xs
xsm
sm
md
lg

คนแห่ซื้อบ้านแทนรถ พฤกษาเชื่อหนุนอสังหาฯปี53โต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - “พฤกษา” ชี้มาร์เก็ตแชร์ตลาดอสังหาฯยังเป็นของรายใหญ่ ยันสิ้นปียอดขายเกิน 23,000 ล้านบาท ทำลายสถิติอุตสาหกรรม ส่วนยอดโอนต้องลุ้นสิ้นปี เชื่อปี 53 ตลาดโต 5-10% เหตุรัฐกระตุ้น -คนโยกเงินฝากซื้ออสังหาฯ -คนนิยมซื้อบ้านก่อนซื้อรถยนต์

นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2553 คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตประมาณ 5-10% จากปีนี้ ในขณะที่ตลาดในปีนี้ตลาดไม่มีการเติบโต แต่ทรงตัวตัวเนื่องมาตั้งแต่ปี 2551 อย่างไรก็ตามแม้ว่าตลาดจะไม่เติบโต ในทางกลับกันอาจติดลบเล็กน้อย แต่หากพิจารณาจากรายได้ของผู้ประกอบการรายใหญ่ๆ กลับมีการเติบโตมากขึ้น แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการรายใหญ่แย่งส่วนแบ่งตลาดจากรายกลางและรายเล็กมา

“ดูจากยอดขายปีนี้ของผู้ประกอบการรายใหญ่เติบโตขึ้นมาก โดยเฉพาะ 3 รายแรก พฤกษาปีนี้น่าจะปิดยอดขายที่ไม่ต่ำกว่า 23,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน ทำลายสติถิสูงสุดของอุตสาหกรรมไปแล้ว ส่วนยอดโอนนั้นก็ต้องลุ้นกันตัวโกร่งว่าจะทำลายสถิติหรือไม่อาจได้เห็นต้องวัดกันที่รูปถ่ายก็ว่าได้ ส่วนแสนสิริและแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ น่าจะอยู่ที่ประมาณ 17,000-18,000 ล้านบาท ซึ่งในปีหน้าก็เชื่อว่าภาพจะยังเป็นแบบนี้อยู่” นายประเสริฐกล่าว

สำหรับปัจจัยที่จะทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีการเติบโตในปี 53 นอกเหนือจากการกระตุ้นภาครัฐผ่านโครงการต่างๆ อาทิ โครงการล่าสุดสินเชื่อเพื่อผู้ประกันตนวงเงิน 1 หมื่นล้านบาท ที่จะออกมาในต้นปี 53 นอกจากนี้การที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากในตลาดเงินยังเป็นปัจจัยบวกให้กลุ่มคนที่มีเงินฝากหรือเงินเย็น จำนวนไม่น้อยหันมาซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนแทน โดยพิจารณาได้จากการโอนโครงการไอวีริเวอร์ของบริษัทเมื่อเร็วๆนี้พบว่า ลูกค้าจ่ายเงินสดสูงถึง 40-45% ของจำนวนลูกค้าที่โอนทั้งหมด

ส่วนอีกหนึ่งปัจจัยบวกสำคัญที่เป็นผลมาจากการเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภครุนใหม่ในปัจจุบัน ที่หันมาซื้อบ้านก่อนซื้อรถ โดยพบว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์แย่งส่วนแบ่งตลาดจากตลาดรถยนต์เพิ่มขึ้น 10-20% เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่เห็นว่า การมีที่อยู่อาศัยในเมืองสะดวกในการเดินทาง แทนที่จะอยู่บ้านกับพ่อแม่หรือครอบครัวย่านชาญเมือง นอกจากนี้การซื้อบ้านมีแต่มูลค่าเพิ่มไม่เป็นการเพิ่มภาระมากนักเมื่อเทียบกับการซื้อรถที่ต้องมีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา โดยค่าน้ำมันที่สูงมาก

ทั้งนี้ เชื่อว่าแนวโน้มกลุ่มลูกค้าที่จะซื้อรถหันมาซื้อบ้านแทนจะมีต่อไปอีกอย่างน้อย 3 ปี หรือจนกว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคจะเปลี่ยน อีกทั้งเส้นทางรถไฟฟ้าที่กระจุกตัวเฉพาะในเมือง ประกอบการรถติด ยิ่งทำให้คนหันมาซื้อบ้านแทนรถมากยิ่งขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น