ASTVผู้จัดการรายวัน – อีเวนต์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์หาย 1,000 ล้าน ฉุดภาพรวมตลาดอีเวนต์ มูลค่า 12,000 ล้านบาท เติบโตลดลง 5% ปีหน้าลุ้นการเมือง อีเวนต์ภาครัฐผลักตลาดโต10% เชื่ออีเวนต์ภาคเอกชนรถยนต์กลับมาบูม “ซีเอ็มโอ” คว้าโอกาสเขตการค้าเสรีอาเซียน บุกตลาดอาเซียน 6 ประเทศ พร้อมลงทุนเพิ่ม 50 ล้านบาท มั่นใจโกยรายได้โตแน่ 20% จาก 800 ล้านบาทในปีนี้
นายเสริมคุณ คุณาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีเอ็มออการ์ไนเซอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ ซีเอ็มโอกรุ๊ป เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจอีเว้นท์มูลค่า 12,000 ล้านบาท ตลอดทั้งปีนี้ เชื่อว่าจะมีมูลค่าลดลง 5% ส่วนสำคัญมาจากอีเวนต์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่ถูกกฏหมายควบคุม ส่งผลให้เม็ดเงินหายไปร่วมหลายร้อยถึง 1,000 ล้านบาท ซึ่งในส่วนของอีเวนต์ภาครัฐนั้น ปีนี้ยังไม่เห็นผล เพราะเพิ่งเข้ามามีบทบาทช่วงครึ่งปีหลังเท่านั้น
แต่ในปีหน้ากลุ่มอีเวนต์ภาครัฐ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะผลักดันให้ตลาดรวมอีเวนต์เติบโตได้แน่ 10% แต่ทั้งนี้ก็ต้องรอดูทิศทางทางการเมืองเป็นสำคัญ โดยเฉพาะช่วงเดือนก.พ.ปีหน้าที่จะมีการพิจารณาคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาท ของอดีตนายกทักษิณ ชินวัตร นอกจากนี้ในกลุ่มเอกชน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมรถยนต์ เชื่อว่า อีเวนต์จะกลับมาจัดกันมากขึ้น ขณะที่กลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ปีหน้าจะยังคงหายไป
ในส่วนของซีเอ็มโอกรุ๊ป ช่วงปีที่ผ่านมา จากการที่ทางประเทศกัมพูชา ได้หยุดให้บริษัทบริหารการจัดงาน แสงสีเสียง นครวัด ส่งผลให้รายได้หายไป 20 ล้านบาท รวมถึงปัญหาทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ได้ส่งผลต่อภาพรวมธุรกิจอีเวนต์ของบริษัทพอสมควร ดังนั้นจากสิ้นปีนี้ที่คาดว่าจะมีรายได้ราว 700-800 ล้านบาท พบว่าทำได้เพียง 92% ของรายได้ที่ตั้งไว้ หรือทำได้น้อยกว่าเป้าที่วางไว้ 8% ขณะที่ปีนี้คาดว่าจะมีกำไรดีกว่าปีก่อน ที่ประสบปัญหาขาดทุนอยู่ 14 ล้านบาท
ส่วนในปีหน้านั้น จากการเปิดเสรีการค้าอาเซียน ทางบริษัทเตรียมที่จะรุกธุรกิจอีเวนต์แบบครบวงจรไปยังหลายๆประเทศในอาเซียนด้วย เบื้องต้นที่จะเข้าไปทำธุรกิจมีอยู่ 6 ประเทศ คือ เวียดนาม, ลาว, กัมพูชา, มาเลเซีย, สิงคโปร์ และพม่า โดยลาวและกัมพูชา ได้เข้าไปทำธุรกิจบ้างแล้ว ทั้งนี้เบื้องต้นในปีหน้าตั้งเป้าจัดงานอีเวนต์ในอาเซียนทั้งขนาดเล็กและใหญ่ จำนวน 20 งาน ไม่รวมการให้เช่าอุปกรณ์ต่างๆ นอกจากนี้ปีหน้าบริษัทเตรียมลงทุนเพิ่มอีก 50 ล้านบาท เน้นในเรื่องการสร้างเน็ตเวิร์คกับคู่ค้าในต่างประเทศ มากกว่าเข้าไปเปิดออฟฟิศเชียล รวมไปถึงการซื้ออุปกรณ์จัดงานอีเว้นท์เพิ่มเติม โดยเฉพาะจอ LED
อย่างไรก็ตาม จากปัจจุบันบริษัท มีบริษัทในกลุ่มจำนวน 9 บริษัท ได้แก่ พีเอ็ม เซ็นเตอร์ ดูแลอีเวนต์ซัพพลายให้เช่าอุปกรณ์อีเวนต์, ดิอายส์ ผู้ผลิตมัลติมีเดียและโปรดักชั่นระดับสากล, เอ็กซ์โปเทค ดูแลการวางระบบวิศวกรรมและสาธารณูปโภคให้กับงานอีเวนต์, เวิร์คแมนชิป ให้บริการผลิตดิสก์เพลย์และฉากชั้นนำ, ซีเอ็ม ซีเอ็มอีให้บริการด้านการจัดการอีเวนต์และสื่อสารการตลาดองค์กร, ซีเอ็มอีเวนท์ ให้บริการบริหารงานอีเวนต์แบรนด์พิเศษ, ซีเม็กซ์ ให้บริการด้านการบริหารนิทรรศการและพิพิธภัณฑ์แบบครบวงจร, ซีเอ็มอาร์ท ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการงานศิลปะทุกรูปแบบ และซีเอ็มไมซ์ ซึ่งเปิดตัวได้ราว 3 เดือน เข้ามาบริหารจัดการงานประชุมและนิทรรศการนานาชาติอย่างครบวงจร
