ASTVผู้จัดการรายวัน- โกลเบล็ก มองราคาทองคำไตรมาส1/53 ยังไปได้สวย อานิสงส์ High Season ของ Jewelry Demand และเทศกาลตรุษจีน ระบุทองคำมีลุ้นแตะระดับสูงสุดปีหน้า 1,250 - 1,300 เหรียญสหรัฐฯต่อออนซ์ หรือ 19,500-20,500 บาท/บาททอง แนะทองเริ่มปรับตัวลดลง ให้หาจังหวะ"ทยอยซื้อ" เพื่อลงทุนระยะยาว
นายภาคภูมิ ภาคย์วิศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GBX เปิดเผยว่า สำหรับแนวโน้มราคาทองคำโลกปี 53 ยังมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงไตรมาสแรก ที่ได้แรงหนุนต่อจากปัจจัยทางด้านฤดูกาลที่เป็นช่วง High Season ของ Jewelry Demand และเทศกาลตรุษจีน ซึ่งจีนถือเป็นประเทศที่บริโภคทองรูปพรรณรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ประมาณปีละ 400 ตัน รองจากอินเดียที่บริโภคประมาณปีละ 800 ตัน
โดยทางโกลเบล็กมองจุดสูงสุดของราคาทองคำทั้งปี 53 ไว้ที่ 1,250 - 1,300 เหรียญสหรัฐฯต่อออนซ์ หรือ 19,500-20,500 บาท/บาททอง ซึ่งคาดว่าจะได้เห็นช่วงครึ่งปีแรก หลังจากนั้นราคาทองคำอาจจะร่วงลงแรงจากการคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินสหรัฐฯจากผ่อนคลายเป็นเข้มงวด โดยคาดการณ์จุดต่ำสุดของราคาทองคำไว้ที่ 1,000-1,050 เหรียญสหรัฐฯต่อออนซ์ หรือ 15,500-16,500 บาท/บาททอง
อย่างไรก็ตาม สำหรับกลยุทธ์การลงทุนช่วงครึ่งแรกปี 53 นั้น ยังคงแนะนำให้นักลงทุน ซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น หรือ 20 - 30% ของพอร์ตการลงทุน ขณะเดียวกันให้ติดตามการเคลื่อนไหวของตัวเลขเศรษฐกิจโลก รวมถึงค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับสถานะการลงทุน
ทั้งนี้ หากดอลล่าร์สหรัฐฯกลับมาแข็งค่าจนเปลี่ยนแนวโน้มเป็นขาขึ้น โอกาศที่ราคาทองคำโลกร่วงลงก็มีความเป็นไปได้สูง ดังนั้นช่วงจังหวะดังกล่าวจึงแนะให้ "ซื้อ" และปรับกลยุทธ์จากการเก็งกำไรระยะสั้น มาเป็นการซื้อ เพื่อลงทุนระยะยาว ในลักษณะ "Dollar Cost Averaging "หรือการลงทุนแบบ "ทยอยซื้อ"
นายภาคภูมิ ภาคย์วิศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GBX เปิดเผยว่า สำหรับแนวโน้มราคาทองคำโลกปี 53 ยังมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงไตรมาสแรก ที่ได้แรงหนุนต่อจากปัจจัยทางด้านฤดูกาลที่เป็นช่วง High Season ของ Jewelry Demand และเทศกาลตรุษจีน ซึ่งจีนถือเป็นประเทศที่บริโภคทองรูปพรรณรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ประมาณปีละ 400 ตัน รองจากอินเดียที่บริโภคประมาณปีละ 800 ตัน
โดยทางโกลเบล็กมองจุดสูงสุดของราคาทองคำทั้งปี 53 ไว้ที่ 1,250 - 1,300 เหรียญสหรัฐฯต่อออนซ์ หรือ 19,500-20,500 บาท/บาททอง ซึ่งคาดว่าจะได้เห็นช่วงครึ่งปีแรก หลังจากนั้นราคาทองคำอาจจะร่วงลงแรงจากการคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินสหรัฐฯจากผ่อนคลายเป็นเข้มงวด โดยคาดการณ์จุดต่ำสุดของราคาทองคำไว้ที่ 1,000-1,050 เหรียญสหรัฐฯต่อออนซ์ หรือ 15,500-16,500 บาท/บาททอง
อย่างไรก็ตาม สำหรับกลยุทธ์การลงทุนช่วงครึ่งแรกปี 53 นั้น ยังคงแนะนำให้นักลงทุน ซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น หรือ 20 - 30% ของพอร์ตการลงทุน ขณะเดียวกันให้ติดตามการเคลื่อนไหวของตัวเลขเศรษฐกิจโลก รวมถึงค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับสถานะการลงทุน
ทั้งนี้ หากดอลล่าร์สหรัฐฯกลับมาแข็งค่าจนเปลี่ยนแนวโน้มเป็นขาขึ้น โอกาศที่ราคาทองคำโลกร่วงลงก็มีความเป็นไปได้สูง ดังนั้นช่วงจังหวะดังกล่าวจึงแนะให้ "ซื้อ" และปรับกลยุทธ์จากการเก็งกำไรระยะสั้น มาเป็นการซื้อ เพื่อลงทุนระยะยาว ในลักษณะ "Dollar Cost Averaging "หรือการลงทุนแบบ "ทยอยซื้อ"