“อโรคา ปรมา ลาภา” ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ ผมเคยได้ยินคำนี้มานานแล้ว พอแก่ตัวเข้าก็เห็นว่าเป็นความจริง เวลาไปอวยพรใคร หรือมีผู้มาให้พรเราก็ต้องบอกว่า ขอให้มีสุขภาพแข็งแรง
ภรรยาอาจารย์ของผมเป็นเบาหวานขนาดต้องนั่งรถเข็น มีอาการที่เท้าเดินไม่ได้ ตอนผมอยู่วิสคอนซินวันหนึ่งก็เกิดเท้าบวม เวลานั้นผมเล่นเทนนิสมาก วิสคอนซินหนาวก็เล่นอินดอร์กับคุณหมอธรรมนิตย์ อังศุสิงห์ ผมคิดว่าเท้าแพลงก็ไปขอยาทาน ปรากฏว่าตอนดึกปวดจนนอนไม่หลับเลย ต้องยกขาให้สูง ตื่นขึ้นมาก็เดินไม่ได้ ต้องนั่งแล้วเลื่อนตัวลงบันไดมา การเป็นเก๊าต์นั้นหากใครยังไม่เคยเป็นก็จะไม่รู้ มีเพื่อนคนหนึ่งบอกว่า เป็นมากๆ แม้พัดลมพัดมาก็เจ็บแล้ว เพื่อนอีกคนหนึ่งมีวิธีรักษาที่แปลกมาก คือ ไปหาหมอแผนไทยที่พิษณุโลกโดยใช้ไม้ไผ่แหลมๆ เจาะที่เท้า นัยว่าเก๊าต์มันจะได้ติดออกมา
ผมเป็นเก๊าต์อยู่นาน บางทีไปดูงานก็ปวดขึ้นมาเฉยๆ ครั้งหนึ่งไปรัฐสภานิวซีแลนด์ แต่งสูทอย่างโก้ แต่ต้องสวมรองเท้าแตะ ไปพบเจ้าหน้าที่ต้องพูดติดตลกว่า อย่าเข้าใจผิดว่านี่เป็นชุดประจำชาติของผมนะ
ผมเป็นเก๊าต์เพราะเด็กๆ แม่ทำตับให้กิน เป็นตับไก่ทากับขนมปัง เป็นอาหารหลักของผมเวลากลับจากโรงเรียนประจำ ทำให้กรดยูริกขึ้นสูง โชคดีที่ผมไม่ได้ปวดเก๊าต์มาหลายปีแล้ว กรดยูริกก็อยู่ระดับต่ำกว่าเกณฑ์ สมัยก่อน หากเท้าเกิดแพลงหรือนิ้วเจ็บ เก๊าต์ก็จะเข้าโจมตีทันที โดยรู้สึกระคายๆ ก่อน เวลานี้ผมกินสัตว์ปีกได้โดยเฉพาะเป็ดและห่าน ส่วนพวกตับไก่ เวลานี้ภรรยาผมก็ทำตับให้ทาน
ผมเพิ่งไปตรวจสุขภาพมา โชคดีที่โรคคนวัยผมมักเป็นคือ ต่อมลูกหมาก ผมไม่เป็นอะไร โรคร้ายแรงอื่นๆ ก็ไม่มี คอเลสเตอรอลก็ร้อยกว่าๆ อย่างมากก็ 160-170 ไตรกลีเซอไรด์เกินไปเล็กน้อย แต่บางทีก็ลดลง ครีเอตานีนอยู่ในระดับ 1.3 แสดงว่าไตยังไม่เสื่อมสภาพเท่าไร ความดันผมปกติ ผมมีเครื่องวัดตอนเช้าประมาณ 120-127 และตัวล่างอยู่ที่ 70-80 ตกเย็นก็สูงขึ้นมาหน่อย แต่เวลาไปหาหมอทีไร ทำไมความดันชอบขึ้นมาถึง 150-160 ก็ไม่รู้ คงเป็นเพราะตื่นเต้นจนต้องขอนางพยาบาลวัดใหม่ลดลงมาเหลือ 130 ที่ผมเป็นมากก็คือ เบาหวาน เมื่อสองปีที่แล้ว ผมกินทุกอย่าง เช่น น้ำเสาวรส น้ำโออิชิ แถมหน้าทุเรียนก็ยังแอบกินทุเรียน เพราะมีพันธุ์ใหม่ชื่อ “พวงมณี” ที่ร้านอาหารมีไอศกรีมทุเรียนเหมือนราชวงศ์สมัยผมยังเด็ก และภรรยาผมปอกส้มให้ทานวันละ 2 ลูกเป็นประจำ ปรากฏว่าน้ำตาลขึ้นไป 300 กว่า หมอบอกว่าไม่ได้ต้องลด
