ASTVผู้จัดการรายวัน-บิ๊กอสังหาฯในตลาดหุ้นปั๊มโครงการรองรับยอดขายในปี 53 ส่งผลให้เฉพาะในเดือนพ.ย.52 จำนวนหน่วยขายมากที่สุดในรอบ 11 เดือนของปีนี้ จำนวน 9,446 หน่วย จากทั้งหมด 22 โครงการ คอนโดฯยังครองแชมป์มีจำนวนมากถึง 7,784 หน่วย บ้านเดี่ยวแค่ 1,099 หน่วย ระดับราคาที่พัฒนา1-3 ล้านบาท มากถึง 7,164 หน่วย
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด (AREA) กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาฯเฉพาะในเดือนพ.ย.52 ว่า มีจำนวนหน่วยขายรวมทั้งสิ้น 9,446 หน่วย ซึ่งมากที่สุดในรอบ 11 เดือนของปีนี้ และมีมูลค่าการพัฒนาโครงการรวม 21,904 ล้านบาท จากทั้งหมด 22 โครงการ และที่มีมากที่สุด ก็คือ อาคารชุด มีจำนวนมากถึง 7,784 หน่วย (82.4%) ซึ่งที่ตั้งของโครงการที่เปิดขายส่วนใหญ่จะตั้งอยู่บริเวณเขตเมืองชั้นใน และชั้นกลาง ที่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า หรือตามแนวรถไฟฟ้า รองลงมาคือ บ้านเดี่ยวมีจำนวน 1,099 หน่วย (11.6%) ส่วนอันดับ 3 คือทาวน์เฮาส์ มีจำนวน 505 หน่วย (5.3%) ของจำนวนหน่วยขายที่เปิดขายใหม่ทั้งหมด
มูลค่ารวมของการพัฒนาโครงการอสังหาฯที่เกิดใหม่ในเดือนพ.ย.52 มีจำนวนทั้งสิ้น 23,549 ล้านบาท ซึ่งในเดือนนี้ลักษณะการพัฒนาจะเน้นพัฒนาในกลุ่มที่อยู่อาศัยระดับราคาปานกลางเป็นสำคัญ คือที่ระดับราคา 1-2 ล้านบาท มีจำนวน 5,981 หน่วย (63.3%) และที่ระดับราคา 2-3 ล้านบาท มีจำนวน 1,183 หน่วย (12.5%) ของจำนวนหน่วยที่เปิดขายทั้งหมด และถ้าหากพิจารณาหน่วยขายของทั้ง 2 กลุ่มนี้รวมกันมีจำนวนมากถึง 7,164 หน่วย (75.8%) หรือประมาณ 3 ใน 4 ของจำนวนที่เปิดขายทั้งหมดในเดือน
หากพิจารณาระดับราคาขายจะพบว่าในเดือนนี้ มีการเปิดขายที่ระดับราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท จำนวนรวม 7,635 หน่วย (80.8%) มีมูลค่าโครงการรวม 11,788 ล้านบาท (53.8%) ที่ระดับราคา 3.5 ล้านบาท จำนวน 670 หน่วย (7.1%) มีมูลค่าโครงการ 2,781 ล้านบาท (12.7%) ส่วนที่มีระดับราคาเกิน 5 ล้านบาทขึ้นไปมีจำนวน 1,141 หน่วย (6.3%) มีมูลค่าโครงการ 7,335 ล้านบาท (33.5%) หรือประมาณ 1 ใน 3 ของมูลค่าอสังหาฯที่เปิดขายใหม่ทั้งหมดในเดือนนี้
โดยโครงการใหม่ที่เปิดในเดือนพ.ย.ส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ที่เป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ในขณะนี้
สำหรับที่ตั้งของโครงการจะอยู่ในเขตกทม.ชั้นในจำนวน 5 โครงการ และตั้งอยู่ในเขตเมืองชั้นกลางและส่วนต่อขยายของเมืองจำนวน 17 โครงการ
ดร.โสภณ กล่าวคาดว่าในปี 2553 โดยเฉพาะช่วงต้นปีก็ยังจะมีการขยายตัวของโครงการต่าง ๆ พอสมควร เนื่องจากเป็นฤดูการเปิดตัวโครงการ ซึ่งคาบเกี่ยวระหว่างช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ และไตรมาสที่ 1 ของปีหน้า วิกฤตโลกอาจไม่มีผลกระทบต่อการพัฒนาโครงการอสังหาฯของไทยมากนัก เนื่องจากมีการปรับตัวที่ดีมาแต่แรก และเป็นการพัฒนาที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่เป็นหลัก.
