เรามีการปรับประมาณการกำไรปกติปี 2552 และ 2553 ของ TUF ขึ้น 16% และ 10% ตามลำดับเพื่อสะท้อนอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้นเนื่องจากการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ การเพิ่มสัดส่วนยอดขายสินค้าแปรรูป (Value-added products) รวมทั้งการเติบโตของยอดส่งออกไปญี่ปุ่น โดยคาดว่ากำไรสุทธิปี 2552 จะเท่ากับ 3,136 ล้านบาทซึ่งนับว่าสูงเป็นประวัติการณ์ และหากไม่รวมรายการพิเศษคือกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 331 ล้านบาทและค่าใช้จ่ายในการหยุดดำเนินงานโรงงานที่หมู่เกาะอเมริกันซามัวร์ 555 ล้านบาท (16.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) กำไรปกติจะยิ่งสูงขึ้นไปอีกที่ 3,360 ล้านบาท (3.81 บาท/หุ้น) เติบโตถึง 48% จากปี 2551 เรายังประเมินว่า TUF จะมีกำไรเพิ่มขึ้นเป็น 3,462 ล้านบาท (3.92 บาท/หุ้น) ในปี 2553
ประหยัดต้นทุน 7.5 ล้านเหรียญฯ จากการย้ายโรงงาน
อัตรากำไรจะถูกผลักดันจากต้นทุนที่ลดลงหลังจากการปิดโรงงานที่ซามัวร์และย้ายไปที่รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้เริ่มดำเนินการมาแล้วตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยจะส่งผลให้มีการประหยัดต้นทุน 7.5 ล้านเหรียญต่อปี นอกจากนั้นการรวม Empress International และ Chicken of the Sea Frozen Foods (COSFF) จะช่วยให้การบริหารมีความคล่องตัวมากขึ้นจากการดำเนินงานที่เป็นไปในแนวทางเดียวกันรวมทั้งลดค่าใช้จ่ายที่ซ้ำซ้อนด้วย
ยอดขายมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น
ยอดขายคาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นในปี 2553 จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกรวมทั้งการที่ TUF มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และขยายตลาด เช่น รัสเซีย ตะวันออกกลาง และ แอฟริกา นอกจากนั้นแม้เงินบาทจะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ผลประกอบการของ TUF ยังมีแนวโน้มแข็งแกร่งเนื่องจากมีรายได้ 90% ในรูปดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะที่ต้นทุนในรูปดอลลาร์ก็มีสัดส่วน 65% ประกอบกับยังมีการทำการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 50% ด้วย
ภาษีทุ่มตลาดปรับเพิ่มเป็น 4.71%
ภาษีทุ่มตลาด (Anti-dumping) สำหรับกุ้งแช่แข็งไทยส่งออกไปสหรัฐฯ จากการประกาศครั้งล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคม 2552 ถูกปรับขึ้นจาก 3.18% เป็น 4.71% โดยเป็นอัตราภาษีที่ใช้กับ TUF ด้วยจากเดิมที่ TUF ได้อัตรา 2.85% จากการประกาศครั้งก่อนหน้านี้ แม้ภาษีจะปรับเพิ่มขึ้นแต่เราเชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อ TUF ค่อนข้างน้อยเนื่องจากบริษัทมีสัดส่วนกุ้งแช่แข็งเพียงประมาณ 10% ขณะที่สินค้าส่วนใหญ่ (90%) เป็นกุ้งแปรรูปซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจากภาษีทุ่มตลาด อย่างไรก็ดีทางรัฐบาลไทยกำลังเจรจาขอยกเลิกการเก็บภาษีทุ่มตลาดสำหรับกุ้งไทยซึ่งจะช่วยให้ผู้ส่งออกไทยมีความสามารถในการแข่งขันกับประเทศอื่นมากขึ้น
