ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – ด่านศุลกากรบ้านประกอบแห่งใหม่ใน อ.นาทวี จ.สงขลา ได้ฤกษ์ทำพิธีเปิดร่วมกับด่านศุลกากรบ้านดุเรียนบุหรง ประเทศมาเลเซียวันที่ 10 ม.ค.นี้ หลังจากที่การเมืองและระบบราชการไทยทำให้ความคืบหน้าล่าช้าและเจอโรคเลื่อนมาหลายครั้ง โดยได้รับงบประมาณในการก่อสร้างและผู้รับเหมาแล้วในวงเงินประมาณ 400 ล้านบาท รองรับการเติบโตและการขยายตัวทางการค้า-ท่องเที่ยวในอนาคต และใช้ประโยชน์ครบวงจรทั้งอำนวยความสะดวกในการตรวจสอบการเข้า-ออก การท่องเที่ยว และตลาดกลางสินค้าเกษตร ซึ่งใช้งบในการพัฒนาระยะยาวทั้งหมดประมาณ 1,000 ล้านบาท
นับจากที่มีการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือไทย-มาเลเซีย ครั้งที่ 8 เมื่อวันที่ 5-6 สิงหาคม 2542 และมีการเสนอเปิดจุดผ่านแดนแห่งใหม่บ้านประกอบ อ.นาทวี จ.สงขลา และบ้านดุเรียนบุหรง รัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย ต่อมาได้บรรจุโครงการนี้ในแผนพัฒนาพื้นที่พิเศษเฉพาะกิจชายแดนภาคใต้, ยุทธศาสตร์ความร่วมมือ IMT-GT, JC และRBC แต่ปัญหาการเมืองภายในประเทศและอุปสรรคต่างๆ จะทำให้ความคืบหน้าของฝ่ายไทยมีความล่าช้าเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดหลังจากที่รัฐบาลเร่งรัดและให้งบประมาณดำเนินการ นายวิญญู ทองสกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า โครงการก่อสร้างด่านศุลการบ้านประกอบ-ดุเรียนบุหรง อ.นาทวี จ.สงขลา ใช้งบประมาณ 1,000 ล้านบาท ระยะดำเนินการ 10 ปี ซึ่งภายหลังจากที่ฝ่ายไทยได้เตรียมความพร้อมมาระยะหนึ่งแล้ว ทั้ง 2 ประเทศได้มีการตกลงกันว่ามีจะเปิดจุดผ่านแดนในวันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม 2553 ระหว่างเวลา 07.00-17.00 น. เวลาไทย หรือเวลา 08.00-18.00 น. ของมาเลเซีย ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาและต้นทุนในการขนส่ง เนื่องจากปัจจุบันด่านศุลกากรสะเดามีระยะทางห่างจากโครงการฯ ประมาณ 110 กิโลเมตร
การเปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านประกอบ-ดุเรียนบุหรงแห่งนี้ จะเปิดบริการให้ประชาชนทั้งสองประเทศ คือ ประเทศไทยและประเทศมาเลเซีย ได้ซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้า เป็นการพัฒนาและส่งเสริมการค้าชายแดนให้เข้าสู่ระบบการขยายสินค้าส่งออกผ่านไปยังประเทศที่ 3 เพื่อแสดงถึงศักยภาพในการติดต่อประสานงานระหว่างประเทศที่จะต้องได้รับการพัฒนาให้ทัดเทียมกับนานาประเทศ
ทั้งนี้ การเปิดด่านศุลกากรบ้านประกอบ นอกจากมีรายได้จากนักท่องเที่ยวแล้ว จะเป็นโอกาสดีของส่วนแรงงานไทย ที่จะได้เดินทางไปทำงานที่นิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของมาเลเซีย โดยขณะนี้มีการเตรียมความพร้อมเรื่องสถานที่ท่องเที่ยว ร้านค้าสินค้าชุมชน และประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียที่จะเดินทางข้ามมายังฝั่งไทย จุดผ่านแดนถาวรบ้านประกอบฯ และยังเป็นการเชื่อมสัมพันธไมตรีอันดีระหว่างท้องถิ่นของประเทศไทยและประเทศมาเลเซียได้เป็นอย่างดี
สำหรับแนวทางการพัฒนาพื้นที่จะมีการกำหนดเป็น 3 โซน เพื่อแบ่งรูปแบบในการพัฒนาให้ชัดเจน และเป็นระบบยิ่งขึ้น โซนที่ 1 คือ สถานที่ตั้งของด่านบ้านประกอบ โซนที่ 2 โซนแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ระหว่างพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ โดยเฉพาะบ่อน้ำร้อนบ้านโครง น้ำตกโตนสูง อุทยานประวัติศาสตร์เขาน้ำค้าง เป็นต้น และโซนที่ 3 เป็นโซนตลาดกลางสินค้าเกษตรครบวงจรเพื่อรองรับสินค้าเกษตรที่จะมีการขนส่งข้ามแดน และทันทีที่มีการเปิดด่านฝ่ายไทยจะได้ประโยชน์อย่างมหาศาล โดยเฉพาะในระดับพื้นที่ ซึ่งจะต้องเร่งกำหนดเป็นแผนยุทธศาสตร์รองรับการเป็นเขตพื้นที่เศรษฐกิจชายแดนไว้เพื่อรองรับการพัฒนาที่จะตามมาในอนาคต
ทั้งนี้ จากข้อมูลของกรมศุลกากรซึ่งเป็นผู้ควบคุมโครงการระบุว่า มีพื้นที่ก่อสร้าง 249 ไร่ แบ่งการดำเนินการเป็น 2 ระยะ โดยระยะที่ 1 ซึ่งเป็นแผนระยะสั้น พัฒนาพื้นที่ 79 ไร่ 2 งาน 94 ตารางวา ทั้งก่อสร้างอาคารอำนวยการ, อาคารพรมแดน, สำนักงานศุลกากร, อาคารปฏิบัติการตรวจสินค้า, อาคารโรงอาหาร, คลังสินค้า, บ้านพักเจ้าหน้าที่ และแยกเส้นทางนักท่องเที่ยวและรถบรรทุกสินค้าออกจากกัน ความคืบหน้าของโครงการระยะนี้มีการสร้างที่ทำการชั่วคราวโดยใช้ตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งได้รับงบประมาณจากกรมศุลกากร และ ศอ.บต.ทั้งสิ้นจำนวน 6 ตู้ ขณะเดียวกันได้มีการประกวดราคาเพื่อหาผู้ดำเนินงานก่อสร้างเรียบร้อยแล้ว โดยบริษัท เอ.เอส.เอ การช่าง จำกัด เป็นผู้ชนะการประกวดราคาในวงเงิน 399 ล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี (ปีงบประมาณ 2552-2554)
ส่วนระยะที่ 2 เน้นพัฒนาศักยภาพ และเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อก้าวสู่ด่านพรมแดนแห่งที่ 3 เต็มรูปแบบ และวางแผนขยายพื้นที่ให้สามารถรองรับปริมาณการค้าและการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มสูงขึ้นทุกๆ ปี โดยเห็นควรขอพื้นที่จากกรมป่าไม้เพิ่มอีก 169 ไร่ 3 งาน 66 ตารางวา ขณะนี้อยู่ระหว่างรออนุมัติจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้กรมศุลกากรใช้พื้นที่