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด (AREA) กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาฯเฉพาะในเดือนพ.ย.52 ว่า มีจำนวนหน่วยขายรวมทั้งสิ้น 9,446 หน่วย ซึ่งมากที่สุดในรอบ 11 เดือนของปีนี้ และมีมูลค่าการพัฒนาโครงการรวม 21,904 ล้านบาท จากทั้งหมด 22 โครงการ และที่มีมากที่สุด ก็คือ อาคารชุด มีจำนวนมากถึง 7,784 หน่วย (82.4%) ซึ่งที่ตั้งของโครงการที่เปิดขายส่วนใหญ่จะตั้งอยู่บริเวณเขตเมืองชั้นใน และชั้นกลาง ที่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า หรือตามแนวรถไฟฟ้า รองลงมาคือ บ้านเดี่ยวมีจำนวน 1,099 หน่วย (11.6%) ส่วนอันดับ 3 คือทาวน์เฮาส์ มีจำนวน 505 หน่วย (5.3%) ของจำนวนหน่วยขายที่เปิดขายใหม่ทั้งหมด
มูลค่ารวมของการพัฒนาโครงการอสังหาฯที่เกิดใหม่ในเดือนพ.ย.52 มีจำนวนทั้งสิ้น 23,549 ล้านบาท ซึ่งในเดือนนี้ลักษณะการพัฒนาจะเน้นพัฒนาในกลุ่มที่อยู่อาศัยระดับราคาปานกลางเป็นสำคัญ คือที่ระดับราคา 1-2 ล้านบาท มีจำนวน 5,981 หน่วย (63.3%) และที่ระดับราคา 2-3 ล้านบาท มีจำนวน 1,183 หน่วย (12.5%) ของจำนวนหน่วยที่เปิดขายทั้งหมด และถ้าหากพิจารณาหน่วยขายของทั้ง 2 กลุ่มนี้รวมกันมีจำนวนมากถึง 7,164 หน่วย (75.8%) หรือประมาณ 3 ใน 4 ของจำนวนที่เปิดขายทั้งหมดในเดือน
หากพิจารณาระดับราคาขายจะพบว่าในเดือนนี้ มีการเปิดขายที่ระดับราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท จำนวนรวม 7,635 หน่วย (80.8%) มีมูลค่าโครงการรวม 11,788 ล้านบาท (53.8%) ที่ระดับราคา 3.5 ล้านบาท จำนวน 670 หน่วย (7.1%) มีมูลค่าโครงการ 2,781 ล้านบาท (12.7%) ส่วนที่มีระดับราคาเกิน 5 ล้านบาทขึ้นไปมีจำนวน 1,141 หน่วย (6.3%) มีมูลค่าโครงการ 7,335 ล้านบาท (33.5%) หรือประมาณ 1 ใน 3 ของมูลค่าอสังหาฯที่เปิดขายใหม่ทั้งหมดในเดือนนี้
โดยโครงการใหม่ที่เปิดในเดือนพ.ย.ส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ที่เป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ในขณะนี้
สำหรับที่ตั้งของโครงการจะอยู่ในเขตกทม.ชั้นในจำนวน 5 โครงการ และตั้งอยู่ในเขตเมืองชั้นกลางและส่วนต่อขยายของเมืองจำนวน 17 โครงการ
ดร.โสภณ กล่าวคาดว่าในปี 2553 โดยเฉพาะช่วงต้นปีก็ยังจะมีการขยายตัวของโครงการต่าง ๆ พอสมควร เนื่องจากเป็นฤดูการเปิดตัวโครงการ ซึ่งคาบเกี่ยวระหว่างช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ และไตรมาสที่ 1 ของปีหน้า วิกฤตโลกอาจไม่มีผลกระทบต่อการพัฒนาโครงการอสังหาฯของไทยมากนัก เนื่องจากมีการปรับตัวที่ดีมาแต่แรก และเป็นการพัฒนาที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่เป็นหลัก.