ASTVผู้จัดการรายวัน – 3แบรนด์ดัง ในเครือSCG เอ็กซ์เซร่า คอตโต้ ซีแพค จับมือพัฒนานวตกรรมเซรามิคมุงหลังคาเจาะกลุ่มตลาดไฮเอนด์ ล่าสุดออก EXCELLA CeraFino จับกลุ่มบ้านสร้างเองหวังดันยอดขายปั้นตลาดหลังคาเซรามิค แจงยอดขายปี52โต100% สูงกว่าตลาดรวมกระเบื้องในประเทศขยายตัวเพียง3-5% พร้อมตั้งเป้าปีหน้าโตอีก1เท่าตัวหรือมียอดขายรวม16ล้านบาท ยันไม่ลงทุนขยาไลน์ผลิตเหตุต้นทุนสูงหันใช้ไลน์ผลิตคอตโต้ลดต้นทุนรอตลาดได้สเกลถอนเครื่องจักรใหม่ขยายไลน์เต็มตัว
นายจตุรงค์ คุโรวาท ผู้จัดการส่วนการตลาด บริษัท กระเบื้องหลังคาเซรามิคไทย จำกัด ในธุรกิจผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เครือซิเมนต์ไทย (SCG) ผู้ผลิตกระเบื้องหลังคาเซรามิค EXCELLA กล่าวว่า ได้ร่วมกับ ซีแพคโมเนีย ผู้เชี่ยวชาญด้านหลังคา และ คอตโต้ ผู้ผลิตกระเบื้องเซรามิคปูพื้นและบุผนัง พัฒนานวัตกรรมใหม่ ในผลิตภัณฑ์กระเบื้องมุงหลังคากระเบื้องเซรามิค ภายใต้แบรนด์ EXCELLA CeraFino ที่ผลสมผสานเทคโนโลยีระบบการมุงซ้อนทับแบบชั้นเดียว เจาะกลุ่มลูกค้าบ้านสร้างเองระดับไฮเอนด์
ทั้งนี้ในปัจจุบันตลาดกระเบื้องมีมูลค่ารวมประมาณ10,000 ล้านบาท คิดเป็นขนาดพื้นที่100ล้านตารางเมตร โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์กระเบื้องมุงหลังคาแชร์ตลาดรวมกระเบื้องอยู่ที่ประมาณ 10% คิดเป็นพื้นที่รวม1,000ล้านตารางเมตรหรือมีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 1,000 ล้านบาท ขณะที่กระเบื้องมุงหลังคาเซรามิคมีแชร์ตลาดกระเบื้องหลังคาอยู่ประมาณ 10% คืดเป็นพื้นที่รวม 100ล้านตารางเมตร หรือมีมูลค่ารวมประมาณ 100ล้านบาท โดยบริษัทในเครือ SCG มีแชร์อยู่ประมาณ 650ล้านบาทหรือประมาณ 9.5 ล้านตารางเมตร
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาบริษัทยังคงเป็นผู้ประกอบการรายแรกและรายเดียวที่พัฒนากระเบื้องมุงหลังคาเซรามิคออกสู่ตลาดตั้งแต่นับจากปี2551 ซึ่งในช่วง1ปีที่ผ่านมาหลังการวางขายผลิตภัณฑ์ดังกล่าวปรากฏว่ากระเบื้องหลังคาเซรามิคได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายรวม 8ล้านบาท หรือประมาณ 10,000 ตารางเมตร คิดเป็นอัตราการเติบโต100% ส่วนในปี53นี้บริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขายรวมเติบโตจากปี52อีกเท่าตัวหรือมียอดขายรวม20,000 ตารางเมตร คิดเป็นยอดขายรวม 16ล้านบาท ในขณะที่ตลาดรวมกระเบื้องในปีหน้าคาดว่าจะเติบโตประมาณ 3-5% เท่ากับอัตราการขยายตัวจีดีพี
