ช่วงนี้ หลายคนคงจะนับถอยหลังถึงช่วงเวลาแห่งความสุขที่กำลังจะมาถึงในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่า 2552 และต้อนรับปีใหม่ 2553 แต่สำหรับประเทศไทยแล้ว ดูเหมือนว่า เหตุการณ์ร้อนๆ ทางการเมืองที่เคยเกิดขึ้นในช่วงปี 2552 น่าจะยังคงตามมาหลอกหลอนต่อในปีหน้าอย่างมิอาจที่จะหลีกเลี่ยงได้
ดังนั้น เพื่อไขข้อข้องใจและเป็นการเตรียมการรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ได้สัมภาษณ์ 2 โหรชื่อดังแห่งยุคอย่าง “บุญเลิศ ไพรินทร์” อดีตสมาชิกวุฒิสภา จ.ฉะเชิงเทรา และ ภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ เพื่อพยากรณ์ว่า ในปี 2553นั้น ประเทศไทยเราจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง ทั้งการเมือง เศรษฐกิจและสังคม
และคำพยากรณ์ที่ออกมานั้น เชื่อว่า น่าจะสร้างความอกสั่นขวัญแขวนให้กับใครหลายคนทีเดียว เพราะทั้ง 2 โหรฟันธงกันอย่างชัดๆ ว่า งานนี้ ไม่รัฐประหาร” ก็ “ยุบสภา”
“บุญเลิศ ไพรินทร์” 2553 ปีแห่งความรุนแรง
โหรบุญเลิศเริ่มต้นด้วยคำพยากรณ์ว่า ในช่วงต้นปี 53 สถานการณ์ทางการเมืองจะสงบและไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น แต่ความสงบจะอยู่ได้ไม่นานนักเพราะหลังจากวันที่ 25 เม.ย.53 เป็นต้นไป ดาวที่ให้คุณสูงสุดในสุริยะจักรวาลเคลื่อนเข้าสู่ราศีมีน ซึ่งเป็นราศีวินาศกับดวงเมืองและดวงโลก กล่าวคือลักขณาของดวงเมืองกับดวงโลกอยู่ในราศีเมษเหมือนกัน จึงเกิดปัญหาเหมือนกัน
ทั้งนี้ ดวงของบ้านเมืองจะวิกฤติในช่วงระหว่างวันที่ 26 เม.ย.53 - 3 พ.ค.54 ซึ่งเป็นห้วงที่จะต้องระวังทั้งทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจ โดยในด้านเศรษฐกิจนั้นเป็นผลมาจากประเทศที่มีดาวพฤหัสเป็นดาวประจำเมือง เช่น สหรัฐฯ เศรษฐกิจก็ไม่เจริญจริง ไม่ฟื้นตัวจริง ขณะที่ในการเมืองดวงประชาธิปไตยตกอยู่ในภาวะล่อแหลมมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ตั้งแต่มฤตยูย้ายเข้าสู่ราศีมีน และจะอยู่อีกทั้งหมด 7 ปี
โหรบุญเลิศพยากรณ์ต่อว่า สถานการณ์การเมืองหลังวันที่ 26 เมษายน 53 จะมีความรุนแรงมากขึ้น และเป็นความรุนแรงที่อาจจะกระทบกระทั่งประชาธิปไตยจนถึงขั้นอาจจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงมาก
“จะรุนแรงกว่าสงกรานต์ปี 52 ด้วยซ้ำ มีปัญหามาก ตรงที่ดาวมฤตยูส่งกระแสร้าย เข้าถึงมฤตยูเดิม ถึงลัคนาดวงประชาธิปไตย เพราะฉะนั้นช่วงนี้เป็นช่วงวิกฤติมาก ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นถ้ารัฐบาลรู้เท่าทันว่า จะมีความรุนแรงเกิดขึ้น ก็อาจระงับด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่ง มันอาจจะต้องเกิดรัฐบาลปรองดองแห่งชาติ ลู่ทางมันจะไปแบบนั้น หรือไม่ก็มีการปฏิวัติรัฐประหาร ตั้งแต่ 26 เม.