ASTVผู้จัดการรายวัน – “บ้านและสวนแฟร์” คึกคัก “อมรินทร์พริ้นติ้ง”คาดผู้เข้าชมงาน 8.7 แสนคน เงินสะพัด 5,000 ล้านบาท พร้อมเผยทุ่มงบจัดงานกว่า 100 ล้านบาท ผู้ประกอบการนำสินค้าโชว์เพียบ ด้านไวนิลแบรนด์ ” WINDSOR ” เผยแผนตลาดปี53 ยึดเวียดนามเป็นตลาดรองเร่งปั้นยอดขายต่างประเทศ พร้อมขนสินค้ากลุ่ม Outdoor Living ร่วมงานหวังใช้เป็นหัวหอกทำตลาดปีนี้
นายปรเมศวร์ นิสากรเสน กรรมการผู้จัดการ บริษัท นวพลาสติกอุตสาหกรรม จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าไวนิล ภายใต้แบรนด์”วินด์เซอร์” ( WINDSOR) ในเครือปูนซิเมนต์ไทย(SCG) กล่าวว่า ตลาดรวมประตู-หน้าต่างในประเทศมีมูลค่าถึง 20,000-30,000 ล้านบาท โดยคิดเป็นมูลค่าตลาดไวนิลประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ 75-80 %
“ก่อนวิกฤตเศรษฐกิจอัตราการเติบโตของตลาดไวนิลมีตัวเลขสองหลักทุกปี อีกทั้งตลาดในไทยยังมีอัตราการเติบโตอีกจำนวนมากเมื่อเทียบกับตลาดต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันคนไทยใช้ประตู หน้าต่างไวนิลเพียง 8-10% เท่านั้น ในขณะที่ต่างประเทศใช้ไวนิลสูงถึง 45-50%”
ในขณะที่ตลาดรวมปีนี้ยังคงทรงตัว หลังจากที่ชะลอตัวลงตามภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยยอดขายของบริษัทคาดว่าใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยมียอดขายประมาณ 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มลูกค้าบ้านสร้างเอง 60% และกลุ่มงานโครงการ 40 % ส่วนในปีหน้าคาดว่าตลาดจะมีอัตราการเติบโตตามภาคธุรกิจอสังหาฯที่คาดว่าจะโต 6-10% ซึ่งบริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขายโตขึ้น 10% หรือมียอดขาย 1,100-1,200 ล้านบาท
นายปรเมศวร์ กล่าวต่อว่า ในขณะที่ตลาดไวนิลในประเทศชะลอตัว แต่ตลาดไวนิลในต่างประเทศกลับมีการขยายตัว เนื่องจากสินค้าเป็นที่รู้จักและนิยมใช้ในงานก่อสร้างบ้าน อาทิ เกาหลี ไต้หวัน และยุโรปทั้งนี้ เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาบริษัทได้เข้าไปเปิดตลาดที่เวียดนาม โดยเปิดเป็นโรงงานประกอบ ปัจจุบันมียอดขายประมาณ 5% หรือ 50 ล้านบาทจากยอดขายรวม
อย่างไรก็ตาม บริษัทวางแผนว่าระยะ 3-5 ปีจะให้เวียดนามเป็นตลาดที่สองรองจากไทย เนื่องจากกลุ่ม SCG เห็นว่าเวียดนามมีศักยภาพด้านเศรษฐกิจมากที่สุดในภูมิภาคนี้ และเป็นตลาดที่ใหญ่สามารถขยายตัวได้สูง แต่การขยายตลาดนั้นต้องใช้เวลาเนื่องจากเวียดนามยังคงนิยมใช้ไม้จริงและเหล็กในงานก่อสร้างบ้านเป็นหลัก
ทั้งนี้ การทำตลาดในประเทศนั้นบรัทยังเน้นสินค้ากลุ่ม Outdoor Living เนื่องจากคนเมืองนิยมใช้ชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น ล่าสุดได้นำ”ไม้เทียม” ได้แก่ ไม้พื้นและไม้เส้น ซึ่งทำมาจากพลาสติกผสมกับเนื้อไม้จริงนำมาจัดแสดงในงานบ้านและสวนแฟร์ในรูปแบบ Solution ด้วย
“ บริษัทมีแผนให้ไม้เทียมเป็นสินค้านำร่องในอนาคต เพราะไม้จริงกำลังจะขาดแคลน ซึ่งในแถบยุโรปได้นำไม้เทียมมาก่อสร้างบ้านทั้งหลังแล้ว” นายปรเมศวร์ กล่าว
ด้านนางระริน อุทกะพันธุ์กรรมการผู้จัดการ บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าววว่า งานบ้านและสวนแฟร์ ในปีนี้บริษัทใช้พื้นที่ในการจัดงานเพิ่มขึ้น10,000ตร.ม. และงบประมาณเพิ่มขึ้น15% จากเดิมปีที่ผ่านมา ใช้พื้นที่จัดงาน 50,000 ตร.ม. และใช้งบประมาณจัดเงิน 100ล้านบาท ในขณะที่จำนวนผู้ร่วมออกบูทในงานเพิ่มขึ้น 13%โดยสินค้ากลุ่มเฟอร์นิเจอร์ ของแต่งบ้านมีเพิ่มมากที่สุด 32% ส่วนสินค้าตกแต่งสวนและต้นไม้เพิ่มขึ้น 3 % โดยคาดว่าผู้เข้าชมงานจะไม่ต่ำกว่า8.7 แสนคน ซึ่งสูงกว่าปีก่อน 5%และคาดว่าจะมีเงินสะพัดกว่า 5,000 ล้านบาท
