ASTVผู้จัดการรายวัน- กระทรวงการต่างประเทศ ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง เอาผิด “ไอ้ตู่” ขายความลับชาติ หลังแฉ !เอกสารลับสัมพันธ์ไทย-เขมร อ้างกต.ไทยส่งสัญญาณ “ฆ่าทักษิณ-ปฏิวัติเขมร” ด้าน"เจ้ามูลเมือง"รับลูกครวญกำลังถูกจ้องเอาชีวิต
ที่พรรคเพื่อไทย 11.00 น. วานนี้ (18 ธ.ค.) นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มเสื้อแดง แถลงข่าว พร้อมนำสำเนาเอกสารมาแจกสื่อมวลชน โดยอ้างว่า เป็นเอกสารที่ กต.1303/2355 เรื่องแนวทางการดำเนินการกับปัญหาความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ลงนามโดย นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ทำถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 16 พ.ย. 52
นายจตุพร กล่าวว่า เอกสารดังกล่าวมีการดำเนินการตามเอกสารไปแล้วหลายส่วน ยกเว้นข้อ 4. เท่านั้น ที่น่าสนใจ เอกสารนี้ได้ดำเนินการและตั้งข้อกล่าวหาซึ่งอาจเป็นปัญหาต่อกฎหมายไทย อาทิ ข้อ 1. วิเคราะห์ท่าทีของฝ่ายกัมพูชา โดยระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นภัยหลัก
ส่วนข้อ 3. จุดหมายปลายทาง ต้องคำนึงถึงว่า จุดประสงค์ของไทยคือการปรับความสัมพันธ์สู่ปกติ ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง ในกัมพูชานั้น แสดงว่านายกษิต และกระทรวงต่างประเทศ มีข้อมูลว่า จะมีการปฏิวัติในกัมพูชา โดยมีการสนับสนุนจากฝ่ายไทย เมื่อกระทรวงต่างประเทศรู้ข่าวนี้ จึงออกมาพูดว่า ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงการปกครองในกัมพูชา แล้ว นายกษิตไปยุ่งอะไรเกี่ยวกับกระบวนการภายในกัมพูชา จึงออกมาบอกว่า จะมีการจัดความสัมพันธ์อย่างปกติ ถือเป็นการแทรกแซงการปกครองในกัมพูชาหรือไม่
"เอกสารยังมีการระบุ (1) มุ่งที่ต้นตอของปัญหา ขจัดภัยคุกคามหลักนั้น หมายถึงว่าต้องมีการฆ่าให้สิ้น ก่อนสิ้นปี 52 ถ้าไม่สำเร็จ ก็จะดำเนินการอีกใน เม.ย. 53 ในเอกสารนี้ ยังระบุถึงมาตรการตอบโต้ ตั้งแต่ระดับกลาง ไปถึงเลวร้ายที่สุดคือ ถ้ามีกิจกรรมเหมือนเป็นรัฐบาลพลัดถิ่น ต้องตัดความสัมพันธ์ และตอบโต้ทางทหาร ซึ่งถือเป็นความรุนแรงเท่ากับรัฐบาลเตรียมประกาศทำสงคราม" นายจตุพรกล่าวและว่า อยากให้นายกษิต ออกมาตอบโต้ เพราะแค่เอกสารนี้ก็มากพอ คือ 1. มีความพยายามจะแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมให้เร่งรัดคดี พ.ต.ท.ทักษิณ 2.ไปยุ่งเกี่ยวกิจกรรมภายในกัมพูชา 3. หมายเอาชีวิต พ.ต.ท.ทักษิณ 4. เตรียมประกาศสงคราม ดังนั้น ตนขอร้องนายอภิสิทธิ์ อย่าปรับนายกษิต ออกจากครม. ขอให้อยู่อย่างนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เอกสารมีเนื้อหาเช่น การวิเคราะห์ท่าทีของฝ่ายกัมพูชา ที่ชี้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นภัยหลัก มุ่งคุกคามความอยู่รอดของรัฐบาล อาศัยกลยุทธที่สำคัญ 2 ด้าน คือความร่วมมือจากนายกฯกัมพูชา และการเคลื่อนไหวของฝ่ายค้านต่างๆ ในประเทศ ขณะที่แนวทางการดำเนินการ เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์เป็นไปตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณและนายกฯ กัมพูชาคาดหวัง โดยไม่เริ่มมาตรการตอบโต้ และสร้างความเข้าใจที่ตรงกันระหว่างส่วนราชการ ให้ข้อมูลต่อฝ่ายต่างๆ โดยอาจพิจารณาเชิงให้ข้อมูลก่อน ซึ่งเป็นข้อเท็จจริง สร้างความเป็นเอกภาพในประเทศไทย รวมถึงรัฐบาลไทยเอง เพื่อมุ่งเป้าให้นายกฯ กัมพูชาประจักษ์ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่มีโอกาสได้คืนสู่อำนาจอีกครั้ง
ขณะที่เนื้อหาในเอกสารกลับไม่มีประเด็นที่นายจตุพร กล่าวอ้างว่า จะมีการปฏิวัติในกัมพูชา และความพยายามสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณอย่างชัดเจน แต่ได้ระบุไว้ว่า ต้นเหตุปัญหามาจากพ.ต.ท.ทักษิณ มุ่งทำลายความอยู่รอดของรัฐบาล การจัดการกับปัญหานี้ จึงจำเป็นต้องมุ่งไปที่ต้นตอของปัญหาด้วยการ ขจัดภัยคุกคามหลักและ แยกหรือทอนความร่วมมือระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณกับนายกฯ กัมพูชา
ทั้งนี้ เอกสารอีกฉบับที่ระบุถึง ตารางการส่งสัญญาณ และระดับความรุนแรงเพื่อเตรียมมาตรการป้องปรามและตอบโต้การกระทำของนายกฯ กัมพูชา อย่างเป็นขั้นเป็นตอน นั้นนายจตุพร ไม่ได้แจกจ่าย แต่นำมาประกอบการแถลงข่าว และแสดงให้ดูเป็นระยะเท่านั้น พร้อมกับอธิบายว่าเป็นเอกสารคล้ายสมัย คมช. ที่มีแผนปฏิบัติการจ้องทำลายพรรคพลังประชาชน
**แม้วรับลูกไอ้ตู่ อ้างถูกจ้องเอาชีวิต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (18 ธ.ค.)พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โพสต์ข้อความผ่านเว็บไซต์ทวิตเตอร์ ดอทคอมว่า "ขอบคุณมากครับที่อวยพรผมก่อนใครเลย เช่นกันครับ ปีใหม่ฟ้าใหม่ 2553 ขอให้มีความสุขมากๆขอให้เรื่องปัญญาอ่อนจนบ้านเมืองพัง ผ่านพ้นไปเร็ววัน เพิ่งกลับจากนั่งเฮลิคอปเตอร์ดูเมือง และการพัฒนากรุงพนมเปญกับท่านฮุนเซนมา เห็นชัดครับว่า มีการลงทุนเข้ามาพอสมควรใน 3 ปีที่ผ่านมา และมีน้ำเยอะมาก ขอบคุณมากๆ ครับ ช่วงนี้กำลังใจถือว่าเป็นยาชูกำลัง เรื่องราวไร้สาระมาก แต่เขาเอาจริงเอาจัง ถึงขั้นจะเอาชีวิต และแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม"
**เอาผิด"ไอ้ตู่"เผยความลับทางการ
ด้านนายธานี ทองภักดี รองอธิบดีกรมสารนิเทศ เปิดเผยว่า กระทรวงการต่างประเทศ เตรียมตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้และเตรียมประสานสำนักงานอัยการสูงสุด ตรวจสอบว่า การนำเอกสารลับดังกล่าวมาเปิดเผย มีความผิดตามพ.ร.บ.และระเบียบว่าด้วยการรักษาความลับของข้าราชการ พ.ศ.2544 หรือไม่ ทั้งนี้ ยอมรับว่าเอกสารนี้เป็นรายงานวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา ที่ละเอียดอ่อนและอาจกระทบกับความสัมพันธ์ แต่ยืนยันว่าไม่มีเนื้อหาที่สั่งการสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ หรือกวาดล้างกลุ่มคนเสื้อแดง
