xs
xsm
sm
md
lg

NOBLEลุยเพิ่ม4คอนโดฯใหม่ ยืนยันคุมต้นทุนอยู่แม้ที่ดินแพง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน – "โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ "แย้มแผนปีหน้า ลุยผุดคอนโดมิเนียมใหม่อีก 4โครงการ ตามแนวรถไฟฟ้าBTS มูลค่ารวม 5.4 พันล้านบาท ล่าสุดตั้งงบซื้อที่ดินรองรับแล้ว 1.5 พันล้านบาท ผู้บริหารยืนยันราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้นไม่มีผลกระทบต่อต้นทุนค่าใช้จ่าย มองปีนี้ยอดขายแต่ 3.8พันล้าน รายได้เติบโตตามเป้าต้นปี ดันปันผลขยายตัวดีขึ้น ส่วนโบรกฯเชื่อมั่นธุรกิจ แนะนำเข้าลงทุน

นายธงชัย บุศราพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE เปิดเผยว่าปีหน้าบริษัทวางงบประมาณที่จะใช้เงินซื้อที่ดินเพิ่มจำนวน 1,500 ล้านบาท เพื่อนำมาพัฒนาเป็นโครงการใหม่ของบริษัทจำนวน 4 โครงการมูลค่ารวมของทุนโครงการเมื่อก่อสร้างเสร็จจะอยู่ที่ 5,400 ล้านบาท โดยขณะนี้ได้ใช้งบดังกล่าวซื้อที่ดินสำหรับก่อสร้างแล้ว 1 โครงการ จึงยังเหลืออยู่อีก 3โครงการที่กำลังพิจารณา

" งบซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการของเราอยู่ที่ 1,500 ล้านบาท เช่นเดียวกับปีนี้ แต่ในปี2552 เราใช้เงินในการซื้อดินไปเพียง 700 – 800 ล้านบาท โดยโครงการใหม่ทั้ง 4 โครงการของเราจะเป็นคอนโดมิเนียมทั้งหมด ทำเลจะอยู่ในย่ายเส้นทางของรถไฟฟ้าBTS ตารมสถานีต่างๆ แต่ยังไม่ใช่สถานีใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้น เพื่อรองรับกระแสตอบรับจากลูกค้าที่ชื่นชอบโครงการของเราที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก "

สำหรับเม็ดเงินที่ใช้ในการพัฒนาโครงการใหม่นั้น ทางNOBLE ระบุว่ายังเป็ฯกระแสเงินสดของบริษัท ส่วนการออกหุ้นกู้เพื่อระดมทุนมาใช้พัฒนาโครงการ และบริหารธุรกิจนั้น กรรมการผู้จัดการ โนเบิล ดีเวลลอปเม้นท์ กล่าวว่า ยังไม่ได้ตัดทิ้งไป ซึ่งกำลังพิจารณาอยู่ว่าจะออกเพิ่มเติมอีกหรือ แต่ต้องดูทิศทางเศรษฐกิจและแนวโน้มในปีหน้าก่อนที่จะตัดสินใจในเรื่องนี้อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม จากราคาที่ดินอสังหาริมทรัพย์ที่ปรับตัวสูงขึ้น ทางบริษัทยืนยันว่า ไม่มีผลกระทบต่อต้นทุนค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด เพราะมีการควบคุมต้นทุนในการดำเนินงานเป็นอย่างดี อีกทั้งเรื่องดังกล่าวเป็นไปตามภาวะปกติ เมื่อเศรษฐกิจมีการฟื้นตัว ราคาที่ดินย่อมมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปในทิศทางเดียวกันแน่ โดยอัตรากำไรขั้นต้น(Gross Margin) น่าจะอยู่ที่ระดับ37%

ขณะที่ มาตรการด้านภาษีซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่าภาครัฐบาลจะไม่มีการยืดมาตรการดังกล่าวออกไปอีกนั้น กรรมการผู้จัดการ NOBLE มองว่า เรื่องดังกล่าวจะไม่มีผลต่อโครางการใหม่ๆของบริษัท เพราะจะเป็นโครงการในตลาดคอนโดมิเนียม ส่วนในแนวราบมองว่าอาจมีผลต่อดีมานต์ในช่วงไตรมาส1ของปีหน้า

