ASTVผู้จัดการรายวัน - “ASTVผู้จัดการรายวัน - “ทีเอ็นเอส รีเสิร์ช” ชี้ปี53 คนไทยยังกังวลเรื่องการเมืองและเศรษฐกิจ ตื่นตัวเรื่องสิ่งแวดล้อม โอกาสทองสินค้าที่หันมารักษ์สิ่งแวดล้อม ตลาดคนสูงอายุ น่าจับตา ” ชี้ปี53 คนไทยยังกังวลเรื่องการเมืองและเศรษฐกิจ ตื่นตัวเรื่องสิ่งแวดล้อม โอกาสทองสินค้าที่หันมารักษ์สิ่งแวดล้อม ตลาดคนสูงอายุ น่าจับตา
จากผลการสำรวจมุมมองของคนไทยในปี 2553 โดยบริษัท ทีเอ็นเอส รีเสิร์ช อินเตอร์เนชั่นแนล ดำเนอนธุรกิจในการให้คำปรึกษาและข้อมูลทางการตลาด พบว่า จากกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศกว่า 344 ตัวอย่าง ที่สำรวจเมื่อ วันที่ 30 พ.ย.-9ธ.ค. 2552 ชาวไทยจะยังคงระมัดระวังตัวในการดำเนินชีวิตในปี 2553 อยู่ เนื่องจากยังมีความกังวลในเรื่องของสถานการณ์ทางเศรษฐกิจโดยรวม และสถานการณ์ทางการเมือง รวมไปถึงสถานการณ์ทางการเงินของตนเองด้วย โดยมองว่าปีหน้าจะลดการใช้จ่ายลงมากยิ่งขึ้น
อีกทั้งยังพบด้วยว่า กลุ่มสำรวจส่วนใหญ่กว่า 84% ตระหนักในเรื่องของสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ดังนั้นมองว่าเป็นโอกาสที่ดีของกลุ่มสินค้าและบริการที่รับผลิดชอบต่อสังคม หรือร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จะมีโอกาสทางธุรกิจสูงมากในปีหน้า โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
และจากผลการสำรวจครั้งนี้ สามารถชี้ให้เห็นแนวโน้มในเชิงสังคมและแนวทางการตลาดได้ด้วย โดยพบว่า กลุ่มผู้บริโภคสูงวัย หรือกลุ่มประชากรที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป เริ่มมีสูงขึ้น และเป็นตลาดที่ใหญ่ น่าสนใจและยังไม่มีผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ได้อย่างชัดเจน แต่ตลาดกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีความต้องการทั้งทางร่างกายและจิตใจสูง ดังนั้นการที่จะทำตลาดเพื่อจับกลุ่มนี้ จะต้องพิจารณารูปแบบผลิตภัณฑ์ สูตร และบรรจุภัณฑ์ รวมถึงการจัดชั้นวางสินค้าแบบพิเศษด้วย
นอกจากนี้ยังพบว่า อินเตอร์เนตและเว็บ 2.0 มีอัตราการใช้งานสูงขึ้น ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสื่ออินเตอร์เนตได้ง่ายขึ้น ทำให้ผู้บริโภคมีการศึกษาข้อมูลอย่างดีก่อนตัดสินใจซื้อสินค้า ส่วนเว็บ 2.0 หรือคอนเท้นท์ที่สร้างโดยผู้บริโภคเองนั้น จัดว่าเป็นอีกช่องทางที่จะเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภค ดังนั้น คอมมูนิตี้เว็บ จะมีบทบาทมากขึ้นในปีหน้า
อย่างไรก็ตามผลการสำรวจครั้งนี้ พบว่า คนไทยให้ความสำคัญกับเรื่องของสุขภาพสูงขึ้น คิดเป็นสัดส่วนกว่า 64% ดังนั้นจึงมอว่าจะเป็นโอกาสทางการตลาดอีกปีสำหรับ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและอาหารเสริม รวมถึงสปา ศูนย์สุขภาพ และเครื่องสำอาง และสถานที่ออกกำลังกาย
ในแง่ของแนวโน้มการตลาด ปี2553 จะเป็นปีที่จะได้เห็นการใช้สื่อใหม่ๆมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างความหลากหลายและเข้าถึงกลุ่มผุ้บริโภคให้มีประสิทธิภาพ ในส่วนของผู้บริโภค จากกที่จะมีสินค้าให้เลือกมากขึ้น แต่จะเลือกซื้อที่เฉพาะเจาะจงกับตัวเองมากขึ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้นจะได้เห็นลักษณะการทำตลาดในรูปแบบจำเพราะเจาะจงเป็นตัวบุคคลสูง
