หนองคาย-ทูตลาวประจำประเทศไทย ย้ำสัมพันธ์ไทย-ลาวแน่นแฟ้น หวังไทยช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ระบุลาวสมาชิกใหม่อาเซียนต้องการคำชี้แนะจากไทยอีกมาก เพื่อให้กลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนเดินไปในทิศทางเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อต้นอาทิตย์นี้ นายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ได้ให้การต้อนรับและพบปะพูดคุยกับนายอ้วน พมมะจัก เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ประจำประเทศไทย ในโอกาสเยี่ยมเยือนเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ณ ห้องทำงานผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ศาลากลางจังหวัด
นายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า ในฐานะที่ประเทศไทยกับสปป.ลาวมีพื้นที่ชายแดนติดต่อกันและความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศเป็นไปด้วยดี ราบรื่นมาตลอด ในส่วนของจังหวัดหนองคายซึ่งตลอดแนวแม่น้ำโขงติดต่อกับประเทศลาว ได้ย้ำให้นายอำเภอทุกอำเภอเชื่อมความสัมพันธ์กับเมืองต่าง ๆ ของลาว ประสานความเข้าใจระหว่างส่วนราชการ และระหว่างประชาชนด้วยกัน ให้มีความใกล้ชิดกัน เพื่อป้องกันปัญหาความไม่เข้าใจ ที่อาจกระทบต่อความมั่นคงระหว่างประเทศ แต่ที่ผ่านมาพบว่าประชาชนทั้งสองประเทศอยู่ร่วมกันอย่างปรองดอง รักใคร่กันดี และช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกันมาโดยตลอด
ด้านนายอ้วน พมมะจัก เอกอัครราชทูต สปป.ลาว ประจำประเทศไทย กล่าวว่า การที่ประเทศลาวเข้าเป็นสมาชิกใหม่ของอาเซียนนั้นมีหลายปัจจัยที่ต้องได้รับคำชี้แนะจากประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมานาน และมีข้อได้เปรียบในเรื่องภาษาและวัฒนธรรมใกล้เคียงกันมากกว่าประเทศอื่นในกลุ่มอาเซียน ดังนั้นประเทศลาวจึงต้องขอความร่วมมือจากไทยเป็นระยะ ๆ ซึ่งคาดว่าในปี ค.ศ.2015 อาเซียนจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เดินไปในทิศทางเดียวกันตามเป้าประสงค์ที่ตั้งไว้
ในปี ค.ศ.2010 ลาวจะมีการจัดงานฉลองครบรอบ 450 ปี การก่อตั้งนครหลวงเวียงจันทน์ ซึ่งถือว่า เป็นงานใหญ่ที่ชาวลาวตั้งตารอคอย ขณะนี้ได้มีการกำหนดรูปแบบ กิจกรรมต่างๆไว้เป็นการเฉลิมฉลองตลอดทั้งเมือง รวมถึงปี 2010 ยังเป็นปีครบรอบการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างลาว – ไทย ครบ 60 ปี เชื่อว่าจะมีการจัดงานเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีต่อกันอีกงานหนึ่ง
ดังนั้น ในการจัดงานต่าง ๆ ที่จะมีขึ้นในอนาคต สิ่งที่จะส่งผลคือธุรกิจการท่องเที่ยว ซึ่งถือว่าเป็นภาคธุรกิจที่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างรายได้ สร้างเม็ดเงินให้กับประชาชนของทั้งลาวและไทยโดยตรง จึงอยากให้ทั้งฝ่ายรัฐบาลและเอกชน หาแนวทางพัฒนาการท่องเที่ยวระหว่างกันให้เป็นรูปแบบที่ชัดเจน
เอกอัครราชทูต สปป. ลาวประจำประเทศไทย ยังระบุอีกว่า ลาวหวังว่าเศรษฐกิจของไทยจะเจริญรุ่งเรืองขึ้น เพราะเมื่อนักธุรกิจไทยแข็งแรง อานิสงส์จะไปถึงสปป.ลาวด้วย เหตุเพราะปัจจุบันมีนักลงทุนไทยจำนวนมากสนใจเข้าไปลงทุนในลาวเพิ่มมากขึ้น สินค้าไทยยังคงเป็นสินค้าหลักที่คนลาวนิยมเลือกซื้อเป็นลำดับต้น ๆ หากไทยมีสภาพเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ก็จะทำให้โอกาสในการพัฒนาร่วมกันของไทยและลาวมีมากขึ้นด้วย