ด้าน นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่สมเด็จฮุนเซ็นพาดพิงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อาจจะเสียชีวิต หรือถูกจับกุมไปแล้ว ว่า เป็นการทำให้เกิดความเข้าใจผิด รัฐบาลไม่มีแผนการ พรรคฯมองว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างรัฐบาลไทย-กัมพูชา กำลังคลี่คลายลง
ส่วนนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวไม่เชื่อว่ารัฐบาลไทยจะเอาชีวิต พ.ต.ท.ทักษิณ
นายชวน ยังกล่าวถึงการที่กัมพูชาระบุว่า รัฐบาลไทยจะเอาชีวิต พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นตนคิดว่า กัมพูชาคงจะได้รับข้อมูลข่าวสาร ที่ไม่ถูกต้อง และที่ฝ่ายค้านพยายามจะโยงเรื่องนี้ไปอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนั้น นายชวน กล่าวว่า ฝ่ายค้านต้องดูข้อเท็จริงว่าอะไรเป็นอะไร ไม่จำเป็นต้องเข้าข้างรัฐบาลไทย แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ควรตกเป็นเครื่องของรัฐบาลประเทศอื่นในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ขอให้ยืนอยู่บนความจริงเป็นหลัก
นายชวนกล่าวด้วยว่า รัฐบาลควรทำเรื่องขอตัว พ.ต.ท.ทักษิณ และนายจักรภพ เพ็ญแข ตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน เพราะถ้าไม่ทำก็ถือว่าละเลยการปฏิบัติหน้าที่ที่ควรกระทำ ถึงแม้จะถูกรัฐบาลกัมพูชาปฏิเสธก็ตาม เราอย่าไปคิดตามเขาก็แล้วกัน อย่าไปคิดว่า ถ้าเปลี่ยนตัวนายกฯ และรัฐบาลความสัมพันธ์ จะดีขึ้น ปล่อยให้เขาคิดอยู่ฝ่ายเดียว ให้คิดว่าเราก็ต้องทำตามกรอบกฎหมายของเราไป ไม่ใช่ว่ารัฐบาลอาฆาตแค้น หรือเจตนาร้ายกับผู้หนึ่งผู้ใดเป็นการเฉพาะ แต่ใครกระทำความผิด คนนั้นก็เป็นผู้ที่รัฐบาลไทยต้องเอาตัวมาลงโทษ อย่าไปมองว่าเป็นการไล่ล่า ซึ่ง ความจริงไม่ใช่
ที่พรรคเพื่อไทย 11.00 น. วานนี้ (18 ธ.ค.) นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มเสื้อแดง แถลงข่าว พร้อมนำสำเนาเอกสารมาแจกสื่อมวลชน โดยอ้างว่า เป็นเอกสารที่ กต.1303/2355 เรื่องแนวทางการดำเนินการกับปัญหาความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ลงนามโดย นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ทำถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 16 พ.ย. 52
นายจตุพร กล่าวว่า เอกสารดังกล่าวมีการดำเนินการตามเอกสารไปแล้วหลายส่วน ยกเว้นข้อ 4. เท่านั้น ที่น่าสนใจ เอกสารนี้ได้ดำเนินการและตั้งข้อกล่าวหาซึ่งอาจเป็นปัญหาต่อกฎหมายไทย อาทิ ข้อ 1. วิเคราะห์ท่าทีของฝ่ายกัมพูชา โดยระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นภัยหลัก
ส่วนข้อ 3. จุดหมายปลายทาง ต้องคำนึงถึงว่า จุดประสงค์ของไทยคือการปรับความสัมพันธ์สู่ปกติ ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง ในกัมพูชานั้น แสดงว่านายกษิต และกระทรวงต่างประเทศ มีข้อมูลว่า จะมีการปฏิวัติในกัมพูชา โดยมีการสนับสนุนจากฝ่ายไทย เมื่อกระทรวงต่างประเทศรู้ข่าวนี้ จึงออกมาพูดว่า ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงการปกครองในกัมพูชา แล้ว นายกษิตไปยุ่งอะไรเกี่ยวกับกระบวนการภายในกัมพูชา จึงออกมาบอกว่า จะมีการจัดความสัมพันธ์อย่างปกติ ถือเป็นการแทรกแซงการปกครองในกัมพูชาหรือไม่
