xs
xsm
sm
md
lg

ถกรับมาบตาพุดวันนี้ ผวาLPG-ไฟฟ้าป่วน!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-ก.พลังงานนัดวันนี้ ถกประเมินผลกระทบมาบตาพุดต่อภาคอุตสาหกรรมปิโตรเคมี แอลพีจี น้ำมันและไฟฟ้า วิตกโรงแยกก๊าซฯ 6 หยุดฉุดแอลพีจีขาดแคลน ระบบไฟฟ้ามีปัญหา ขณะที่กองทุนน้ำมันฯ จ้องรีดเงินเพิ่ม "นายกฯ" สั่งรายงาน

นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า วันนี้ (14 ธ.ค.) จะเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประเมินผลกระทบต่อโครงการด้านพลังงานหลังมีคำสั่งระงับกิจการจากศาลปกครองสูงสุดกรณีปัญหามาบตาพุด รวมถึงการหาแนวทางการลดผลกระทบโดยเฉพาะบางโครงการเช่น โรงแยกก๊าซที่ 6ที่ยังไม่ชัดเจนว่าจะเปิดดำเนินการได้หรือไม่หากระงับไทยต้องนำเข้าก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี)สูงถึงเดือนละ1 แสนตันซึ่งราคาแอลพีจีสูงมากจะกระทบฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่เข้ามาจ่ายส่วนต่างราคานำเข้าอยู่ในขณะนี้

“คงจะต้องดูภาพรวมทำอย่างไรไม่ให้กระทบจนทำให้แอลพีจีขาดแคลน ส่วนระบบไฟฟ้าก็จะต้องดูว่าจะมีปัญหาหรือไม่เพราะบางโรงอาจได้รับผลกระทบหากไม่ได้รับใบอนุญาตดำเนินการจากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.)”รมว.พลังงานกล่าว

นายพรชัย รุจิประภา รองปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า วันนี้ (14ธ.ค.) รมว.พลังงานจะเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือถึงผลกระทบปัญหามาบตาพุด รวมถึงอาจพิจารณามาตรการรองรับโดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมปิโตรเคมี และโรงแยกก๊าซที่ 6 ซึ่งส่วนตัวแล้วอุตสาหกรรมปิโตรเคมียังมีส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในอีก 10ปีข้างหน้าเพราะธุรกิจในกลุ่มนี้ไทยมีความเข้มแข็งมีความครบวงจรยังจำเป็นจะต้องพัฒนาต่อเนื่อง

“ถ้าเราหยุดพัฒนาอุตสาหกรรมปิโตรเคมีเพื่อนบ้านเขาก็พัฒนาทั้งเวียดนามและมาเลเซียในไม่ช้าเขาก็ก้าวแทนเราได้ ผมเห็นว่าฐานเศรษฐกิจไทยจะต้องกระจายความเสี่ยงการลงทุนในภาคอุตสาหกรรม เกษตร ท่องเที่ยวและบริการและเราก็เลือกอุตสาหกรรมเป้าหมาย ดูช่วงวิกฤติปี’40เศรษฐกิจรวมเราแย่แต่เราได้ส่งออกมาช่วย ต่อมาส่งออกเราแย่เราก็ได้บริการและท่องเที่ยวช่วย สลับกันแบบนี้ดังนั้นเราไม่สามารถเลือกทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้จะต้องมีความสมดุลในการกระจายความเสี่ยงต่อระบบเศรษบกิจ”นายพรชัยกล่าว

**โรงแยกก๊าซ 6 สะดุดแอลพีจีวูบ

นายเพิ่มศักดิ์ ชีวาวัฒนานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน)กล่าวว่า หากโรงแยกก๊าซธรรมชาติโรงที่ 6 ของปตท.ถูกระงับการก่อสร้างจะทำให้ไม่สามารถดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ตามแผนและจะกระทบต่อลูกค้าต่างโดยเฉฑาะจะส่งผลต่อการแยกแอลพีจีที่จะหายไปจากระบบ 1ล้านตันต่อปีซึ่งตามแผนการเดินเครื่องผลิตจะเริ่มประมาณ มี.ค.2553

“การนำเข้าเวลานี้ยอมรับว่าราคาแอลพีจีตลาดโลกสูงกว่า 500 เหรียญต่อตัน ไทยจะต้องบริหารด้วยการนำเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาจ่ายส่วนต่างซึ่งเงินในกองทุนฯมีจำกัด ปีนี้มีการคาดการณ์ว่าจะต้องนำเข้าก๊าซหุงต้มสูงถึง 7 แสนตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.2 หมื่นล้านบาทแล้ว”นายเพิ่มศักดิ์กล่าว

**จับตารีดเงินกองทุนฯ เพิ่ม

แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า หากกองทุนน้ำมันฯต้องมีการจ่ายส่วนต่างเพิ่มขึ้นจากการนำเข้าแอลพีจีเพิ่มเพราะโรงแยกก๊าซฯ6ไม่สามารถเดินเครื่องผลิตตามแผนระยะสั้น2-3เดือนคงไม่กระทบฐานะกองทุนฯนักแต่หากระยะยาวจะทำให้ฐานะกองทุนฯติดลบได้ซึ่งแนวทางแก้ไขในที่สุดคงจะต้องเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเพิ่มในอนาคต