ย. 53 เป็นต้นไป เป็นช่วงที่วิกฤติมาก ทั้งนี้ เดือนที่จะต้องระวังเป็นพิเศษก็คือ มิ.ย. ก.ค. ส.ค. และก.ย. โดยปกติเดือนที่ดาวอาทิตย์เสียคือเดือนต.ค. เพราะฉะนั้นเดือนต.ค.มักจะมีการเปลี่ยนแปลง ในเดือนมิ.ย. ก.ค.ส.ค. และก.ย. เป็นช่วงที่ดาวที่เกี่ยวข้องกับดวงเมืองคือดาวอาทิตย์ซึ่งเป็นดาวดีของดวงเมือง แต่ถ้าตกในที่เสียจะคอยทำให้ดาวอื่นเสียไปด้วย”
นอกจากนี้ โหรบุญเลิศยังพยากรณ์ดวงของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะด้วยว่า ในช่วงตั้งแต่ วันที่ 14 ธ.ค. 52 ถึงวันที่ 25 เม.ย. 53 ดาวพฤหัสบดีให้คุณสูงสุดในสุริยะจักรวาล หมายถึงผู้ใหญ่ในพรรคร่วมรัฐบาลจะสนับสนุนนายอภิสิทธิ์อย่างดียิ่ง แต่ในช่วงตั้งแต่วันที่ 26 เม.ย.53 ถึงวันที่ 3 พ.ค.54 เป็นช่วงที่ดาวพฤหัสบดี ที่เคยให้คุณกับนายอภิสิทธิ์ จะตกมรณะแก่ลัคนาของนายอภิสิทธิ์ ช่วงนั้นจะเกิดวิกฤติของดวงเมืองและดวงนายอภิสิทธิ์ด้วย
“ต้องระงับที่เหตุแห่งปัญหาให้ได้ ปัญหารุนแรงมันเกิดจากอะไร มันเกิดจากการเคลื่อนไหวของคุณทักษิณ และกลุ่มเสื้อแดงทั้งหลาย แต่ว่ามันจะไปกำจัดเหตุตรงนั้นได้อย่างไร ฝ่ายตรงข้ามคุณอภิสิทธิ์ พยายามสร้างกระแสต่อต้านทั้งในที่เผยและที่ลับ เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องที่คุณอภิสิทธิ์ ตกอยู่ในอันตรายอย่างมาก ถ้าประครองตัวได้พ้น 3 พ.ค. 54 ไปได้ เขาจะอยู่ครบเทอม ส่วนอีกเรื่องที่ต้องระวังก็คือ ปัญหาความสามัคคีของพรรคร่วมรัฐบาล เพราะพรรคร่วมรัฐบาลเริ่มแกว่งตัว”
“มันมีอยู่ 3 แนวทาง คือ ยุบสภา ปฏิวัติรัฐประหาร ตั้งรัฐบาลปรองดองแห่งชาติ 3 ทางที่คิดว่า รัฐบาลคงคิดอยู่เหมือนกันว่าจะทำยังไง การยุบสภาไม่ได้เป็นทางออกของรัฐบาลชุดนี้เลย ถ้ายุบสภาเท่ากับเป็นการฆ่าตัวตาย เพราะว่าคุณอภิสิทธิ์ไม่มีทางสู้ทักษิณได้ ไม่ใช่เพราะว่าคนเสื้อแดงมากหรอก คือผมอยู่ในการเมืองมา 6 กว่าปี ในฐานะสมาชิกวุฒิสภา การเมืองเป็นเรื่องของการใช้เงิน ถ้าคุณไม่มีเงินก็ไม่มีทางได้รับการเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นคนที่มีเงินมากกว่า และใช้เงินได้อย่างมีประสิทธิภาพคนนั้นจะชนะการเลือกตั้งในประเทศไทย ผมขอเสนอว่า ให้รัฐบาลครองตัวไปจนครบวาระจะดีกว่า และถ้ารัฐบาลอยู่จนครบวาระ คุณอภิสิทธิ์ก็มีสิทธิ์กลับมาเป็นรัฐบาลอีก เพราะว่าดาวเริ่มให้คุณ แต่ถ้ายุบสภาในช่วงปีหน้าจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว แต่หากพ้นวันที่ 3 พ.ค.54 ไปแล้วมีโอกาส”
อย่างไรก็ตาม โหร สว.มีความเห็นว่า การรัฐประหารดูเหมือนจะเป็นทางเลือกที่มีโอกาสเกิดขึ้นมากที่สุด
“ถ้าตราบใดที่ทักษิณ ยังหยิบยื่นความรุนแรงให้ประเทศ ถ้าทักษิณ กลับมาได้แล้วเกิดเลือกตั้งชนะ ก็ต้องเกิดการนองเลือด ทหารก็คงยอมไม่ได้ ก็คงต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ส่วนทางเลือกที่ 2 คือรัฐบาลปรองดองแห่งชาติ และการยุบสภา คือทางเลือกที่ 3 ที่ควรจะเป็น”
“สรุปก็คือช่วง 26 เม.ย.53-3 พ.ค. 54 เป็นช่วงที่ดวงเมืองไม่ดี ดวงคุณอภิสิทธิ์ก็ไม่ดี แต่ดวงทักษิณดีขึ้น เพราะดาวพฤหัสบดี เล็งลักขณาเขา จะเป็นช่วงที่ให้คุณเขา อาจจะได้กลับประเทศในช่วงที่เขาดวงดี แต่จะกลับมาในรูปแบบไหนยังไม่แน่ใจ และก็เป็นเรื่องที่เป็นได้ ถ้าเขาจะฉกฉวยโอกาสตรงนี้เพื่อล้มรัฐบาลให้ได้ แต่ก็เป็นช่วงที่อันตรายมาก เพราะคนที่รักษาความมั่นคงภายในประเทศเขาจะยอมหรือไม่ มันจึงนำไปสู่การปฏิวัติรัฐประหาร”
“ถ้าทักษิณกลับมาชนะเลือกตั้ง พวกเสื้อเหลืองจะยอมหรือเปล่า แล้วผู้หลักผู้ใหญ่ที่ถูกกระทบเขาจะอยู่ยังไง องคมนตรีจะอยู่ยังไง มันจะต้องทำให้บ้านเมืองสงบสักระยะหรือเปล่า สงบแบบรุนแรงก็คือการปฏิวัติรัฐประหาร สงบโดยไม่ความรุนแรง คือตั้งรัฐบาลปรองดองแห่งชาติที่ต้องมาจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่ถ้าไม่มีทางอื่น ฝ่ายความมั่นคงไม่อยากให้บ้านเมืองเกิดกลียุค ก็ต้องทำปฏิวัติรัฐประหาร และความจริงดวงที่เกี่ยวกับทหารก็ยังไม่เข้มแข็งมากนักในช่วงที่ดวงเมืองไม่ค่อยดี ดังนั้นดวงของทหารก็ล่อแหลมเหมือนกัน ในการทำปฏิวัติรัฐประหารก็คงจะถูกต่อต้านจากประชาชนฝ่ายตรงข้ามอย่างรุนแรงก็ได้ แต่ความรุนแรงจะยังไม่ถึงขั้นที่จะนองเลือด”โหรบุญเลิศสรุป
"ภิญโญ พงศ์เจริญ" ยุบสภาคือทางออกที่ดีที่สุด
จากโหร ส.ว.-บุญเลิศ ไพรินทร์ ก็มาถึงอีกหนึ่งโหรที่ได้รับการยอมรับไม่แพ้กัน นั่นก็คือ “ภิญโญ พงศ์เจริญ” ที่ปัจจุบันนั่งเก้าอี้นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ และคำพยากรณ์ของโหรภิญโญถ้าจะว่าไปแล้วก็ไม่ได้แตกต่างจากโหรบุญเลิศเท่าใดนัก ด้วยการฟันธงว่า จะมีความร้อนแรงทางการเมืองจนถึงขั้น “ไม่ยุบสภา” ก็ต้องมีการ “รัฐประหาร” เลยทีเดียว
โหรภิญโญทำนายดวงเมืองไทยในปี 53 เอาไว้ว่า ดวงเมืองปีหน้าจะตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของดาวดวงหลักๆ ที่น่าสนใจคือ ราหู ดาวเสาร์ ดาวพฤหัสบดี และอุปราคา โดยเฉพาะอุปราคานั้นจะเกิดขึ้นถึง 5 ครั้งด้วยกัน โดยครั้งแรกเกิดขึ้นในวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่คือช่วงรอยต่อระหว่างวันที่ 31 ธ.ค.52 – 1 ม.ค.53 เวลา 02.14 น. ครั้งที่ 2 วันที่ 15 ม.ค.53 เวลา 14.12 น. ครั้งที่ 3 วันที่ 26 มิ.ย. 53 เวลา 18.32 น. ครั้งที่ 4 วันที่ 12 ก.ค. 53 เวลา 02.42 น. และครั้งที่ 5 วันที่ 21 ธ.ค.53 เวลา 15.14 น.