นอกจากนี้ ยังมีความต้องการพัฒนาร่วมกันในด้านการศึกษา การป้องกันและแก้ปัญหายาเสพติด ซึ่งขณะนี้พบว่ามีเยาวชนจำนวนหนึ่งในสปป.ลาวประสบปัญหาจากยาเสพติด ทุกฝ่ายจึงต้องหามาตรการแก้ปัญหาร่วมกันอย่างเป็นระบบ รวมถึงความต้องการเชื่อมเส้นทางคมนาคมระหว่างไทย – ลาว – จีน ขยายเส้นทางคมนาคมขนส่งสินค้าระหว่างกันให้มากขึ้นเพื่อสะดวกต่อการคมนาคม ลอจิสติกส์ในอนาคต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อต้นอาทิตย์นี้ นายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ได้ให้การต้อนรับและพบปะพูดคุยกับนายอ้วน พมมะจัก เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ประจำประเทศไทย ในโอกาสเยี่ยมเยือนเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ณ ห้องทำงานผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ศาลากลางจังหวัด
นายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า ในฐานะที่ประเทศไทยกับสปป.ลาวมีพื้นที่ชายแดนติดต่อกันและความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศเป็นไปด้วยดี ราบรื่นมาตลอด ในส่วนของจังหวัดหนองคายซึ่งตลอดแนวแม่น้ำโขงติดต่อกับประเทศลาว ได้ย้ำให้นายอำเภอทุกอำเภอเชื่อมความสัมพันธ์กับเมืองต่าง ๆ ของลาว ประสานความเข้าใจระหว่างส่วนราชการ และระหว่างประชาชนด้วยกัน ให้มีความใกล้ชิดกัน เพื่อป้องกันปัญหาความไม่เข้าใจ ที่อาจกระทบต่อความมั่นคงระหว่างประเทศ แต่ที่ผ่านมาพบว่าประชาชนทั้งสองประเทศอยู่ร่วมกันอย่างปรองดอง รักใคร่กันดี และช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกันมาโดยตลอด
ด้านนายอ้วน พมมะจัก เอกอัครราชทูต สปป.ลาว ประจำประเทศไทย กล่าวว่า การที่ประเทศลาวเข้าเป็นสมาชิกใหม่ของอาเซียนนั้นมีหลายปัจจัยที่ต้องได้รับคำชี้แนะจากประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมานาน และมีข้อได้เปรียบในเรื่องภาษาและวัฒนธรรมใกล้เคียงกันมากกว่าประเทศอื่นในกลุ่มอาเซียน ดังนั้นประเทศลาวจึงต้องขอความร่วมมือจากไทยเป็นระยะ ๆ ซึ่งคาดว่าในปี ค.ศ.2015 อาเซียนจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เดินไปในทิศทางเดียวกันตามเป้าประสงค์ที่ตั้งไว้
ในปี ค.ศ.2010 ลาวจะมีการจัดงานฉลองครบรอบ 450 ปี การก่อตั้งนครหลวงเวียงจันทน์ ซึ่งถือว่า เป็นงานใหญ่ที่ชาวลาวตั้งตารอคอย ขณะนี้ได้มีการกำหนดรูปแบบ กิจกรรมต่างๆไว้เป็นการเฉลิมฉลองตลอดทั้งเมือง รวมถึงปี 2010 ยังเป็นปีครบรอบการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างลาว – ไทย ครบ 60 ปี เชื่อว่าจะมีการจัดงานเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีต่อกันอีกงานหนึ่ง
ดังนั้น ในการจัดงานต่าง ๆ ที่จะมีขึ้นในอนาคต สิ่งที่จะส่งผลคือธุรกิจการท่องเที่ยว ซึ่งถือว่าเป็นภาคธุรกิจที่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างรายได้ สร้างเม็ดเงินให้กับประชาชนของทั้งลาวและไทยโดยตรง จึงอยากให้ทั้งฝ่ายรัฐบาลและเอกชน หาแนวทางพัฒนาการท่องเที่ยวระหว่างกันให้เป็นรูปแบบที่ชัดเจน
เอกอัครราชทูต สปป. ลาวประจำประเทศไทย ยังระบุอีกว่า ลาวหวังว่าเศรษฐกิจของไทยจะเจริญรุ่งเรืองขึ้น เพราะเมื่อนักธุรกิจไทยแข็งแรง อานิสงส์จะไปถึงสปป.ลาวด้วย เหตุเพราะปัจจุบันมีนักลงทุนไทยจำนวนมากสนใจเข้าไปลงทุนในลาวเพิ่มมากขึ้น สินค้าไทยยังคงเป็นสินค้าหลักที่คนลาวนิยมเลือกซื้อเป็นลำดับต้น ๆ หากไทยมีสภาพเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ก็จะทำให้โอกาสในการพัฒนาร่วมกันของไทยและลาวมีมากขึ้นด้วย
นอกจากนี้ ยังมีความต้องการพัฒนาร่วมกันในด้านการศึกษา การป้องกันและแก้ปัญหายาเสพติด ซึ่งขณะนี้พบว่ามีเยาวชนจำนวนหนึ่งในสปป.ลาวประสบปัญหาจากยาเสพติด ทุกฝ่ายจึงต้องหามาตรการแก้ปัญหาร่วมกันอย่างเป็นระบบ รวมถึงความต้องการเชื่อมเส้นทางคมนาคมระหว่างไทย – ลาว – จีน ขยายเส้นทางคมนาคมขนส่งสินค้าระหว่างกันให้มากขึ้นเพื่อสะดวกต่อการคมนาคม ลอจิสติกส์ในอนาคต