00 เริ่มไคลแม็กซ์เข้ามาเรื่อยๆ สำหรับ “สงครามชิงเมือง” ที่ ทักษิณ ชินวัตร กับพวกกำลังจะก่อขึ้นมาในต้นปีหน้าเป็นต้นไป หากว่ากันไปแล้วในเวลานี้ถือว่าเป็นช่วงกำลังโหมโรงสะสมกำลังและเสบียงก็ว่ากันไป หากสังเกตให้ดีก็จะเห็นว่าฝ่าย “นักโทษหน้าเหลี่ยม” กำลังสร้างกระแสให้ดูรุนแรงอย่างผิดปกติ ทั้งในเรื่องเอกสารลับของ “บัวแก้ว” ที่อ้างว่าต้องการกำจัดตัวเอง
00 นาทีนี้วิธีการสกปรกเท่าที่หาได้จะต้องถูกงัดขึ้นมาเล่นงานฝ่ายรัฐบาล เพื่อสร้างกระแสความเกลียดชัง ทำทุกอย่างเพื่อบิดเบือนความจริง เพื่อ “เรียกแขก” ออกมาให้มากที่สุด ไม่เชื่อลองหมุนคลื่นวิทยุ และสื่อโทรทัศน์ดาวเทียมเสื้อแดง รวมไปถึงการโฟนอินทุกเวทีในต่างจังหวัดก็ดำเนินไปอย่างถี่ยิบ บางครั้งคนเลวๆ แบบนี้มัน “น่ากำจัด” จริงๆพับผ่า !!
00 ได้ยินศาลนัดไต่สวนเพิ่มอีกสองนัดในเดือนมกราคม คือวันที่ 12 และ 14 มกราคมปีหน้าสำหรับคดีอายัดทรัพย์ “แม้ว” 7.6 หมื่นล้าน หลังจากเสร็จสิ้นการให้ปากคำของพยานฝ่ายโจทก์ปากคำสัญสองปากคือ สุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ และ กล้านรงค์ จันทิก อดีต คตส. ถ้าแยกพิจารณาเฉพาะคำให้การถือว่ามัดตราสังข์ ใส่โลงได้เลย
00 อย่างไรก็ดี การที่ศาลนัดไต่สวนเพิ่มอีกสองครั้งรวมทั้งเรียกเอกสารเพิ่มเติมอีกนั้นหากมองในแง่ดี ก็เพื่อต้องการปิดคำครหา และเพื่อความเป็นธรรมและรอบคอบไร้ช่องโหว่ เพราะเอกสารที่ต้องการเพิ่มก็เป็นเอกสารที่เกี่ยวกับบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการซุกหุ้นของทักษิณกับครอบครัวทั้งสิ้น โดยเฉพาะกรณีของ แอสซีแอสเสท ที่เคยเป็นต้นเหตุสั่งย้าย “สุนัย มโนมัยอุดม” พ้นจากอธิบดีดีเอสไอมาแล้ว มองในมุมนี้หากศาลได้ดูเอกสารจากข้อมูลใหม่ก็น่าจะยิ่งมัดคอแน่นยิ่งขึ้นไปอีก แต่เอาเถอะขอให้เป็นดุลพินิจของศาลยุติธรรม อย่าไปก้าวล่วงและรอให้ถึงวันตัดสินก็แล้วกัน
00 ยังไม่วายมีข้อสงสัยตามมาแม้จะมีคำแถลงยืนยันชัดเจนจากปาก พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ แล้วว่า “สื่อตีความผิด” หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ “บิดเบือน” พร้อมย้ำไม่มีอำนาจที่จะเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยกับ “ทักษิณ ชินวัตร” มันก็น่าจะเป็นอย่างนั้น ใครที่ทำผิดถูกศาลตัดสินลงโทษไปแล้วก็ต้องเป็นไปตามคำพิพากษา ไม่มีใครหน้าไหนจะมาลบล้างได้ ไม่งั้นมันก็ป่วนกันไปไม่จบสิ้น บ้านเมืองไม่มีขื่อแป แต่ที่สงสัยไม่หายก็คือเมื่อรู้แล้วว่าถูกแปลงสาร แปลเจตนาผิด แต่แล้วทำไมต้องปล่อยไว้นานถึง 3-4 วัน
00 มันก็ช่วยไม่ได้ที่ยังมีคนส่วนหนึ่งอดสงสัยไม่ได้ว่าที่ต้องออกมาพูดบอกปัด เป็นเพราะประเมินจากกระแสที่มีแต่คนรุมด่า รวมไปถึงมีคนสะกิดให้รีบออกมาเปิดตัวโดยพลันหรือเปล่า ขณะเดียวหากมองย้อนกลับไปในอดีตตั้งแต่เป็นนายกฯถ้าพูดกันแบบตรงไปตรงมายังมีหลายเรื่องที่ยังคาใจโดยเฉพาะสมญานาม “สู้แล้วหยุด” แล้วทำไมถึง “หยุด” นี่ก็เคยเป็นคำถามในอดีตเสียด้วยซี !!
00 ในกรณีเดียวกันมองอีกมุมมันก็สะท้อนให้เห็นชัดเจนแล้วว่าสังคมส่วนใหญ่รับไม่ได้กับคนที่ถูกศาลตัดสินลงโทษแล้วยังบ่ายเบี่ยงไม่ยอมรับผิด จึงไม่เห็นด้วยกับการจะเปิดเจรจา ถ้าพิจาราณากันแบบนี้มันก็มองเห็นความหวังกันมากขึ้นว่าต่อไปใครจะมามั่วไม่ได้
00 ขอให้ปากดีไปให้ตลอดก็แล้วกัน สำหรับ “ตู่-ของลับ” เพราะล่าสุดทาง “บัวแก้ว” เอาจริงเอาจังกับการดำเนินคดีกับ จตุพร พรหมพันธุ์ กรณีเผยแพร่เอกสารลับ แถมยังนำมาบิดเบือนทำให้ต่างชาติได้รับรู้และได้ประโยชน์ผิดกฎหมายหลายมาตรา ขอให้โชคดีก็แล้วกัน !!