ผลที่น้ำตาลขึ้น คือ น้ำหนักลดลงมากจาก 69 เหลือแค่ 60 น้ำหนักตัวผมเคยถึง 72 นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมีน้ำหนัก 60 ผมชอบไปชั่งที่สปอร์ตคลับเพราะเป็นตาชั่งแบบเก่า สูงสุดก็ 61 หากแก้ผ้าหมดก็เหลือ 60-60.5 คนที่พบผมจึงคิดว่าผมไม่สบาย แต่ก็จริงเพราะผมหมดแรง หมอคุมน้ำตาลให้ยาเพิ่มเป็นกลูโคฟาตแบบ SR คือออกฤทธิ์ช้า ที่ร้านขายยาทั่วไปไม่ค่อยมีขาย ต่อมาหมอให้ฉีดอินซูลินซึ่งผมเคยได้ยินเขาพูดกันมานานแล้ว เวลานี้ไม่น่ากลัวเพราะเขาทำเป็นปากกามีเข็มอันเล็กจิ๋วนิดเดียว ผมฉีดก่อนนอน ทีแรกก็ 10 มิลลิกรัม ต่อมาหมอให้เพิ่มเป็น 14 มิลลิกรัม
ตื่นเช้ามาวันหนึ่งเพลียเหงื่อออกแยะ ต้องรีบกินทอฟฟี่และน้ำหวาน เพราะน้ำตาลลดเหลือแค่ 80 เวลานี้ผมเริ่มรู้ว่าอะไรทำให้น้ำตาลขึ้น อย่างกล้วยหอม ส้ม นี่ตัวดี มันฝรั่งที่เป็นมันทอดหรือมันบดก็ไม่ดี อะไรที่เป็นแป้งต้องงด แต่ข้าวต้มและข้าวสวยทานได้ ผมเป็นคนชอบบะหมี่ และก๋วยเตี๋ยวต้องเลิกไปเลย ดีแต่ร้านต๋องที่ขายบะหมี่อร่อยปิดกิจการไปแล้ว ที่ทานได้คือ ไก่ย่าง และส้มตำ แต่ต้องไม่ใส่น้ำตาล ผมพบว่ากระเพาะปลากินแล้วน้ำตาลไม่ขึ้น เวลานี้น้ำตาลผมอยู่ในระดับ 80-100 ใครๆ ที่เป็นเบาหวานบอกว่า 110 กำลังดี
นอกจากเบาหวานแล้ว ตาผมยังมัวอีกด้วย ไปตรวจดูหมอบอกว่าเบาหวานยังไม่ขึ้นตา แต่เป็นต้อกระจก ผมอ่านหนังสือไม่ได้มา 3-4 ปีแล้ว เวลาไปตีกอล์ฟก็ไม่เห็นธงบนกรีนทำให้กะระยะผิด โดนเพื่อนกินตังค์เป็นส่วนใหญ่ ผมไปทำต้อมาได้ 1 เดือนเต็ม เขาห้ามถูกน้ำ ออกกำลังมากๆ ไม่ได้ ต้องหยอดตาวันละ 4 ครั้งอยู่ 1 เดือน และต้องให้ภรรยาสระผมให้ และต้องไปปรับแว่นตาใหม่ด้วย
ผมเพิ่งทราบว่า เวลานี้มีการทำฟันโดยใช้เลเซอร์ด้วย มีคนทำได้คนเดียวคือ หมอชมพูนุท จิตรปฏิมา ไปเรียนเพิ่มมาได้ขั้นสูงสุดแล้ว เขาว่าไม่เจ็บเลย ผมจึงจะไปทำบ้าง