โดยในปี53 บริษัทมีแผนจะทำตลาดกระเบื้องหลังคาเซามิคผ่านชองทางขายหลัก3ช่องทางประกอบด้วย 1.การขายตรงเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคโดยตรง เนื่องจากกลุ่มลูกค้าส่วนใหญญ่เป็นกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์ ที่มีกำลังซื้อสูงบริษัทจึงต้องเน้นการจัดกิจกรรมตลาดตรงเข้าเจาะกลุ่มลูกค้าหลัก ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าบ้านสร้างเอง หรือบริษัทรับสร้างบ้าน 2.การขายผ่านศูนย์บริการครบวงจร รูฟฟิ่งเซ็นเตอร์ ของไทยซิเมนต์โอมมาร์ท ซึ่งปัจจุบันมีอยู่38สาขา และในปีหน้ายังมีแผนจะขยายสาขาเพิ่มด้วย 3.จะเน้นขายผ่านทีมงานติดตั้งกระเบื้องซิเมนต์ไทยโฮมเซอร์วิส ซึ่งจะสามารถแนะนำลูกค้าได้โดยตรง
สำหรับกลุ่มลูกบ้านสร้างเอง ซึ่งเป็นลูกค้าหลักของบริษัทนั้นถือเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจและปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ การโฟกัสกลุ่มลูกค้าดังกล่าวถือว่าเป็นการวางตำแหน่งสินค้าที่เน้นไปในกลุ่มตลาดที่มีอัตราการขยายตัวคงที่อย่างต่อเนื่อง สังเกตุได้จากในปีที่ผ่านมาแม้ว่าประเทศไทยจะได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ และปัญหาการเมืองแต่ ปัจจัยดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อยอดขายของบริษัทแต่อย่างใด ดังนั้นในปี53นี้บรัทจึงมั่นใจว่าจะมีอัตราการขยายตัวของยอดขายรวมเป็นไปตามเป้า
นายจตุรงค์ กล่าวว่า กระเบื้องหลังคาเซรามิคเซราฟิโน่บาย เอ็กเซลล่า (CeraFino by EXCELLA) นับเป็นนวัตกรรมใหม่ ที่เกิดจากการร่วมกันพัฒนาของบริษัทในเครือ SCG ซึ่งในแต่ละปี กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เครือซิเมนต์ไทยมีงบประมาณในการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมใหม่ปีละ 1.5-2% ของยอดขาย ซึ่งในปีนี้ ในส่วนของตัวกระเบื้องหลังคาเซรามิคเซราฟิโน่ ถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีการพัฒนาออกมารองรับความต้องการลูกค้ากลุ่มไฮเอนด์โดยเฉพาะ และในช่วงกลางปีหน้าคาดว่าจะมีการเปิดตัวกระเบื้องใหม่อีก 1ตัวเพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ลูกค้าและยังเป้ฯการขยายตลาดของบริษัทอย่างต่อเนื่อง
นอกจากการร่วมมือกันเพื่อพัฒนานวัตกรรมใหม่แล้วการร่วมมือกันของทั้ง 3บริษัทยังเป้ฯการแชร์ประสมการณ์และความชำนาญในด้านต่างๆ ของแต่ละบริษัท รวมถึงการพึงพาด้านการผลิตด้วย เนื่องจากเทคโนโลยีในการผลิตกระเบื้องเซรามิคนั้นเครื่องจากที่ใช้ในการผลิตมีมูลค่าสูง หาก บรัทต้องลงทุนซื้อเครื่องจักรขยายไลน์การผลิตเองจะทำให้ต้องใช้งบประมาณลงทุนเป้นหลัก100ล้านบาท ดังนั้นในเบื้องต้นที่ปริมาณยอดขายและตลาดยังไม่ใหญ่มากพอ บรัทจึงจำเป้ฯต้องใช้ไลน์ผลิตของ คอตดดตในการผลิตสินค้าป้อนตลาดไปก่อน
