ เงินส่วนที่มีไว้เพื่อใช้จ่ายในระยะเวลาอันใกล้และจะต้องจ่ายอย่างแน่นอน เช่น เงินดาวน์บ้าน ดาวน์รถ ทั้งนี้ผู้ออมควรลงทุนในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงและไถ่ถอนได้ง่าย เช่น เงินฝากธนาคาร หรือกองทุนรวมที่ลงทุนในตลาดเงิน (Money Market Fund) เป็นต้น
ส่วนที่สอง ได้แก่ เงินได้แก่ลงทุนระยะกลาง (3-5 ปี) คือ การออมเพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในระยะกลาง เช่น เพื่อการศึกษาของบุตรธิดา หรือเพื่อประกอบธุรกิจในอนาคต
ส่วนที่สาม ได้แก่ การออมเงินสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในระยะยาว (มากกว่า 5 ปี) เช่น การออมเงินเพื่อใช้หลังวัยเกษียณ
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าการลงทุนในส่วนที่สอง และส่วนที่สามนี้เป็นการลงทุนที่มีระยะเวลานานพอสมควร ดังนั้นเงินลงทุนในส่วนนี้จึงเหมาะที่จะนำมาลงทุนในกองทุน LTF และ RMF ซึ่งก่อนอื่นผู้ลงทุนควรทราบถึงความแตกต่างระหว่างนโยบายการลงทุนและเงื่อนไขทางภาษีจากการลงทุนในกองทุนทั้งสองประเภท ดังนี้
หลังจากที่ผู้ลงทุนทราบถึงนโยบายการลงทุนและเงื่อนไขทางภาษีจากการลงทุนในกองทุน LTF และกองทุน RMF แล้ว ผู้ลงทุนก็สามารถลงทุนให้เหมาะสมกับพอร์ตของตนเอง ทั้งนี้เพื่อโอกาสได้รับผลตอบแทนและสิทธิประโยชน์ทางภาษีไปพร้อมๆกัน ดังตารางต่อไปนี้
อย่างไรก็ตามผู้ลงทุนควรคำนึงถึงความเสี่ยงของสินทรัพย์ที่จะนำเงินไปลงทุน โดยผู้ลงทุนควรจัดสัดส่วนการลงทุนระหว่างตราสารหนี้ระยะสั้น ตราสารหนี้ระยะกลางและตราสารทุนให้เหมาะสมโดยคำนึงถึงความเสี่ยงของผู้ลงทุนเป็นหลัก
การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูล และคู่มือภาษีก่อนการตัดสินใจลงทุน
คุณชุติพนธ์ อัชวรานนท์
ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวางแผนกลยุทธ์
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ยูโอบี (ไทย) จำกัด โทร. 0-2676-7200
ปีเก่ากำลังจะผ่านไป และปีใหม่กำลังจะมาถึง สำหรับท่านที่ยังไม่ได้ลงทุนในกองทุน RMF และ LTF ยังมีเวลาเหลืออีกประมาณ ไม่กี่ เดือนนะครับ ที่ท่านจะทำการตัดสินใจเลือกลงทุน รวมถึงศึกษาข้อมูลของกองทุนที่ท่านสนใจ ซึ่งจะเป็นทางเลือกหนึ่งที่ท่านสามารถใช้สิทธิในการลดหย่อนภาษีได้นะครับ ในฐานะที่ผมทำงานอยู่ในแวดวงการเงิน คำถามที่ผมมักจะพบบ่อยจากคนรอบข้าง คือ “ในเมื่อการลงทุนในกองทุนทั้งสองได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีเหมือนกันแล้วควรเลือกลงทุนในกองทุนใดจึงจะเหมาะสม?”การที่จะตอบปัญหาดังกล่าวได้นั้น สิ่งที่ผู้ลงทุนควรปฏิบัติในขั้นแรก คือ การแบ่งเงินออมเป็นสามส่วนหลัก ได้แก่ เงินออมสำหรับการลงทุนระยะสั้น การลงทุนระยะกลาง และการลงทุนระยะยาว
ส่วนแรก ได้แก่ เงินลงทุนระยะสั้น (น้อยกว่า 3 ปี) คือ เงินส่วนที่มีไว้เพื่อใช้จ่ายในระยะเวลาอันใกล้และจะต้องจ่ายอย่างแน่นอน เช่น เงินดาวน์บ้าน ดาวน์รถ ทั้งนี้ผู้ออมควรลงทุนในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงและไถ่ถอนได้ง่าย เช่น เงินฝากธนาคาร หรือกองทุนรวมที่ลงทุนในตลาดเงิน (Money Market Fund) เป็นต้น
ส่วนที่สอง ได้แก่ เงินได้แก่ลงทุนระยะกลาง (3-5 ปี) คือ การออมเพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในระยะกลาง เช่น เพื่อการศึกษาของบุตรธิดา หรือเพื่อประกอบธุรกิจในอนาคต
ส่วนที่สาม ได้แก่ การออมเงินสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในระยะยาว (มากกว่า 5 ปี) เช่น การออมเงินเพื่อใช้หลังวัยเกษียณ
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าการลงทุนในส่วนที่สอง และส่วนที่สามนี้เป็นการลงทุนที่มีระยะเวลานานพอสมควร ดังนั้นเงินลงทุนในส่วนนี้จึงเหมาะที่จะนำมาลงทุนในกองทุน LTF และ RMF ซึ่งก่อนอื่นผู้ลงทุนควรทราบถึงความแตกต่างระหว่างนโยบายการลงทุนและเงื่อนไขทางภาษีจากการลงทุนในกองทุนทั้งสองประเภท ดังนี้
หลังจากที่ผู้ลงทุนทราบถึงนโยบายการลงทุนและเงื่อนไขทางภาษีจากการลงทุนในกองทุน LTF และกองทุน RMF แล้ว ผู้ลงทุนก็สามารถลงทุนให้เหมาะสมกับพอร์ตของตนเอง ทั้งนี้เพื่อโอกาสได้รับผลตอบแทนและสิทธิประโยชน์ทางภาษีไปพร้อมๆกัน ดังตารางต่อไปนี้
อย่างไรก็ตามผู้ลงทุนควรคำนึงถึงความเสี่ยงของสินทรัพย์ที่จะนำเงินไปลงทุน โดยผู้ลงทุนควรจัดสัดส่วนการลงทุนระหว่างตราสารหนี้ระยะสั้น ตราสารหนี้ระยะกลางและตราสารทุนให้เหมาะสมโดยคำนึงถึงความเสี่ยงของผู้ลงทุนเป็นหลัก
การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูล และคู่มือภาษีก่อนการตัดสินใจลงทุน