หนองคาย-บ.ทัวร์หนองคายเชื่อปี 53 ธุรกิจท่องเที่ยวไทย – ลาว – เวียดนาม บูม เหตุลาวใช้ช่วงซีเกมส์เปิดบ้าน ดึงนักท่องเที่ยวเข้าพื้นที่ สอดประสานไทย – เวียดนาม ล้างบ้านเมืองรอรับอานิสงส์ เผยต้นปีหน้าเตรียมระดมสมองวางมาตรฐานกลางธุรกิจท่องเที่ยว 3 ชาติร่วมกัน จี้รัฐจัดการทัวร์เถื่อน ย้ำกระทบถึงความมั่นคง เหตุต่างชาติฉวยโอกาสเที่ยวแล้วไม่ยอมกลับ ลักลอบทำงานต่อในไทยอีกนาน
นายกำภล เมืองโคตร นายกสมาคมส่งเสริมธุรกิจการท่องเที่ยว จ.หนองคาย เปิดเผยว่า ในช่วงปลายปี 2552 โดยเฉพาะช่วงการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว)เป็นเจ้าภาพ และเป็นช่วงจังหวะเดียวกันกับที่ จ.หนองคาย เป็นเจ้าภาพจัดมหกรรมหนองคายกินดีอยู่ดี ไอซีทีเปิดประตูสู่อินโดจีน ช่วยทำให้จังหวัดหนองคายคึกคัก ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากจังหวัดต่าง ๆ ยอดห้องพัก โรงแรม รีสอร์ตต่าง ๆ เพิ่มสูงขึ้นกว่าช่วงเวลาปกติถึงร้อยละ 50
ทั้งนี้เป็นผลจากการที่ลาวเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ ทำให้ประชาชน นักท่องเที่ยว จากนานาประเทศ ได้เห็นศักยภาพและมุมมองใหม่ ๆ ของลาว ซึ่งเป็นทางเลือกใหม่ในการเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวระดับกลาง หรือผู้ที่ชื่นชอบท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรม ค้นหาสิ่งแปลกใหม่ในประเทศที่ไม่เคยไป
อย่างไรก็ตาม คาดว่า ปี 2553 จะเป็นปีทองของการท่องเที่ยวในลาว ไทย และเวียดนาม ซึ่งในส่วนของผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ทั้งบริษัททัวร์ โรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร ธุรกิจขนส่งต่าง ๆ ต้องเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ในทุกด้าน โดยช่วงก่อนการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ได้มีการพูดคุยหารือกันระหว่างสมาคมท่องเที่ยวแห่งชาติลาว และสมาคมส่งเสริมธุรกิจการท่องเที่ยว จ.หนองคาย และ จ.อุดรธานี ขณะนั้นได้วางกรอบการให้บริการนักท่องเที่ยวช่วงการแข่งขันกีฬาซีเกมส์
แม้ว่าซีเกมส์จะจบไปแล้ว แต่สมาคมท่องเที่ยวแห่งชาติลาว เห็นถึงความสำเร็จในการลงทุนด้านธุรกิจท่องเที่ยวในลาวเพิ่มมากขึ้น อีกทั้ง ปี 2553 ลาวจะมีการเฉลิมฉลองการก่อตั้งนครหลวงเวียงจันทน์ ครบ 450 ปี ซึ่งถือเป็นงานใหญ่อีกงานหนึ่งที่คนลาวตั้งตารอ ซึ่งเป็นการเห็นพ้องไปในทางเดียวกับสมาคมส่งเสริมธุรกิจการท่องเที่ยว จ.หนองคาย
ต้นปีนี้( 2553 )จะมีการประชุมร่วมกันระหว่างสมาคมทั้ง 2 สมาคม รวมถึงตัวแทนธุรกิจท่องเที่ยว ใน จ.อุดรธานี และ ประเทศเวียดนาม เพื่อหามาตรฐานกลางในการให้บริการธุรกิจการท่องเที่ยว ไม่ให้มีการได้เปรียบเสียเปรียบซึ่งกันและกัน และหาจุดร่วมในการดำเนินธุรกิจระหว่างประเทศร่วมกัน
นายกำภล กล่าวอีกว่า ในการประชุมที่จะมีขึ้นต้นปีหน้า ลาวเองต้องการให้ฝ่ายไทย และ เวียดนาม ได้นำเสนอรูปแบบการท่องเที่ยวในลักษณะต่าง ๆ เพื่อให้ลาวได้นำไปจัดทำโปรแกรมการท่องเที่ยวในแต่ละภูมิภาค โดยไม่จำกัดเฉพาะแค่การท่องเที่ยวผ่านทางรถยนต์เท่านั้น แต่หมายรวมถึงการเดินทางด้วยเครื่องบิน ซึ่งแต่ละฝ่ายต้องการนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวของตนเองแลกเปลี่ยนกัน เพื่อจะได้เชิญชวนนักท่องเที่ยวมาสัมผัสแหล่งท่องเที่ยวนั้น ๆ รวมทั้งจะมีการพาผู้ประกอบการท่องเที่ยวของทั้ง 3 ประเทศ เดินทางหาแหล่งท่องเที่ยวเด่นในแต่ละพื้นที่ เพื่อเป็นจุดขายจุดใหม่ นอกเหนือจากที่เคยมีอยู่ก่อนแล้ว
พร้อมกันนี้ ยังจะมีการร่วมกันป้องกันปัญหาทัวร์เถื่อน ซึ่งที่ผ่านมาเกิดปัญหาทัวร์เถื่อนเกลื่อนเมืองหนองคายและในพื้นที่ใกล้เคียง คือ มีรถทัวร์หรือรถตู้จากหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง อาสาพานักท่องเที่ยวข้ามไปเที่ยวยังประเทศลาว หรือ เวียดนาม ด้วยตนเอง โดยไม่ผ่านผู้ประกอบการทัวร์ที่ถูกกฎหมาย และอาจเกินเลยไปจนถึงไม่แจ้งต่อเจ้าหน้าที่รัฐที่รับผิดชอบ จนเกิดปัญหาการกระทำผิดกฎหมายตามมาในภายหลัง ซึ่งตำรวจท่องเที่ยวได้ดำเนินการจับกุมทัวร์เถื่อนไปแล้วประมาณ 10 ราย แต่ก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทั้งหมด
สิ่งหนึ่งที่เป็นผลพวงจากทัวร์เถื่อน ก็คือการไม่จำกัดจำนวนบุคคลที่อาศัยมากับรถ โดยอ้างว่าเป็นนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวในไทย แต่เมื่อถึงเวลากลับประเทศตัวเอง กลับไม่ยอมกลับ ฉวยโอกาสหลบเลี่ยงออกจากคณะทัวร์แล้วหลบเข้าพื้นที่ตอนในของประเทศ ไปขายแรงงาน ขายบริการในรูปแบบต่าง ๆ จนกลายเป็นปัญหาการลักลอบเข้าเมือง ปัญหาแรงงานต่างด้าวและส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ
ดังนั้นจึงอยากให้รัฐหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบ เอาจริงเอาจังกับการแก้ปัญหาทัวร์เถื่อนเหล่านี้ให้ชัดเจน ประกอบกับไม่มีกฎหมายหรือแนวปฏิบัติ ที่จะสามารถดำเนินคดีกับทัวร์เถื่อนเหล่านี้ให้รุนแรงจนถึงขั้นขยาดไม่กล้าทำอีก