นายปรเมศวร์ นิสากรเสน กรรมการผู้จัดการ บริษัท นวพลาสติกอุตสาหกรรม จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าไวนิล ภายใต้แบรนด์”วินด์เซอร์” ( WINDSOR) ในเครือปูนซิเมนต์ไทย(SCG) กล่าวว่า ตลาดรวมประตู-หน้าต่างในประเทศมีมูลค่าถึง 20,000-30,000 ล้านบาท โดยคิดเป็นมูลค่าตลาดไวนิลประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ 75-80 %
“ก่อนวิกฤตเศรษฐกิจอัตราการเติบโตของตลาดไวนิลมีตัวเลขสองหลักทุกปี อีกทั้งตลาดในไทยยังมีอัตราการเติบโตอีกจำนวนมากเมื่อเทียบกับตลาดต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันคนไทยใช้ประตู หน้าต่างไวนิลเพียง 8-10% เท่านั้น ในขณะที่ต่างประเทศใช้ไวนิลสูงถึง 45-50%”
ในขณะที่ตลาดรวมปีนี้ยังคงทรงตัว หลังจากที่ชะลอตัวลงตามภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยยอดขายของบริษัทคาดว่าใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยมียอดขายประมาณ 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มลูกค้าบ้านสร้างเอง 60% และกลุ่มงานโครงการ 40 % ส่วนในปีหน้าคาดว่าตลาดจะมีอัตราการเติบโตตามภาคธุรกิจอสังหาฯที่คาดว่าจะโต 6-10% ซึ่งบริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขายโตขึ้น 10% หรือมียอดขาย 1,100-1,200 ล้านบาท
นายปรเมศวร์ กล่าวต่อว่า ในขณะที่ตลาดไวนิลในประเทศชะลอตัว แต่ตลาดไวนิลในต่างประเทศกลับมีการขยายตัว เนื่องจากสินค้าเป็นที่รู้จักและนิยมใช้ในงานก่อสร้างบ้าน อาทิ เกาหลี ไต้หวัน และยุโรปทั้งนี้ เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาบริษัทได้เข้าไปเปิดตลาดที่เวียดนาม โดยเปิดเป็นโรงงานประกอบ ปัจจุบันมียอดขายประมาณ 5% หรือ 50 ล้านบาทจากยอดขายรวม
อย่างไรก็ตาม บริษัทวางแผนว่าระยะ 3-5 ปีจะให้เวียดนามเป็นตลาดที่สองรองจากไทย เนื่องจากกลุ่ม SCG เห็นว่าเวียดนามมีศักยภาพด้านเศรษฐกิจมากที่สุดในภูมิภาคนี้ และเป็นตลาดที่ใหญ่สามารถขยายตัวได้สูง แต่การขยายตลาดนั้นต้องใช้เวลาเนื่องจากเวียดนามยังคงนิยมใช้ไม้จริงและเหล็กในงานก่อสร้างบ้านเป็นหลัก
ทั้งนี้ การทำตลาดในประเทศนั้นบรัทยังเน้นสินค้ากลุ่ม Outdoor Living เนื่องจากคนเมืองนิยมใช้ชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น ล่าสุดได้นำ”ไม้เทียม” ได้แก่ ไม้พื้นและไม้เส้น ซึ่งทำมาจากพลาสติกผสมกับเนื้อไม้จริงนำมาจัดแสดงในงานบ้านและสวนแฟร์ในรูปแบบ Solution ด้วย
“ บริษัทมีแผนให้ไม้เทียมเป็นสินค้านำร่องในอนาคต เพราะไม้จริงกำลังจะขาดแคลน ซึ่งในแถบยุโรปได้นำไม้เทียมมาก่อสร้างบ้านทั้งหลังแล้ว” นายปรเมศวร์ กล่าว
ด้านนางระริน อุทกะพันธุ์กรรมการผู้จัดการ บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าววว่า งานบ้านและสวนแฟร์ ในปีนี้บริษัทใช้พื้นที่ในการจัดงานเพิ่มขึ้น10,000ตร.ม. และงบประมาณเพิ่มขึ้น15% จากเดิมปีที่ผ่านมา ใช้พื้นที่จัดงาน 50,000 ตร.ม. และใช้งบประมาณจัดเงิน 100ล้านบาท ในขณะที่จำนวนผู้ร่วมออกบูทในงานเพิ่มขึ้น 13%โดยสินค้ากลุ่มเฟอร์นิเจอร์ ของแต่งบ้านมีเพิ่มมากที่สุด 32% ส่วนสินค้าตกแต่งสวนและต้นไม้เพิ่มขึ้น 3 % โดยคาดว่าผู้เข้าชมงานจะไม่ต่ำกว่า8.7 แสนคน ซึ่งสูงกว่าปีก่อน 5%และคาดว่าจะมีเงินสะพัดกว่า 5,000 ล้านบาท