“ปัจจุบันคอตโต้มีกำลังการผลิตกระเบื้องเซรามิครวมประมาณ 1 ล้านตารางเมตร ซึ่งเดินสายการผลิตอยู่ประมาณ 50% โดยบริษัทใช้ไลน์การผิตกระเบื้องหลังคาเซรามิคอยู่บางส่วน ซึ่งหากมีตลาดมีความต้องการเพิ่มก็สามารถเพิ่มไลน์การผลิตเพิ่มได้อีก”
นายจตุรงค์ คุโรวาท ผู้จัดการส่วนการตลาด บริษัท กระเบื้องหลังคาเซรามิคไทย จำกัด ในธุรกิจผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เครือซิเมนต์ไทย (SCG) ผู้ผลิตกระเบื้องหลังคาเซรามิค EXCELLA กล่าวว่า ได้ร่วมกับ ซีแพคโมเนีย ผู้เชี่ยวชาญด้านหลังคา และ คอตโต้ ผู้ผลิตกระเบื้องเซรามิคปูพื้นและบุผนัง พัฒนานวัตกรรมใหม่ ในผลิตภัณฑ์กระเบื้องมุงหลังคากระเบื้องเซรามิค ภายใต้แบรนด์ EXCELLA CeraFino ที่ผลสมผสานเทคโนโลยีระบบการมุงซ้อนทับแบบชั้นเดียว เจาะกลุ่มลูกค้าบ้านสร้างเองระดับไฮเอนด์
ทั้งนี้ในปัจจุบันตลาดกระเบื้องมีมูลค่ารวมประมาณ10,000 ล้านบาท คิดเป็นขนาดพื้นที่100ล้านตารางเมตร โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์กระเบื้องมุงหลังคาแชร์ตลาดรวมกระเบื้องอยู่ที่ประมาณ 10% คิดเป็นพื้นที่รวม1,000ล้านตารางเมตรหรือมีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 1,000 ล้านบาท ขณะที่กระเบื้องมุงหลังคาเซรามิคมีแชร์ตลาดกระเบื้องหลังคาอยู่ประมาณ 10% คืดเป็นพื้นที่รวม 100ล้านตารางเมตร หรือมีมูลค่ารวมประมาณ 100ล้านบาท โดยบริษัทในเครือ SCG มีแชร์อยู่ประมาณ 650ล้านบาทหรือประมาณ 9.5 ล้านตารางเมตร
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาบริษัทยังคงเป็นผู้ประกอบการรายแรกและรายเดียวที่พัฒนากระเบื้องมุงหลังคาเซรามิคออกสู่ตลาดตั้งแต่นับจากปี2551 ซึ่งในช่วง1ปีที่ผ่านมาหลังการวางขายผลิตภัณฑ์ดังกล่าวปรากฏว่ากระเบื้องหลังคาเซรามิคได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายรวม 8ล้านบาท หรือประมาณ 10,000 ตารางเมตร คิดเป็นอัตราการเติบโต100% ส่วนในปี53นี้บริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขายรวมเติบโตจากปี52อีกเท่าตัวหรือมียอดขายรวม20,000 ตารางเมตร คิดเป็นยอดขายรวม 16ล้านบาท ในขณะที่ตลาดรวมกระเบื้องในปีหน้าคาดว่าจะเติบโตประมาณ 3-5% เท่ากับอัตราการขยายตัวจีดีพี
โดยในปี53 บริษัทมีแผนจะทำตลาดกระเบื้องหลังคาเซามิคผ่านชองทางขายหลัก3ช่องทางประกอบด้วย 1.การขายตรงเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคโดยตรง เนื่องจากกลุ่มลูกค้าส่วนใหญญ่เป็นกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์ ที่มีกำลังซื้อสูงบริษัทจึงต้องเน้นการจัดกิจกรรมตลาดตรงเข้าเจาะกลุ่มลูกค้าหลัก ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าบ้านสร้างเอง หรือบริษัทรับสร้างบ้าน 2.การขายผ่านศูนย์บริการครบวงจร รูฟฟิ่งเซ็นเตอร์ ของไทยซิเมนต์โอมมาร์ท ซึ่งปัจจุบันมีอยู่38สาขา และในปีหน้ายังมีแผนจะขยายสาขาเพิ่มด้วย 3.จะเน้นขายผ่านทีมงานติดตั้งกระเบื้องซิเมนต์ไทยโฮมเซอร์วิส ซึ่งจะสามารถแนะนำลูกค้าได้โดยตรง