"เอกสารยังมีการระบุ (1) มุ่งที่ต้นตอของปัญหา ขจัดภัยคุกคามหลักนั้น หมายถึงว่าต้องมีการฆ่าให้สิ้น ก่อนสิ้นปี 52 ถ้าไม่สำเร็จ ก็จะดำเนินการอีกใน เม.ย. 53 ในเอกสารนี้ ยังระบุถึงมาตรการตอบโต้ ตั้งแต่ระดับกลาง ไปถึงเลวร้ายที่สุดคือ ถ้ามีกิจกรรมเหมือนเป็นรัฐบาลพลัดถิ่น ต้องตัดความสัมพันธ์ และตอบโต้ทางทหาร ซึ่งถือเป็นความรุนแรงเท่ากับรัฐบาลเตรียมประกาศทำสงคราม" นายจตุพรกล่าวและว่า อยากให้นายกษิต ออกมาตอบโต้ เพราะแค่เอกสารนี้ก็มากพอ คือ 1. มีความพยายามจะแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมให้เร่งรัดคดี พ.ต.ท.ทักษิณ 2.ไปยุ่งเกี่ยวกิจกรรมภายในกัมพูชา 3. หมายเอาชีวิต พ.ต.ท.ทักษิณ 4. เตรียมประกาศสงคราม ดังนั้น ตนขอร้องนายอภิสิทธิ์ อย่าปรับนายกษิต ออกจากครม. ขอให้อยู่อย่างนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เอกสารมีเนื้อหาเช่น การวิเคราะห์ท่าทีของฝ่ายกัมพูชา ที่ชี้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นภัยหลัก มุ่งคุกคามความอยู่รอดของรัฐบาล อาศัยกลยุทธที่สำคัญ 2 ด้าน คือความร่วมมือจากนายกฯกัมพูชา และการเคลื่อนไหวของฝ่ายค้านต่างๆ ในประเทศ ขณะที่แนวทางการดำเนินการ เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์เป็นไปตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณและนายกฯ กัมพูชาคาดหวัง โดยไม่เริ่มมาตรการตอบโต้ และสร้างความเข้าใจที่ตรงกันระหว่างส่วนราชการ ให้ข้อมูลต่อฝ่ายต่างๆ โดยอาจพิจารณาเชิงให้ข้อมูลก่อน ซึ่งเป็นข้อเท็จจริง สร้างความเป็นเอกภาพในประเทศไทย รวมถึงรัฐบาลไทยเอง เพื่อมุ่งเป้าให้นายกฯ กัมพูชาประจักษ์ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่มีโอกาสได้คืนสู่อำนาจอีกครั้ง
ขณะที่เนื้อหาในเอกสารกลับไม่มีประเด็นที่นายจตุพร กล่าวอ้างว่า จะมีการปฏิวัติในกัมพูชา และความพยายามสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณอย่างชัดเจน แต่ได้ระบุไว้ว่า ต้นเหตุปัญหามาจากพ.ต.ท.ทักษิณ มุ่งทำลายความอยู่รอดของรัฐบาล การจัดการกับปัญหานี้ จึงจำเป็นต้องมุ่งไปที่ต้นตอของปัญหาด้วยการ ขจัดภัยคุกคามหลักและ แยกหรือทอนความร่วมมือระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณกับนายกฯ กัมพูชา
ทั้งนี้ เอกสารอีกฉบับที่ระบุถึง ตารางการส่งสัญญาณ และระดับความรุนแรงเพื่อเตรียมมาตรการป้องปรามและตอบโต้การกระทำของนายกฯ กัมพูชา อย่างเป็นขั้นเป็นตอน นั้นนายจตุพร ไม่ได้แจกจ่าย แต่นำมาประกอบการแถลงข่าว และแสดงให้ดูเป็นระยะเท่านั้น พร้อมกับอธิบายว่าเป็นเอกสารคล้ายสมัย คมช. ที่มีแผนปฏิบัติการจ้องทำลายพรรคพลังประชาชน