โดยสรุปว่า ปีนี้ผมกับหมอพบกันบ่อย หมอตาผมเก่งมากเวลาทำก็อธิบายตลอด และไม่รู้สึกเจ็บเลย ส่วนหมอที่ทำบอลลูนหัวใจให้ผมก็ชั้นเยี่ยมเช่นกัน ปีใหม่นี้สุขภาพผมจึงดีขึ้นมากในทุกๆ ด้าน
ภรรยาอาจารย์ของผมเป็นเบาหวานขนาดต้องนั่งรถเข็น มีอาการที่เท้าเดินไม่ได้ ตอนผมอยู่วิสคอนซินวันหนึ่งก็เกิดเท้าบวม เวลานั้นผมเล่นเทนนิสมาก วิสคอนซินหนาวก็เล่นอินดอร์กับคุณหมอธรรมนิตย์ อังศุสิงห์ ผมคิดว่าเท้าแพลงก็ไปขอยาทาน ปรากฏว่าตอนดึกปวดจนนอนไม่หลับเลย ต้องยกขาให้สูง ตื่นขึ้นมาก็เดินไม่ได้ ต้องนั่งแล้วเลื่อนตัวลงบันไดมา การเป็นเก๊าต์นั้นหากใครยังไม่เคยเป็นก็จะไม่รู้ มีเพื่อนคนหนึ่งบอกว่า เป็นมากๆ แม้พัดลมพัดมาก็เจ็บแล้ว เพื่อนอีกคนหนึ่งมีวิธีรักษาที่แปลกมาก คือ ไปหาหมอแผนไทยที่พิษณุโลกโดยใช้ไม้ไผ่แหลมๆ เจาะที่เท้า นัยว่าเก๊าต์มันจะได้ติดออกมา
ผมเป็นเก๊าต์อยู่นาน บางทีไปดูงานก็ปวดขึ้นมาเฉยๆ ครั้งหนึ่งไปรัฐสภานิวซีแลนด์ แต่งสูทอย่างโก้ แต่ต้องสวมรองเท้าแตะ ไปพบเจ้าหน้าที่ต้องพูดติดตลกว่า อย่าเข้าใจผิดว่านี่เป็นชุดประจำชาติของผมนะ
ผมเป็นเก๊าต์เพราะเด็กๆ แม่ทำตับให้กิน เป็นตับไก่ทากับขนมปัง เป็นอาหารหลักของผมเวลากลับจากโรงเรียนประจำ ทำให้กรดยูริกขึ้นสูง โชคดีที่ผมไม่ได้ปวดเก๊าต์มาหลายปีแล้ว กรดยูริกก็อยู่ระดับต่ำกว่าเกณฑ์ สมัยก่อน หากเท้าเกิดแพลงหรือนิ้วเจ็บ เก๊าต์ก็จะเข้าโจมตีทันที โดยรู้สึกระคายๆ ก่อน เวลานี้ผมกินสัตว์ปีกได้โดยเฉพาะเป็ดและห่าน ส่วนพวกตับไก่ เวลานี้ภรรยาผมก็ทำตับให้ทาน
ผมเพิ่งไปตรวจสุขภาพมา โชคดีที่โรคคนวัยผมมักเป็นคือ ต่อมลูกหมาก ผมไม่เป็นอะไร โรคร้ายแรงอื่นๆ ก็ไม่มี คอเลสเตอรอลก็ร้อยกว่าๆ อย่างมากก็ 160-170 ไตรกลีเซอไรด์เกินไปเล็กน้อย แต่บางทีก็ลดลง ครีเอตานีนอยู่ในระดับ 1.3 แสดงว่าไตยังไม่เสื่อมสภาพเท่าไร ความดันผมปกติ ผมมีเครื่องวัดตอนเช้าประมาณ 120-127 และตัวล่างอยู่ที่ 70-80 ตกเย็นก็สูงขึ้นมาหน่อย แต่เวลาไปหาหมอทีไร ทำไมความดันชอบขึ้นมาถึง 150-160 ก็ไม่รู้ คงเป็นเพราะตื่นเต้นจนต้องขอนางพยาบาลวัดใหม่ลดลงมาเหลือ 130 ที่ผมเป็นมากก็คือ เบาหวาน เมื่อสองปีที่แล้ว ผมกินทุกอย่าง เช่น น้ำเสาวรส น้ำโออิชิ แถมหน้าทุเรียนก็ยังแอบกินทุเรียน เพราะมีพันธุ์ใหม่ชื่อ “พวงมณี” ที่ร้านอาหารมีไอศกรีมทุเรียนเหมือนราชวงศ์สมัยผมยังเด็ก และภรรยาผมปอกส้มให้ทานวันละ 2 ลูกเป็นประจำ ปรากฏว่าน้ำตาลขึ้นไป 300 กว่า หมอบอกว่าไม่ได้ต้องลด
