xs
xsm
sm
md
lg

สีICIรุกหนัก สร้างแบรนด์ เร่งปั๊มรายได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน – กลุ่มอั๊คโซ่ โนเบลฯ สั่งสีไอซีไอในไทยรุกตลาดครั้งใหญ่ ประกาศแผน 5 ปี ทุ่มงบสร้างแบรนด์ เร่งเพิ่มการรับรู้ของลูกค้า พร้อมลงทุนขยายเครื่องจักรผสมสี ลั่นต้องขยับส่วนแบ่งตลาดรวมให้มากขึ้น คาด5ปีสัดส่วนยอดขายจากกลุ่มผู้บริโภคเพิ่มเป็น80% จาก 40-50%

นายจรุง กาญจนภูมิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อั๊คโซ่ โนเบล เพ้นท์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงแผนการตลาดระยะยาวของบริษัทว่า หลังจากที่ กลุ่มอ๊คโซ่ฯ จากประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้เข้าซื้อกิจการสีไอซีไอในปี2551 ทำให้ในช่วงปี52ที่ผ่านมา บริษัทต้องหันมาปรับปรุงองค์กรและรูปแบบการบริหารงานภายในใหม่ ทำให้ในปีนี้ บริษัทยังไม่มีการดำเนินกิจกรรมทางการตลาดใหม่ๆอย่างชัดเจน โดยยังยึดแนวการตลาดแบบเดิมที่เคยดำเนินการมา
 
ล่าสุด หลังจากที่มีการกำหนดทิศทางและแผนการดำเนินการของบริษัทเรียบร้อยแล้ว ล่าสุดบริษัทแม่ ได้ให้เป้าหมายแก่บริษัทในไทย ภายใต้ ชื่อ “ วินนิ่งไทยแลนด์” โดยกำหนดแผนงานในระยะยาว 5 ปี ทั้งเป้าด้านการเพิ่มยอดขาย เพิ่มส่วนแบ่งในตลาดรวม และสร้างการรับรู้ในตราสินค้า (แบรนด์ อั๊คโซ่ โนเบล) ในกลุ่มผู้บริโภคให้มากขึ้น

โดยตั้งแต่ปี 2553 จะทุ่มงบลงทุนจำนวนหนึ่ง เพื่อสร้างการรับรู้ในแบรนด์ อั๊คโซ่ โนเบล ผ่านการตลาด สื่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์เป็นในสัดส่วน 90% ของงบการขยายการลงทุน และขยายการลงทุนด้านเครื่องจักร เป็นเครื่องผสมสีในร้านค้าตัวแทนจำหน่าย(ดีลเลอร์) ทั้งในส่วนของร้านค้าของดีลเลอร์ และร้านค้าในโมเดิร์น
เทรดในสัดส่วนงบประมาณ 10% ของลงทุนทั้งหมด คาดว่าผลบวกการขยายการลงทุนด้านเครื่องจักรผสมสี จะช่วยมีเครื่องผสมสีกระจายอยู่ในตลาดทั่วประเทศประมาณ 300 เครื่อง

ส่วนการทุ่มงบการลงทุนทางด้านการตลาด การสร้างแบรนด์ ผ่านการโฆษณาประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างการรับรู้ และการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ของผู้บริโภคในตัวผลิต ภัณฑ์ สี Dulux นั้น ซึ่งจะเน้นไปที่กลุ่มผู้บริโภคผ่านช่องทางการขายโมเดิร์นเทรด และตัวแทนจำหน่ายโดยตรง ซึ่งจะช่วยเพิ่มสัดส่วนยอดขายในกลุ่มผู้บริโภคให้มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 50-60% จากเดิมประมาณ 40-50% ซึ่งในระยะยาวบริษัทตั้งเป้าว่าจะช่วยให้สัดส่วนยอดขายจากกลุ่มผู้บริโภคขยับมาอยู่ที่ 80% ภายในช่วง 5 ปีข้างหน้า