ส่วนความคืบหน้าในโครงการโนเบิล คิวบ์ ทาวน์เฮาส์ ทำเลย่านพัฒนาการ มูลค่ากว่า 2,300 ล้านบาท ล่าสุดในเฟส 1 (Solid) จากเดิมที่เหลืออยู่10 ยูนิต สามารถขายได้หมดแล้ว ขณะที่เฟส 2 ก็กำลังเดินการก่อสร้างอยู่คาดจะแล้วเสร็จในช่วงปลายไตรมาส 1 ถึงต้นไตรมาส2 ปี 2553 และสามารถเปิดขายให้แก่ลูกค้าที่สนใจได้ภายในไตรมาส 2/53 ทันที

"ขณะนี้ยอดขาย (Pre-Sale)ของเรา ณ ปัจจุบันอยู่ประมาณ 3,500 ล้านบาท นี่เหลือเวลาอีก 1 เดือนกว่าก็จะสิ้นปี เราคาดว่าจะอยู่ที่ 3,800 ล้านบาทได้ ทำให้อัตราการเติบโตทางธุรกิจปีนี้เป็นไปตามเป้าที่เราวางไว้ 10 -15% ขณะที่อัตราการจ่ายเงินปันผลในปีนี้ เราเชื่อว่าจะดีขึ้นกว่าปีก่อนเช่นกัน "

เมื่อเร็วๆนี้ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ได้จัดทำบทวิเคราะห์แนวโน้มทางธุรกิจของ NOBLE โดยระบุว่าภาพรวมแนวโน้มธุรกิจมีความสดใส ยอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) ณ สิ้น 3Q52 สูงเป็น 4.2 พันล้านบาท หลังจากเพิ่งประสบความสำเร็จในการขายคอนโดมิเนียม Noble Refine มูลค่าขาย 1.35 พันล้านบาท เมื่อปลาย ก.ย.52 ที่ผ่านมา ส่วนการขายทาวน์เฮ้าส์ NOBLE CUBE ทำเลย่านพัฒนาการก็เป็นไปได้ด้วยดี ปัจจุบันขายได้มากกว่า 140 ยูนิต แม้ว่าเฟส 1 จำนวน 120 ยูนิต ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จได้หมดไปก่อนหน้านี้แล้ว ในส่วนที่เหลืออีก 20 ยูนิต จะเป็นทาวน์เฮ้าส์ในลักษณะ semi-prebuilt ที่บริษัทกำลังก่อสร้างในเฟส 2 อีก 60 ยูนิต

สำหรับข้อดีของโครงการ NOBLE CUBE คือ ช่วยทำให้ยอดขายและรายได้จากโครงการแนวราบของบริษัทดีขึ้นมาก เทียบกับเดิมที่ขายแต่สต็อคบ้านเดี่ยว ซึ่งขายได้ไม่ดีนัก เพราะเป็นโครงการเก่า จึงคงคำแนะนำ" ซื้อ "ราคาพื้นฐานเป็น 4.85 บาท P/E ปี 53 ที่ใช้ในการประเมินเป็น 6.0 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ย P/E ในรอบ 4 ปีย้อนหลัง โดยเห็นว่าปัจจัยพื้นฐานบริษัทยังแข็งแกร่ง ด้วย Backlog ที่สูง และแนวโน้มอุตสาหกรรมที่อยู่อาศัยใน 2H52 ดีขึ้นกว่า h-o-h มาก ตามปัจจัยบวกเรื่องดอกเบี้ยที่ต่ำ ความมั่นใจผู้ซื้อบ้านที่ดีขึ้น ราคาบ้านที่ยังถูก (จากต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่ต่ำ) และมาตรการกระตุ้นอสังหาจากภาครัฐ นอกจากนี้คาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรสุทธิปี 52 ก็อยู่ในระดับสูงเป็น 21% y-o-y แม้ว่าปี 53 คาดว่าจะกลับลดลง 12% y-o-y แต่ก็เป็นเพราะหมดอายุการลดภาษีธุรกิจเฉพาะจากภาครัฐปลาย 1Q53 ส่วนอัตราผลตอบแทนเงินปันผลก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดีคือ ปี 52 และปี 53 ที่ 7.0% และ 6.1% ตามลำดับ
กำลังโหลดความคิดเห็น