จากผลการสำรวจมุมมองของคนไทยในปี 2553 โดยบริษัท ทีเอ็นเอส รีเสิร์ช อินเตอร์เนชั่นแนล ดำเนอนธุรกิจในการให้คำปรึกษาและข้อมูลทางการตลาด พบว่า จากกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศกว่า 344 ตัวอย่าง ที่สำรวจเมื่อ วันที่ 30 พ.ย.-9ธ.ค. 2552 ชาวไทยจะยังคงระมัดระวังตัวในการดำเนินชีวิตในปี 2553 อยู่ เนื่องจากยังมีความกังวลในเรื่องของสถานการณ์ทางเศรษฐกิจโดยรวม และสถานการณ์ทางการเมือง รวมไปถึงสถานการณ์ทางการเงินของตนเองด้วย โดยมองว่าปีหน้าจะลดการใช้จ่ายลงมากยิ่งขึ้น
อีกทั้งยังพบด้วยว่า กลุ่มสำรวจส่วนใหญ่กว่า 84% ตระหนักในเรื่องของสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ดังนั้นมองว่าเป็นโอกาสที่ดีของกลุ่มสินค้าและบริการที่รับผลิดชอบต่อสังคม หรือร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จะมีโอกาสทางธุรกิจสูงมากในปีหน้า โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
และจากผลการสำรวจครั้งนี้ สามารถชี้ให้เห็นแนวโน้มในเชิงสังคมและแนวทางการตลาดได้ด้วย โดยพบว่า กลุ่มผู้บริโภคสูงวัย หรือกลุ่มประชากรที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป เริ่มมีสูงขึ้น และเป็นตลาดที่ใหญ่ น่าสนใจและยังไม่มีผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ได้อย่างชัดเจน แต่ตลาดกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีความต้องการทั้งทางร่างกายและจิตใจสูง ดังนั้นการที่จะทำตลาดเพื่อจับกลุ่มนี้ จะต้องพิจารณารูปแบบผลิตภัณฑ์ สูตร และบรรจุภัณฑ์ รวมถึงการจัดชั้นวางสินค้าแบบพิเศษด้วย
นอกจากนี้ยังพบว่า อินเตอร์เนตและเว็บ 2.0 มีอัตราการใช้งานสูงขึ้น ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสื่ออินเตอร์เนตได้ง่ายขึ้น ทำให้ผู้บริโภคมีการศึกษาข้อมูลอย่างดีก่อนตัดสินใจซื้อสินค้า ส่วนเว็บ 2.0 หรือคอนเท้นท์ที่สร้างโดยผู้บริโภคเองนั้น จัดว่าเป็นอีกช่องทางที่จะเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภค ดังนั้น คอมมูนิตี้เว็บ จะมีบทบาทมากขึ้นในปีหน้า
อย่างไรก็ตามผลการสำรวจครั้งนี้ พบว่า คนไทยให้ความสำคัญกับเรื่องของสุขภาพสูงขึ้น คิดเป็นสัดส่วนกว่า 64% ดังนั้นจึงมอว่าจะเป็นโอกาสทางการตลาดอีกปีสำหรับ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและอาหารเสริม รวมถึงสปา ศูนย์สุขภาพ และเครื่องสำอาง และสถานที่ออกกำลังกาย
ในแง่ของแนวโน้มการตลาด ปี2553 จะเป็นปีที่จะได้เห็นการใช้สื่อใหม่ๆมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างความหลากหลายและเข้าถึงกลุ่มผุ้บริโภคให้มีประสิทธิภาพ ในส่วนของผู้บริโภค จากกที่จะมีสินค้าให้เลือกมากขึ้น แต่จะเลือกซื้อที่เฉพาะเจาะจงกับตัวเองมากขึ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้นจะได้เห็นลักษณะการทำตลาดในรูปแบบจำเพราะเจาะจงเป็นตัวบุคคลสูง