“ปัจจุบันสัดส่วนยอดขายของบริษัทแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ การขายตรงกลุ่มผู้บริโภคผ่านตัวแทนจำหน่าย 40-50% การขายกลุ่มโครงการอสังหาริมทรัพย์ 10% และการขายกลุ่มลูกค้าช่างฝีมือ และบริษัทรับเหมาก่อสร้าง 30-40% และคาดว่าในอนาคตสัดส่วนการขายกลุ่มผู้บริโภคโดยตรงจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หรืออาจจะกล่าวได้ว่าในอนาคต พฤติกรรมการเลือกใช้ และทาสีโดยผู้บริโภคโดยตรงจะเพิ่มขึ้นจำนวนมากเช่นเดียวกับในต่างประเทศ”

นายจรุง กล่าวว่า การทุ่มงบการตลาดในการสร้างแบรนด์และการสร้างการรับรู้ในปีหน้า เป็นอีกความหวังหนึ่งที่จะสร้างให้ผู้บริโภครู้จักกับผลิตภัณฑ์ของ อั๊คโซ่ฯ และแบรนด์ของบริษัทอย่างแท้จริง และส่วนหนึ่งยังเป็นการสร้างพฤติกรรมการเลือกสีด้วยตัวของผู้บริโภคเอง และทาสีเอง เช่นเดียวกับในต่างประเทศให้มากขึ้น ทั้งนี้ ในต่างประเทศผู้บริโภคส่วนใหญ่จะเลือกสีและทาสีด้วยตัวเองกว่า 80-90% เนื่องจากสามารถตอบสนองความชอบ และรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้บริโภคได้ตรงความต้องการ

โดยในปี53 บริษัทจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งหมด 3 กลุ่ม คือ สีทาอาคารภายนอก สีทาอาคารภายใน และสีทาไม้

สำหรับภาพรวมตลาดสีในปี 2552 ประมาณการว่าจะมีมูลค่ารวม 10,600ล้านบาท ขยายตัวลดลงจากปี 51 ประมาณ 15-20% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจและปัญหาการเมือง ทำให้ตลาดอสังหาฯชะลอการพัฒนาที่อยู่อาศัย และกลุ่มผู้บริโภคชะลอการปรังปรุงบ้าน ส่งผลให้ตลาดรวมสีหดตัวลง แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงปลายปี 52 ตลาดอสังหาฯ และเศรษฐกิจโดยรวมเริ่มมีทิศทางที่ดี ทำให้คาดว่าในปีหน้าตลาดอุตสาหกรรม ตลาดที่อยู่อาศัย และกลุ่มผู้บริโภคมีความเชื่อมั่น เพิ่มมากขึ้นซึ่งจะส่งผลให้มีการขยายการลงทุนในช่วงต้นปีหน้า เพิ่มมากขึ้น

ในขณะเดียวกัน กลุ่มผู้บริโภคที่ชะลอการปรับปรุงบ้านในปีนี้ออกไป จะหันกลับมาปรับปรุงที่อยู่อาศัยในปีหน้า เนื่องจากมีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจที่มีทิศทางที่จะเติบโต ประกอบกับ กลุ่มบริษัท แลธุรกิจต่างๆ มีแนวโน้มจะจ่ายโบนัส และปรับขึ้นเงินเดือนแก่พนักงานในปีหน้า จะส่งผลให้ตลาดบ้านมีการปรับปรุงมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อตลาดสีโดยรวมด้วย

“ภาพรวมของตลาดสีในปีหน้า จะกลับมาเติบโตได้ในอัตรา 15-20% ในขณะที่บริษัทเองมีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถทำยอดขายเติบโตได้มากกว่าตลาดรวม เนื่องจากในปีนี้ บริษัททำยอดขายให้มีอัตราการเติบโตจากปีที่ผ่านกว่า 5% โดยคาดว่า บริษัทจะมีอัตราการเติบโตมากกว่าตลาดรวมได้กว่า 1 เท่าตัว.
กำลังโหลดความคิดเห็น