**แม้วรับลูกไอ้ตู่ อ้างถูกจ้องเอาชีวิต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (18 ธ.ค.)พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โพสต์ข้อความผ่านเว็บไซต์ทวิตเตอร์ ดอทคอมว่า "ขอบคุณมากครับที่อวยพรผมก่อนใครเลย เช่นกันครับ ปีใหม่ฟ้าใหม่ 2553 ขอให้มีความสุขมากๆขอให้เรื่องปัญญาอ่อนจนบ้านเมืองพัง ผ่านพ้นไปเร็ววัน เพิ่งกลับจากนั่งเฮลิคอปเตอร์ดูเมือง และการพัฒนากรุงพนมเปญกับท่านฮุนเซนมา เห็นชัดครับว่า มีการลงทุนเข้ามาพอสมควรใน 3 ปีที่ผ่านมา และมีน้ำเยอะมาก ขอบคุณมากๆ ครับ ช่วงนี้กำลังใจถือว่าเป็นยาชูกำลัง เรื่องราวไร้สาระมาก แต่เขาเอาจริงเอาจัง ถึงขั้นจะเอาชีวิต และแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม"
**เอาผิด"ไอ้ตู่"เผยความลับทางการ
ด้านนายธานี ทองภักดี รองอธิบดีกรมสารนิเทศ เปิดเผยว่า กระทรวงการต่างประเทศ เตรียมตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้และเตรียมประสานสำนักงานอัยการสูงสุด ตรวจสอบว่า การนำเอกสารลับดังกล่าวมาเปิดเผย มีความผิดตามพ.ร.บ.และระเบียบว่าด้วยการรักษาความลับของข้าราชการ พ.ศ.2544 หรือไม่ ทั้งนี้ ยอมรับว่าเอกสารนี้เป็นรายงานวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา ที่ละเอียดอ่อนและอาจกระทบกับความสัมพันธ์ แต่ยืนยันว่าไม่มีเนื้อหาที่สั่งการสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ หรือกวาดล้างกลุ่มคนเสื้อแดง
ด้าน นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่สมเด็จฮุนเซ็นพาดพิงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อาจจะเสียชีวิต หรือถูกจับกุมไปแล้ว ว่า เป็นการทำให้เกิดความเข้าใจผิด รัฐบาลไม่มีแผนการ พรรคฯมองว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างรัฐบาลไทย-กัมพูชา กำลังคลี่คลายลง
ส่วนนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวไม่เชื่อว่ารัฐบาลไทยจะเอาชีวิต พ.ต.ท.ทักษิณ
นายชวน ยังกล่าวถึงการที่กัมพูชาระบุว่า รัฐบาลไทยจะเอาชีวิต พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นตนคิดว่า กัมพูชาคงจะได้รับข้อมูลข่าวสาร ที่ไม่ถูกต้อง และที่ฝ่ายค้านพยายามจะโยงเรื่องนี้ไปอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนั้น นายชวน กล่าวว่า ฝ่ายค้านต้องดูข้อเท็จริงว่าอะไรเป็นอะไร ไม่จำเป็นต้องเข้าข้างรัฐบาลไทย แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ควรตกเป็นเครื่องของรัฐบาลประเทศอื่นในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ขอให้ยืนอยู่บนความจริงเป็นหลัก
นายชวนกล่าวด้วยว่า รัฐบาลควรทำเรื่องขอตัว พ.ต.ท.ทักษิณ และนายจักรภพ เพ็ญแข ตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน เพราะถ้าไม่ทำก็ถือว่าละเลยการปฏิบัติหน้าที่ที่ควรกระทำ ถึงแม้จะถูกรัฐบาลกัมพูชาปฏิเสธก็ตาม เราอย่าไปคิดตามเขาก็แล้วกัน อย่าไปคิดว่า ถ้าเปลี่ยนตัวนายกฯ และรัฐบาลความสัมพันธ์ จะดีขึ้น ปล่อยให้เขาคิดอยู่ฝ่ายเดียว ให้คิดว่าเราก็ต้องทำตามกรอบกฎหมายของเราไป ไม่ใช่ว่ารัฐบาลอาฆาตแค้น หรือเจตนาร้ายกับผู้หนึ่งผู้ใดเป็นการเฉพาะ แต่ใครกระทำความผิด คนนั้นก็เป็นผู้ที่รัฐบาลไทยต้องเอาตัวมาลงโทษ อย่าไปมองว่าเป็นการไล่ล่า ซึ่ง ความจริงไม่ใช่