แต่ใน 5 ครั้งนั้น จะมีครั้งสำคัญที่เกี่ยวโยงกับเหตุบ้านการเมืองคือครั้งที่ 2 วันที่ 15 ม.ค. 53 โดยจะก่อกวนให้กับการต่างประเทศ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ และนำความยุ่งยากให้กับผู้นำ บุคคลสำคัญ นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐบาลตลอดจนประชาชน พืชผล และในบางกรณีทำให้เกิดความผันแปรครั้งสำคัญทางการเมือง มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและการค้าได้รับผลกระทบกระเทือน สุขภาพของประชาชนถูกกระทบกระเทือน อำนวยความอับโชคให้กับรัฐบาล นายกรัฐมนตรี รัฐบุรุษ และบางครั้งกับผู้นำในระดับสูง รวมทั้งให้ระวังการสูญเสียบุคคลสำคัญ จะเกิดการลอบสังหาร การปลงชีวิตบุคคลสำคัญ การปฏิวัติรัฐประหารอาจมีให้เห็นได้
“การเกิดอุปราคาครั้งที่ 2 วันที่ 15 ม.ค. เป็นอุปราคาครั้งสำคัญ เพราะเกิดในภพคณะรัฐมนตรี ราศีมังกร จะนำความยุ่งยากมาให้รัฐมนตรี การต่างประเทศ ซึ่งอาจจะมีเรื่องการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง แต่การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอาจเกิ ขึ้นก่อนหรือหลังอุปราคาก็ได้ จึงขอให้รัฐบาลระวัง 3 ช่วงคือ ม.ค. ก.พ.และมี.ค. หากให้ชี้ชัดในเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี การยุบสภาฯ ก็จะเห็นบางจุด เกิดความอับโชคแก่รัฐบาล เรื่องการสูญเสียบุคคลสำคัญ โดยเฉพาะนายกฯ เมื่อถูกโจมตีมากๆ รัฐบาลก็เกิดปัญหา จะมีการปฏิบัติการเป็นแบบโจโรฤกษ์ คือการปฏิบัติการเยี่ยงโจรใช้กำลังเยี่ยงโจร ซึ่งคุณทักษิณเองก็คงมีความรู้เรื่องนี้อยู่บ้าง แต่คนที่รู้จริงคือคุณพายัพ ชินวัตร น้องชายคุณทักษิณ จึงน่าจับตามองว่าเขาจะใช้ฤกษ์ยามนี้ในการเคลื่อนไหวหรือไม่ เพราะคราวที่แล้วดาวพฤหัสบดีโคจรมาอยู่ตรงนี้ครั้งหนึ่งเมื่อปี 2552 ที่เสื้อแดงชุมนุมและมีการล้อมรถนายกฯ เพื่อทำร้ายร่างกาย”
“ส่วนช่วงที่ 2 เม.ย.พ.ค. ก็ต้องระวังเช่นเดียวกัน ถ้าผ่านตรงนั้นมาได้ ก็มาถึงช่วงที่ 3 คือปลายปี ก.ย.ต.ค. อย่างไรก็ตามขอให้รัฐบาลระวังทั้งหมด 3 ช่วง ซึ่งโดยรวมก็ต้องระวังตั้งแต่ 26 เม.ย.53 - 4 พ.ค. 54 ถ้าผ่าน 24 พ.ค. 54 ไปแล้วดวงรัฐบาลถึงจะดีขึ้น”โหรภิญโญทำนาย
นอกจากนี้ อิทธิพลของราหูที่โครจรทับดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์ในดวงเมือง จะก่อให้เกิดความสูญเสียผู้ใหญ่อันเป็นที่เคารพนับถือ จะเกิดความสับสนวุ่นวาย นักบวชผู้เป็นใหญ่ในวงการศาสนาจะเจ็บป่วยสูญเสีย สูญเสียผู้นำทางจิตวิญญาณ สูญเสียผู้นำบุคคลสำคัญในวงการเมืองแพทย์กฎหมายธนาคารมหาเศรษฐีนักปรัชญาเมธีผู้ชี้นำสังคมและนักสังคมสงเคราะห์ฯ
ประการสำคัญ คือมีผู้ยิ่งใหญ่ที่ทรยศยังทำตนเป็นศัตรูลึกลับทางการต่างประเทศ ทั้งภายในและภายนอกประเทศ มีการลอบสังหารผู้นำ ทำร้ายบุคคลสำคัญ
“ราหูจรไปอยู่ที่ไหนมักจะมีการกู้ยืมเงินหรือให้เขายืมเงินที่นั่น เมื่อครึ่งปีที่ผ่านมามาราหูโคจรอยู่ในราศีมังกรเล็งดาวจันทร์คู่หนี้สิน รัฐบาลมีการกู้ยืมเงินหลายครั้งรวมกันแล้วมากกว่าแสนล้านบาท คราวนี้ ปี 2553-2554 รัฐบาลจะมีการกู้ยืมเงินครั้งใหญ่ มีการพิมพ์พันธบัตรครั้งสำคัญออกจำหน่ายจำนวนมากหรือมีวิธีการหาเงินที่แปลกๆ เกิดขึ้น”โหรภิญโญระบุ
ขณะเดียวกันราหูจะทำให้เกิดปัญหาทางเศรษฐกิจ เกิดข้าวยากหมากแพง พืชผลผลิตทางการเกษตรลดน้อยลง การเลิกจ้างคนงาน ธนาคารและสถาบันทางการเงินไม่มั่นคง โรคภัยไข้เจ็บระบาด มีเชื้อโรคตัวใหม่ปรากฏตัวและระบาดไปทั่ว ความศรัทธาในรัฐบาลลดลงจนกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองคือ การยุบสภาแล้วจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในที่สุด
อย่างไรก็ตาม เรื่องดีก็มีเช่นกัน เพราะเมื่อราหู โคจรมาทับดาวเสาร์คู่มหามิตรท่านว่าย่อมให้คุณยิ่งใหญ่ด้วยเช่นกัน จะมีการค้นพบแหล่งทรัพยากรธรรมชาติแหล่งสำคัญจำนวนมาก เช่น บ่อเงิน บ่อทอง บ่อแร่ บ่อน้ำมัน บ่อแก็ส และมีโชคเรื่องการท่องเที่ยวและกิจการที่เกี่ยวข้องจะเฟื่องฟู
ส่วนบรรดาประเทศเพื่อนบ้านเรือนเคียง คือดาวพุธเป็นดาวสื่อสารดาวการพูด การทูต ในตำราโหราศาสตร์ไทย ได้ให้ความหมายของดาวพุธที่ครองเชื้อชาติและสัญชาติว่า คือ เขมรและลาว ดังนั้นจึงควรระมัดระวังเรื่องความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านเรือนเคียงให้ดี เกิดวิวาทะที่รุนแรงโต้ตอบกันไปมา ความขัดแย้งจะขยายตัวไปสู่ลาว พม่าและจีนได้อีกด้วย
สำหรับอิทธิพลของดาวเสาร์นั้น นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติกล่าวว่า ในปี53 เมื่อดาวเสาร์โคจรอยู่ในภพอริ จึงทำให้เกิดปัญหาและอุปสรรคในการบริหารราชการแผ่นดิน การทำงานของรัฐบาลเป็นการเดินหน้าเข้าชนปัญหา จึงพบเห็นปัญหาและอุปสรรคที่ต้องแก้ไขมากมาย จึงมีอริศัตรูดาหน้าออกมารังควาญขัดขวางและก่อกวนให้เกิดความวุ่นวายเป็นปัญหาและอุปสรรคอยู่เรื่อยไป
รัฐบาลจะประสบกับความอ่อนแอ บ้านเมืองไม่สงบเรียบร้อย รัฐบาลจะสนใจวิ่งเข้าสู่ปัญหาเอง จึงมีอุปสรรคต้องเหน็ดเหนื่อยต่อสู้ เบื่อหน่ายท้อแท้ แต่ต้องอดทนพยายามแก้ไขปัญหา หากทำได้ก็จะประสบความสำเร็จ ถ้ามีความเพียรพยายามในการแก้ไขปัญหา แต่ถ้าทนไม่ได้ก็จะถอดใจผู้นำมีการลาออกหรือยุบสภาและจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ในที่สุด