00 นาทีนี้วิธีการสกปรกเท่าที่หาได้จะต้องถูกงัดขึ้นมาเล่นงานฝ่ายรัฐบาล เพื่อสร้างกระแสความเกลียดชัง ทำทุกอย่างเพื่อบิดเบือนความจริง เพื่อ “เรียกแขก” ออกมาให้มากที่สุด ไม่เชื่อลองหมุนคลื่นวิทยุ และสื่อโทรทัศน์ดาวเทียมเสื้อแดง รวมไปถึงการโฟนอินทุกเวทีในต่างจังหวัดก็ดำเนินไปอย่างถี่ยิบ บางครั้งคนเลวๆ แบบนี้มัน “น่ากำจัด” จริงๆพับผ่า !!
00 ได้ยินศาลนัดไต่สวนเพิ่มอีกสองนัดในเดือนมกราคม คือวันที่ 12 และ 14 มกราคมปีหน้าสำหรับคดีอายัดทรัพย์ “แม้ว” 7.6 หมื่นล้าน หลังจากเสร็จสิ้นการให้ปากคำของพยานฝ่ายโจทก์ปากคำสัญสองปากคือ สุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ และ กล้านรงค์ จันทิก อดีต คตส. ถ้าแยกพิจารณาเฉพาะคำให้การถือว่ามัดตราสังข์ ใส่โลงได้เลย
00 อย่างไรก็ดี การที่ศาลนัดไต่สวนเพิ่มอีกสองครั้งรวมทั้งเรียกเอกสารเพิ่มเติมอีกนั้นหากมองในแง่ดี ก็เพื่อต้องการปิดคำครหา และเพื่อความเป็นธรรมและรอบคอบไร้ช่องโหว่ เพราะเอกสารที่ต้องการเพิ่มก็เป็นเอกสารที่เกี่ยวกับบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการซุกหุ้นของทักษิณกับครอบครัวทั้งสิ้น โดยเฉพาะกรณีของ แอสซีแอสเสท ที่เคยเป็นต้นเหตุสั่งย้าย “สุนัย มโนมัยอุดม” พ้นจากอธิบดีดีเอสไอมาแล้ว มองในมุมนี้หากศาลได้ดูเอกสารจากข้อมูลใหม่ก็น่าจะยิ่งมัดคอแน่นยิ่งขึ้นไปอีก แต่เอาเถอะขอให้เป็นดุลพินิจของศาลยุติธรรม อย่าไปก้าวล่วงและรอให้ถึงวันตัดสินก็แล้วกัน
00 ยังไม่วายมีข้อสงสัยตามมาแม้จะมีคำแถลงยืนยันชัดเจนจากปาก พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ แล้วว่า “สื่อตีความผิด” หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ “บิดเบือน” พร้อมย้ำไม่มีอำนาจที่จะเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยกับ “ทักษิณ ชินวัตร” มันก็น่าจะเป็นอย่างนั้น ใครที่ทำผิดถูกศาลตัดสินลงโทษไปแล้วก็ต้องเป็นไปตามคำพิพากษา ไม่มีใครหน้าไหนจะมาลบล้างได้ ไม่งั้นมันก็ป่วนกันไปไม่จบสิ้น บ้านเมืองไม่มีขื่อแป แต่ที่สงสัยไม่หายก็คือเมื่อรู้แล้วว่าถูกแปลงสาร แปลเจตนาผิด แต่แล้วทำไมต้องปล่อยไว้นานถึง 3-4 วัน
00 มันก็ช่วยไม่ได้ที่ยังมีคนส่วนหนึ่งอดสงสัยไม่ได้ว่าที่ต้องออกมาพูดบอกปัด เป็นเพราะประเมินจากกระแสที่มีแต่คนรุมด่า รวมไปถึงมีคนสะกิดให้รีบออกมาเปิดตัวโดยพลันหรือเปล่า ขณะเดียวหากมองย้อนกลับไปในอดีตตั้งแต่เป็นนายกฯถ้าพูดกันแบบตรงไปตรงมายังมีหลายเรื่องที่ยังคาใจโดยเฉพาะสมญานาม “สู้แล้วหยุด” แล้วทำไมถึง “หยุด” นี่ก็เคยเป็นคำถามในอดีตเสียด้วยซี !!
00 ในกรณีเดียวกันมองอีกมุมมันก็สะท้อนให้เห็นชัดเจนแล้วว่าสังคมส่วนใหญ่รับไม่ได้กับคนที่ถูกศาลตัดสินลงโทษแล้วยังบ่ายเบี่ยงไม่ยอมรับผิด จึงไม่เห็นด้วยกับการจะเปิดเจรจา ถ้าพิจาราณากันแบบนี้มันก็มองเห็นความหวังกันมากขึ้นว่าต่อไปใครจะมามั่วไม่ได้
00 ขอให้ปากดีไปให้ตลอดก็แล้วกัน สำหรับ “ตู่-ของลับ” เพราะล่าสุดทาง “บัวแก้ว” เอาจริงเอาจังกับการดำเนินคดีกับ จตุพร พรหมพันธุ์ กรณีเผยแพร่เอกสารลับ แถมยังนำมาบิดเบือนทำให้ต่างชาติได้รับรู้และได้ประโยชน์ผิดกฎหมายหลายมาตรา ขอให้โชคดีก็แล้วกัน !!