xs
xsm
sm
md
lg

คาดตรุษจีนทองทะลุ 2 หมื่น “โกลเบล็ก” ชี้ Q1/53 ยังไปได้สวย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“โกลเบล็ก” คาดตรุษจีนหนุนราคาทองทะลุ 2 หมื่นบาท ชี้แนวโน้ม Q1/53 ยังไปได้สวย แนะหาจังหวะทยอยซื้อเพื่อลงทุนระยะยาว หากราคาทองเริ่มปรับตัวลดลง


นายภาคภูมิ ภาคย์วิศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GBX เปิดเผยว่า สำหรับแนวโน้มราคาทองคำโลกในปี 2553 ยังมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงไตรมาส 1/2553 ที่ได้แรงหนุนต่อจากปัจจัยทางด้านฤดูกาลที่เป็นช่วง High Season ของ Jewelry Demand และเทศกาลตรุษจีน ซึ่งจีนถือเป็นประเทศที่บริโภคทองรูปพรรณรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ประมาณปีละ 400 ตัน รองจากอินเดียที่บริโภคประมาณปีละ 800 ตัน

โดยทางโกลเบล็กมองจุดสูงสุดของราคาทองคำทั้งปี 2553 ไว้ที่ 1,250-1,300 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ หรือประมาณ 19,500-20,500 บาทต่อบาททอง ซึ่งคาดว่าจะได้เห็นในช่วงครึ่งปีแรก และหลังจากนั้นราคาทองคำอาจจะร่วงลงแรงจากการคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินสหรัฐฯ จากผ่อนคลายเป็นเข้มงวด โดยคาดการณ์จุดต่ำสุดของราคาทองคำไว้ที่ 1,000-1,050 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ หรือประมาณ 15,500-16,500 บาทต่อบาททอง

อย่างไรก็ตาม สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2553นั้น ยังคงแนะนำให้นักลงทุน ซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น หรือประมาณ 20 - 30% ของพอร์ตการลงทุน ขณะเดียวกันให้ติดตามการเคลื่อนไหวของตัวเลขเศรษฐกิจโลก รวมถึงค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับสถานะการลงทุน

ทั้งนี้ หากเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐกลับมาแข็งค่าจนเปลี่ยนแนวโน้มเป็นขาขึ้น โอกาสที่ราคาทองคำโลกร่วงลงก็มีความเป็นไปได้สูง ดังนั้น ในช่วงจังหวะดังกล่าวจึงแนะให้การซื้อ และปรับกลยุทธ์จากการเก็งกำไรระยะสั้น มาเป็นการซื้อ เพื่อลงทุนระยะยาว ในลักษณะ “Dollar Cost Averaging” หรือการลงทุนแบบทยอยซื้อ

“โพลคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับต่ำที่ 0-0.25% ต่อไปจนถึงปลายปี 2553 และสัญญาณการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงไตรมาส 3/2553 เป็นต้นไป นอกจากนี้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐยังถูกกดดันจากการปรับเปลี่ยนทุนสำรองจากเงินดอลลาร์สหรัฐ เป็นทองคำของธนาคารกลางในแถบเอเชียและประเทศที่กำลังพัฒนาอีกด้วย การฟื้นตัวของค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ ที่เกิดขึ้นในปลายปี 2552 จึงเป็นเพียงปรากฎการณ์ชั่วคราว ดังนั้นทำให้มองว่าเสน่ห์ของการลงทุนในทองคำเพื่อการออม การลงทุน และการเก็งกำไรยังไม่หายไป”

นายภาคภูมิยังได้กล่าวถึงการลงทุนในทองคำแท่งช่วงปี2552 โดยระบุว่า ราคาได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงกว่า 30% ภายในปีเดียว โดยไปทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ไว้ที่ 1,126.37 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ หรือประมาณ 19,200 บาทต่อบาททอง ซึ่งทำให้เกิดกระแสที่เรียกว่า “ตื่นทอง” ขึ้นในประเทศไทยตามมา โดยเฉพาะในช่วงปลายปีที่ SET Index ย่ำอยู่กับที่เพราะถูกกดดันจากปัญหาการเมืองและกรณีมาบตาพุด ส่งผลให้นักลงทุนหันมาสนใจลงทุนในทองคำแท่ง และ Gold Futures เพิ่มขึ้น โดยจะเห็นได้จากปริมาณการซื้อขาย Gold Futures ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีการซื้อขายเฉลี่ยวันละ 5,000 สัญญาต่อวัน จากเดิมมีการซื้อขายเฉลี่ยประมาณ 500 สัญญาต่อวัน
กำลังโหลดความคิดเห็น