“ดาวพฤหัสบดีกับดาวเสาร์จะโคจรมาเล็งกัน ระหว่างราศีกันย์กับราศีมีน จะทำให้เกิดความยุ่งยาก ในปี 53-54 ต้องระวังเรื่องการเปลี่ยนแปลงในยุคสมัย เพราะเป็นดาวคู่วิกฤติ จรมาเจอกันจะยุ่ง การเปลี่ยนแปลงให้เลือกเอาแล้วว่าจะยุบสภาฯเลือกตั้งกันใหม่ หรือจะถูกยึดอำนาจให้เลือกเอาเอง แต่การยุบสภาต้องหาเวลาที่เหมาะๆ คือช่วงกลางๆ ปี 53 จึงจะดี ถ้าไม่ยุบสภาฯ แล้วเกิดการรัฐประหารบ้านเมืองก็จะถอยหลัง เพื่อเดินหน้าใหม่อีกครั้ง ถ้าเทียบกับยุบสภามันก็ดีคนละแบบ การยุบสภาฯ แล้วเลือกตั้งใหม่มันก็ต้องดูจังหวะดีดี ดวงคุณอภิสิทธิ์ ต้นปีนี้ดวงไม่ได้ การยุบสภาต้องหลัง 26 เม.ย.53 ไปต้นไป ก็เลือกเอาสิว่าจะยุบตรงไหน ปรึกษาผู้รู้สักนิดหนึ่ง”
ขณะที่อิทธิพลของดาวพฤหัสบดีนั้น ในปี 2553 ดาวพฤหัสบดีโคจรอยู่ 2 ช่วงเวลา คือ ช่วงที่ 1 ระหว่างวันที่ 1 ม.ค.-26 เม.ย.53 ซึ่งมีสิ่งที่น่าพิจารณา คือ การแลกเรือนกันระหว่างดาวพฤหัสบดีเจ้าเรือนศุภะ กับราหู เจ้าเรือนลาภะ ดาวพฤหัสบดีเป็นประธานฝ่ายศุภเคราะห์ให้สรรพคุณ ส่วนราหูเป็นบาปเคราะห์ร้ายย่อมให้โทษมากกว่าให้คุณ ประเทศชาติกลายเป็นที่แลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ย่อมทำให้เกิดความสับสนวุ่นวาย เหมือนโจรเข้ามาอยู่วัดและพระไปอยู่รังโจร ดังนั้นจึงทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายในทางการเมือง ในรัฐสภา ในรัฐบาล ในทางการเมือง
ประการสำคัญ คือ นักการเมือง พรรคการเมืองจะมีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน เปรียบเสมือนเทพแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กับมาร มารแลกกับเทพ พรรคเทพไปอยู่กับพรรคมาร พรรคมารไปอยู่กับพรรคเทพ แลกเปลี่ยนเรือนชะตาราศีซึ่งกันและกันระหว่างเทพและมาร
ส่วนช่วงที่ 2 ระหว่างวันที่ 26 เม.ย.ถึงวันสิ้นปี 53 ดาวพฤหัสบดี โคจรอยู่ในราศีมีนภพวินาศน์ของดวงเมือง เกิดภัยพิบัติเสียหาย มีโรคระบาด อุบัติภัย จะมีพิธีการหรือมีการประชุมเกี่ยวกับกิจการสาธารณะเกี่ยวกับภพนี้มากขึ้น ปลายเดือนเม.ย.53 จะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งสำคัญเกิดขึ้น
“ดวงเมืองไทยปี 53 โดยรวมแล้วจะเห็นว่า ทั้งอิทธิพลของราหู ดาวเสาร์ ดาวพฤหัสบดี และอุปราคา ล้วนสอดคล้องต้องกันว่าจะเกิดเหตุร้ายกับบ้านเมือง ต้องสูญเสียผู้ใหญ่ในบ้านเมือง เกิดโรคร้ายแรง ประชาชนเดือนร้อน พืชผลเกษตรไม่ดี ผู้นำประเทศต้องระวังตัว ประชาชนจะเกิดความแตกแยกรุนแรง คนที่เคลื่อนไหวนอกประเทศจะรุกหนัก จะมีเกณฑ์ถึงขั้นไม่ยุบสภาก็รัฐประหาร แต่ถ้านายอภิสิทธิ์สามารถประคับประคองไปให้ผ่าน 26 เม.ย. 53 ไปได้สถานการณ์จะดีขึ้น”โหรภิญโญสรุปทิ้งท้าย
ภาพโดย...วรวิทย์ พานิชนันท์
เรื่อง.........ออรีสา อนันทะวัน