โดยปีหน้าบริษัทในเครือจะมีการต่อยอดการทำงานมากยิ่งขึ้น มั่นใจว่าอย่างน้อยปีหน้า ภาพรวมรายได้ของบริษัทจะมีอัตราการเติบโตที่ 20% มาจากรายได้ในประเทศ 90% และต่างประเทศ 10%
นายเสริมคุณ คุณาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีเอ็มออการ์ไนเซอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ ซีเอ็มโอกรุ๊ป เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจอีเว้นท์มูลค่า 12,000 ล้านบาท ตลอดทั้งปีนี้ เชื่อว่าจะมีมูลค่าลดลง 5% ส่วนสำคัญมาจากอีเวนต์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่ถูกกฏหมายควบคุม ส่งผลให้เม็ดเงินหายไปร่วมหลายร้อยถึง 1,000 ล้านบาท ซึ่งในส่วนของอีเวนต์ภาครัฐนั้น ปีนี้ยังไม่เห็นผล เพราะเพิ่งเข้ามามีบทบาทช่วงครึ่งปีหลังเท่านั้น
แต่ในปีหน้ากลุ่มอีเวนต์ภาครัฐ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะผลักดันให้ตลาดรวมอีเวนต์เติบโตได้แน่ 10% แต่ทั้งนี้ก็ต้องรอดูทิศทางทางการเมืองเป็นสำคัญ โดยเฉพาะช่วงเดือนก.พ.ปีหน้าที่จะมีการพิจารณาคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาท ของอดีตนายกทักษิณ ชินวัตร นอกจากนี้ในกลุ่มเอกชน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมรถยนต์ เชื่อว่า อีเวนต์จะกลับมาจัดกันมากขึ้น ขณะที่กลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ปีหน้าจะยังคงหายไป
ในส่วนของซีเอ็มโอกรุ๊ป ช่วงปีที่ผ่านมา จากการที่ทางประเทศกัมพูชา ได้หยุดให้บริษัทบริหารการจัดงาน แสงสีเสียง นครวัด ส่งผลให้รายได้หายไป 20 ล้านบาท รวมถึงปัญหาทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ได้ส่งผลต่อภาพรวมธุรกิจอีเวนต์ของบริษัทพอสมควร ดังนั้นจากสิ้นปีนี้ที่คาดว่าจะมีรายได้ราว 700-800 ล้านบาท พบว่าทำได้เพียง 92% ของรายได้ที่ตั้งไว้ หรือทำได้น้อยกว่าเป้าที่วางไว้ 8% ขณะที่ปีนี้คาดว่าจะมีกำไรดีกว่าปีก่อน ที่ประสบปัญหาขาดทุนอยู่ 14 ล้านบาท
ส่วนในปีหน้านั้น จากการเปิดเสรีการค้าอาเซียน ทางบริษัทเตรียมที่จะรุกธุรกิจอีเวนต์แบบครบวงจรไปยังหลายๆประเทศในอาเซียนด้วย เบื้องต้นที่จะเข้าไปทำธุรกิจมีอยู่ 6 ประเทศ คือ เวียดนาม, ลาว, กัมพูชา, มาเลเซีย, สิงคโปร์ และพม่า โดยลาวและกัมพูชา ได้เข้าไปทำธุรกิจบ้างแล้ว ทั้งนี้เบื้องต้นในปีหน้าตั้งเป้าจัดงานอีเวนต์ในอาเซียนทั้งขนาดเล็กและใหญ่ จำนวน 20 งาน ไม่รวมการให้เช่าอุปกรณ์ต่างๆ นอกจากนี้ปีหน้าบริษัทเตรียมลงทุนเพิ่มอีก 50 ล้านบาท เน้นในเรื่องการสร้างเน็ตเวิร์คกับคู่ค้าในต่างประเทศ มากกว่าเข้าไปเปิดออฟฟิศเชียล รวมไปถึงการซื้ออุปกรณ์จัดงานอีเว้นท์เพิ่มเติม โดยเฉพาะจอ LED
อย่างไรก็ตาม จากปัจจุบันบริษัท มีบริษัทในกลุ่มจำนวน 9 บริษัท ได้แก่ พีเอ็ม เซ็นเตอร์ ดูแลอีเวนต์ซัพพลายให้เช่าอุปกรณ์อีเวนต์, ดิอายส์ ผู้ผลิตมัลติมีเดียและโปรดักชั่นระดับสากล, เอ็กซ์โปเทค ดูแลการวางระบบวิศวกรรมและสาธารณูปโภคให้กับงานอีเวนต์, เวิร์คแมนชิป ให้บริการผลิตดิสก์เพลย์และฉากชั้นนำ, ซีเอ็ม ซีเอ็มอีให้บริการด้านการจัดการอีเวนต์และสื่อสารการตลาดองค์กร, ซีเอ็มอีเวนท์ ให้บริการบริหารงานอีเวนต์แบรนด์พิเศษ, ซีเม็กซ์ ให้บริการด้านการบริหารนิทรรศการและพิพิธภัณฑ์แบบครบวงจร, ซีเอ็มอาร์ท ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการงานศิลปะทุกรูปแบบ และซีเอ็มไมซ์ ซึ่งเปิดตัวได้ราว 3 เดือน เข้ามาบริหารจัดการงานประชุมและนิทรรศการนานาชาติอย่างครบวงจร
โดยปีหน้าบริษัทในเครือจะมีการต่อยอดการทำงานมากยิ่งขึ้น มั่นใจว่าอย่างน้อยปีหน้า ภาพรวมรายได้ของบริษัทจะมีอัตราการเติบโตที่ 20% มาจากรายได้ในประเทศ 90% และต่างประเทศ 10%