ปรับราคาเหมาะสมขึ้นเป็น 35.25 บาท
TUF มีการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอโดยคาดว่าจะมีอัตราผลตอบแทน 6-7% ขณะที่หุ้นปรับตัวขึ้นน้อยกว่าตลาดโดยมี PER ปี 2553 ที่ 7.1 เท่าซึ่งยังมีอัพไซด์ 26% ไปสู่ราคาเหมาะสมซึ่งปรับขึ้นเป็น 35.25 บาทจากการประเมินมูลค่าหุ้นด้วย PER ปี 2553 ที่ระดับ 9 เท่า แนะนำ ซื้อ
สุทธาทิพย์ พีรทรัพย์/Suttatip.p@kimeng.co.th
ประหยัดต้นทุน 7.5 ล้านเหรียญฯ จากการย้ายโรงงาน
อัตรากำไรจะถูกผลักดันจากต้นทุนที่ลดลงหลังจากการปิดโรงงานที่ซามัวร์และย้ายไปที่รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้เริ่มดำเนินการมาแล้วตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยจะส่งผลให้มีการประหยัดต้นทุน 7.5 ล้านเหรียญต่อปี นอกจากนั้นการรวม Empress International และ Chicken of the Sea Frozen Foods (COSFF) จะช่วยให้การบริหารมีความคล่องตัวมากขึ้นจากการดำเนินงานที่เป็นไปในแนวทางเดียวกันรวมทั้งลดค่าใช้จ่ายที่ซ้ำซ้อนด้วย
ยอดขายมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น
ยอดขายคาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นในปี 2553 จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกรวมทั้งการที่ TUF มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และขยายตลาด เช่น รัสเซีย ตะวันออกกลาง และ แอฟริกา นอกจากนั้นแม้เงินบาทจะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ผลประกอบการของ TUF ยังมีแนวโน้มแข็งแกร่งเนื่องจากมีรายได้ 90% ในรูปดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะที่ต้นทุนในรูปดอลลาร์ก็มีสัดส่วน 65% ประกอบกับยังมีการทำการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 50% ด้วย
ภาษีทุ่มตลาดปรับเพิ่มเป็น 4.71%
ภาษีทุ่มตลาด (Anti-dumping) สำหรับกุ้งแช่แข็งไทยส่งออกไปสหรัฐฯ จากการประกาศครั้งล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคม 2552 ถูกปรับขึ้นจาก 3.18% เป็น 4.71% โดยเป็นอัตราภาษีที่ใช้กับ TUF ด้วยจากเดิมที่ TUF ได้อัตรา 2.85% จากการประกาศครั้งก่อนหน้านี้ แม้ภาษีจะปรับเพิ่มขึ้นแต่เราเชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อ TUF ค่อนข้างน้อยเนื่องจากบริษัทมีสัดส่วนกุ้งแช่แข็งเพียงประมาณ 10% ขณะที่สินค้าส่วนใหญ่ (90%) เป็นกุ้งแปรรูปซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจากภาษีทุ่มตลาด อย่างไรก็ดีทางรัฐบาลไทยกำลังเจรจาขอยกเลิกการเก็บภาษีทุ่มตลาดสำหรับกุ้งไทยซึ่งจะช่วยให้ผู้ส่งออกไทยมีความสามารถในการแข่งขันกับประเทศอื่นมากขึ้น
ปรับราคาเหมาะสมขึ้นเป็น 35.25 บาท
TUF มีการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอโดยคาดว่าจะมีอัตราผลตอบแทน 6-7% ขณะที่หุ้นปรับตัวขึ้นน้อยกว่าตลาดโดยมี PER ปี 2553 ที่ 7.1 เท่าซึ่งยังมีอัพไซด์ 26% ไปสู่ราคาเหมาะสมซึ่งปรับขึ้นเป็น 35.25 บาทจากการประเมินมูลค่าหุ้นด้วย PER ปี 2553 ที่ระดับ 9 เท่า แนะนำ ซื้อ
สุทธาทิพย์ พีรทรัพย์/Suttatip.p@kimeng.co.th