ผลที่น้ำตาลขึ้น คือ น้ำหนักลดลงมากจาก 69 เหลือแค่ 60 น้ำหนักตัวผมเคยถึง 72 นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมีน้ำหนัก 60 ผมชอบไปชั่งที่สปอร์ตคลับเพราะเป็นตาชั่งแบบเก่า สูงสุดก็ 61 หากแก้ผ้าหมดก็เหลือ 60-60.5 คนที่พบผมจึงคิดว่าผมไม่สบาย แต่ก็จริงเพราะผมหมดแรง หมอคุมน้ำตาลให้ยาเพิ่มเป็นกลูโคฟาตแบบ SR คือออกฤทธิ์ช้า ที่ร้านขายยาทั่วไปไม่ค่อยมีขาย ต่อมาหมอให้ฉีดอินซูลินซึ่งผมเคยได้ยินเขาพูดกันมานานแล้ว เวลานี้ไม่น่ากลัวเพราะเขาทำเป็นปากกามีเข็มอันเล็กจิ๋วนิดเดียว ผมฉีดก่อนนอน ทีแรกก็ 10 มิลลิกรัม ต่อมาหมอให้เพิ่มเป็น 14 มิลลิกรัม
ตื่นเช้ามาวันหนึ่งเพลียเหงื่อออกแยะ ต้องรีบกินทอฟฟี่และน้ำหวาน เพราะน้ำตาลลดเหลือแค่ 80 เวลานี้ผมเริ่มรู้ว่าอะไรทำให้น้ำตาลขึ้น อย่างกล้วยหอม ส้ม นี่ตัวดี มันฝรั่งที่เป็นมันทอดหรือมันบดก็ไม่ดี อะไรที่เป็นแป้งต้องงด แต่ข้าวต้มและข้าวสวยทานได้ ผมเป็นคนชอบบะหมี่ และก๋วยเตี๋ยวต้องเลิกไปเลย ดีแต่ร้านต๋องที่ขายบะหมี่อร่อยปิดกิจการไปแล้ว ที่ทานได้คือ ไก่ย่าง และส้มตำ แต่ต้องไม่ใส่น้ำตาล ผมพบว่ากระเพาะปลากินแล้วน้ำตาลไม่ขึ้น เวลานี้น้ำตาลผมอยู่ในระดับ 80-100 ใครๆ ที่เป็นเบาหวานบอกว่า 110 กำลังดี
นอกจากเบาหวานแล้ว ตาผมยังมัวอีกด้วย ไปตรวจดูหมอบอกว่าเบาหวานยังไม่ขึ้นตา แต่เป็นต้อกระจก ผมอ่านหนังสือไม่ได้มา 3-4 ปีแล้ว เวลาไปตีกอล์ฟก็ไม่เห็นธงบนกรีนทำให้กะระยะผิด โดนเพื่อนกินตังค์เป็นส่วนใหญ่ ผมไปทำต้อมาได้ 1 เดือนเต็ม เขาห้ามถูกน้ำ ออกกำลังมากๆ ไม่ได้ ต้องหยอดตาวันละ 4 ครั้งอยู่ 1 เดือน และต้องให้ภรรยาสระผมให้ และต้องไปปรับแว่นตาใหม่ด้วย
ผมเพิ่งทราบว่า เวลานี้มีการทำฟันโดยใช้เลเซอร์ด้วย มีคนทำได้คนเดียวคือ หมอชมพูนุท จิตรปฏิมา ไปเรียนเพิ่มมาได้ขั้นสูงสุดแล้ว เขาว่าไม่เจ็บเลย ผมจึงจะไปทำบ้าง
โดยสรุปว่า ปีนี้ผมกับหมอพบกันบ่อย หมอตาผมเก่งมากเวลาทำก็อธิบายตลอด และไม่รู้สึกเจ็บเลย ส่วนหมอที่ทำบอลลูนหัวใจให้ผมก็ชั้นเยี่ยมเช่นกัน ปีใหม่นี้สุขภาพผมจึงดีขึ้นมากในทุกๆ ด้าน