นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการมอบนโยบายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องแนวทางการให้ความ รู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับพ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 ว่า ขณะนี้คณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร มีความเป็นห่วงเรื่องการถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคล และข้อมูลราชการภายในประเทศไทยไปยังต่างประเทศ เช่น เบอร์โทรศัพท์มือถือ อินเตอร์เน็ต ข้อมูลด้านสุขภาพจากโรงพยาบาลต่างๆ ที่มีต่างชาติถือหุ้น
เมื่อถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตว่า การถ่ายโอนข้อมูลเหล่านี้ไปบริษัทแม่ในต่างประเทศ ถือเป็นข้อมูลที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงในประเทศหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายมาดูแลส่วนนี้ จึงมีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมา เพื่อศึกษาเรื่องมาตรการคุ้มครองข้อมูลที่มีการถ่ายโอนไปต่างประเทศ ซึ่งเราเป็นห่วงข้อมูลเรื่องนี้ โดยเฉพาะข้อมูลด้านสุขภาพ ยารักษาโรคส่วนบุคคล ถ้าข้อมูลเหล่านี้หลุดไปถึงบริษัทยาต่างประเทศ แล้วนำมาหาผลประโยชน์ถึงตัว เพื่อขายยาจะมีความเหมาะสมหรือไม่ ถ้าต่างชาติรู้ว่าประเทศไทยมีปัญหาด้านใดอยู่ ก็จะเป็นปัญหา ขณะนี้กำลังพิจารณามาตรการแก้ปัญหาเรื่องนี้อยู่
นายสาทิตย์ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการนำเอกสารลับของกระทรวงต่างประเทศไปเปิดเผย ซึ่งมีความผิดตามกฎหมายอาญา ข้อหานำข้อมูลความลับที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติไปเปิดเผยต่อต่างประเทศ ว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดควรไปกำชับระเบียบปฏิบัติเรื่องเอกสารลับต่างๆ โดยเฉพาะช่องทางการส่งเอกสารลับที่เกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศให้มีความ เข้มงวด ไม่ให้หลุดไปถึงต่างชาตินำไปใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งกรณีเอกสารลับนี้ ต้องขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของคนนำไปใช้ด้วย หากนำไปใช้แค่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็แค่เรื่องหนึ่ง แต่ถ้านำไปให้ต่างชาติใช้ ก็ต้องถามสำนึกความเป็นคนไทยมีมากน้อยเพียงใด ในต่างประเทศถือว่าเป็นการขายชาติ ซึ่งกรณีนี้ก็เช่นเดียวกัน
เมื่อถามว่า ได้ประเมินถึงความเสียหายของการที่เอกสารลับดังกล่าวรั่วไหลออกไปหรือยัง นาย สาทิตย์ ตอบว่า ท่าทีของต่างประเทศที่ได้ข้อมูลนี้ไปแล้วแสดงออกมา ก็ถือเป็นผลกระทบขั้นแรกแล้ว ยิ่งถ้าความสัมพันธ์ตึงเครียดขึ้นมาจากการใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่คนไทยนำไปให้ ก็เป็นเรื่องยากที่จะประเมินความเสียหายได้
เมื่อถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตว่า การถ่ายโอนข้อมูลเหล่านี้ไปบริษัทแม่ในต่างประเทศ ถือเป็นข้อมูลที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงในประเทศหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายมาดูแลส่วนนี้ จึงมีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมา เพื่อศึกษาเรื่องมาตรการคุ้มครองข้อมูลที่มีการถ่ายโอนไปต่างประเทศ ซึ่งเราเป็นห่วงข้อมูลเรื่องนี้ โดยเฉพาะข้อมูลด้านสุขภาพ ยารักษาโรคส่วนบุคคล ถ้าข้อมูลเหล่านี้หลุดไปถึงบริษัทยาต่างประเทศ แล้วนำมาหาผลประโยชน์ถึงตัว เพื่อขายยาจะมีความเหมาะสมหรือไม่ ถ้าต่างชาติรู้ว่าประเทศไทยมีปัญหาด้านใดอยู่ ก็จะเป็นปัญหา ขณะนี้กำลังพิจารณามาตรการแก้ปัญหาเรื่องนี้อยู่
นายสาทิตย์ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการนำเอกสารลับของกระทรวงต่างประเทศไปเปิดเผย ซึ่งมีความผิดตามกฎหมายอาญา ข้อหานำข้อมูลความลับที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติไปเปิดเผยต่อต่างประเทศ ว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดควรไปกำชับระเบียบปฏิบัติเรื่องเอกสารลับต่างๆ โดยเฉพาะช่องทางการส่งเอกสารลับที่เกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศให้มีความ เข้มงวด ไม่ให้หลุดไปถึงต่างชาตินำไปใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งกรณีเอกสารลับนี้ ต้องขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของคนนำไปใช้ด้วย หากนำไปใช้แค่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็แค่เรื่องหนึ่ง แต่ถ้านำไปให้ต่างชาติใช้ ก็ต้องถามสำนึกความเป็นคนไทยมีมากน้อยเพียงใด ในต่างประเทศถือว่าเป็นการขายชาติ ซึ่งกรณีนี้ก็เช่นเดียวกัน
เมื่อถามว่า ได้ประเมินถึงความเสียหายของการที่เอกสารลับดังกล่าวรั่วไหลออกไปหรือยัง นาย สาทิตย์ ตอบว่า ท่าทีของต่างประเทศที่ได้ข้อมูลนี้ไปแล้วแสดงออกมา ก็ถือเป็นผลกระทบขั้นแรกแล้ว ยิ่งถ้าความสัมพันธ์ตึงเครียดขึ้นมาจากการใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่คนไทยนำไปให้ ก็เป็นเรื่องยากที่จะประเมินความเสียหายได้