สำหรับกลุ่มลูกบ้านสร้างเอง ซึ่งเป็นลูกค้าหลักของบริษัทนั้นถือเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจและปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ การโฟกัสกลุ่มลูกค้าดังกล่าวถือว่าเป็นการวางตำแหน่งสินค้าที่เน้นไปในกลุ่มตลาดที่มีอัตราการขยายตัวคงที่อย่างต่อเนื่อง สังเกตุได้จากในปีที่ผ่านมาแม้ว่าประเทศไทยจะได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ และปัญหาการเมืองแต่ ปัจจัยดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อยอดขายของบริษัทแต่อย่างใด ดังนั้นในปี53นี้บรัทจึงมั่นใจว่าจะมีอัตราการขยายตัวของยอดขายรวมเป็นไปตามเป้า
นายจตุรงค์ กล่าวว่า กระเบื้องหลังคาเซรามิคเซราฟิโน่บาย เอ็กเซลล่า (CeraFino by EXCELLA) นับเป็นนวัตกรรมใหม่ ที่เกิดจากการร่วมกันพัฒนาของบริษัทในเครือ SCG ซึ่งในแต่ละปี กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เครือซิเมนต์ไทยมีงบประมาณในการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมใหม่ปีละ 1.5-2% ของยอดขาย ซึ่งในปีนี้ ในส่วนของตัวกระเบื้องหลังคาเซรามิคเซราฟิโน่ ถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีการพัฒนาออกมารองรับความต้องการลูกค้ากลุ่มไฮเอนด์โดยเฉพาะ และในช่วงกลางปีหน้าคาดว่าจะมีการเปิดตัวกระเบื้องใหม่อีก 1ตัวเพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ลูกค้าและยังเป้ฯการขยายตลาดของบริษัทอย่างต่อเนื่อง
นอกจากการร่วมมือกันเพื่อพัฒนานวัตกรรมใหม่แล้วการร่วมมือกันของทั้ง 3บริษัทยังเป้ฯการแชร์ประสมการณ์และความชำนาญในด้านต่างๆ ของแต่ละบริษัท รวมถึงการพึงพาด้านการผลิตด้วย เนื่องจากเทคโนโลยีในการผลิตกระเบื้องเซรามิคนั้นเครื่องจากที่ใช้ในการผลิตมีมูลค่าสูง หาก บรัทต้องลงทุนซื้อเครื่องจักรขยายไลน์การผลิตเองจะทำให้ต้องใช้งบประมาณลงทุนเป้นหลัก100ล้านบาท ดังนั้นในเบื้องต้นที่ปริมาณยอดขายและตลาดยังไม่ใหญ่มากพอ บรัทจึงจำเป้ฯต้องใช้ไลน์ผลิตของ คอตดดตในการผลิตสินค้าป้อนตลาดไปก่อน
“ปัจจุบันคอตโต้มีกำลังการผลิตกระเบื้องเซรามิครวมประมาณ 1 ล้านตารางเมตร ซึ่งเดินสายการผลิตอยู่ประมาณ 50% โดยบริษัทใช้ไลน์การผิตกระเบื้องหลังคาเซรามิคอยู่บางส่วน ซึ่งหากมีตลาดมีความต้องการเพิ่มก็สามารถเพิ่มไลน์การผลิตเพิ่มได้อีก”