**เอกชนจี้รัฐชดเชยค่าเสียหาย

นายสุริยน วันเพ็ญ เลขาธิการกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ส.อ.ท.กล่าวว่า ทางกลุ่มฯมีความวิตกว่าหากโรงแยกก๊าซหน่วยที่ 6 ของปตท.ไม่สามารถเดินเครื่องผลิตตามแผนที่วางไว้จากกรณีคำสั่งศาลฯเกี่ยวกับการระงับกิจการจะกระทบต้นทุนการผลิตของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีโดยเฉพาะขั้นปลายเนื่องจากการนำเข้ามีราคาแพงและเมื่อเกิดการระงับกิจการจนเกิดความเสียหายก็จำเป็นที่ภาครัฐควรจะมีมาตรการเยียวยาเช่น การชดเชยค่าเสียหายหากไม่เช่นนั้นเศรษฐกิจไทยจะกระทบเป็นลูกโซ่ ดังนั้นทางออกคือทำอย่างไรให้กิจการที่ถูกระงับกลับมาดำเนินการต่อให้เร็วที่สุด

ทั้งนี้จุดยืนของภาคเอกชนไม่ได้ขาดความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนโดยยินดีทำทุกอย่างแต่ ขอเพียงให้ภาครัฐบาลในฐานะกำหนดกฏหมายให้เป็นไปตามมาตรา 67 วรรค 2 แห่งรัฐธรรมนูญปี 2550 จะต้องร่างระเบียบออกมาให้ชัดเจนถึงแนวทางปฏิบัติ
โดยต้องมีความเหมาะสมในเรื่องระยะเวลาที่ต้องชัดเจนด้วยหากไม่ชัดเจนธุรกิจก็จะไม่สามารถเดินหน้าได้แล้วไทยจะใช้ธุรกิจส่วนใดขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

นายวีรศักดิ์ โฆษิตไพศาล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.เคมีคอล จำกัด(มหาชน)กล่าวในฐานะประธานกลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติกส.อ.ท.ว่า หากโรงแยกก๊าซฯโรงที่ 6 ของ ปตท. สะดุดก็จะกระทบเป็นลูกโซ่ เพราะจะทำให้เม็ดพลาสติกส่วนเพิ่มใหม่จำนวน 1 ล้านตันของกลุ่ม ปตท.เคมีคอลได้รับผลกระทบทันที เพราะได้มีการทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าไว้แล้วและยังทำให้โครงการใหม่ที่มีแผนขยายกำลังการผลิตเม็ดพลาสติกความหนาแน่นต่ำและเม็ดพลาสติกชนิดความหนาแน่นสูงของกลุ่ม ปตท.และกลุ่มปูนซีเมนต์ที่มีกำลังการผลิตรวม 2 ล้านตันสะดุด ทำให้ต้องนำเข้าเม็ดพลาสติกจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้ขีดความสามารถการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยลดลงด้วย

**นายกฯ สั่งรายงานเหตุแก๊วรั่วซ้ำ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์แก๊สรั่วซ้ำที่ มาบตาพุดว่า เวลานี้ได้รับรายงานเบื้องต้นมา แต่คงจะให้เขาทำรายงานอย่างละเอียดมาอีกทีหนึ่ง ซึ่งตนก็แปลกใจทำไมถึงเกิดปัญหาขึ้นอีก และที่รั่วครั้งนี้ยังมีรายงาน ไม่ค่อยตรงกันว่าเป็นอะไรมาจากไหนแน่ ผู้สื่อข่าวถามว่า เห็นทางนิคมอุตสาหกรรม ออกมาบอกเป็นเพราะมีการระงับกิจการจึงเกิดปัญหาด้านเทคนิค ตรงนี้ฟังขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงจะสรุปอย่างนั้นไม่ได้ ตนจะให้รายงานมาให้ละเอียดอีกที เมื่อถามว่า สะท้อนว่ามาตรการรักษาความปลอดภัยต่างๆในพื้นที่โรงงานอุตสาหกรรม มีปัญหาหรือไม่ นาอยภิสิทธิ์ กล่าวว่าอันนี้ยิ่งเกิดเหตุยิ่งตอกย้ำความกังวนและความไม่มั่นใจของคนไทน อย่างที่เรียนคือต้องให้มาชี้แจงรายละเอียด

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีมาตรการอย่างไรเพราะมันเกิดเหตุซ้ำ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ดีที่สุดคือต้องมีมาตรการป้องกันและมาตฐานต้องเข้มงวดกวดขันตรวจสอบ ถ้ามีเหตุต้องสามารถเข้าไปแก้ไขระงับได้ค่อนข้างรวดเร็ว กรณีที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ใช้เวลาจนานมาก ตนกำลังให้เขารายงานว่าทำไมใช้เวลานานมาก ตั้งแต่การเกิดเหตุ แลละการเข้าไปแก้ปัญหา

เมื่อถามว่า เป็นปัญหาเกี่ยวกับทัศนคติของภาคเอกชนและหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องด้วยหริอไม่ เช่น การปิดเป็นความลับไม่ยอมให้ข้อเท็จจริง นาอยภิสิทธิ์ กล่าวว่า จริงๆ แล้วอันนี้ก็มีความพยายามเร่งเรียกประชุมและทำความเข้าใจแนวปฏิบัติ โดยเฉพาะนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ได้เข้าไปดูแลทั้งในส่วนของรัฐบาลและกรอบกรรมการ 4 ฝ่าย

ต่อข้อถามว่าเมื่อเกิดปัญหาลักษณะนี้จะกระทบกับ 65 โครงการที่คนไม่เชื่อมั่นในมาตรการดูแลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อย่างที่เรียนเวลามีข่าวอย่างนี้ยิ่งจะสร้างปัญหาขึ้นในแง่ความรู้สึก ความยอมรับ ฉะนั้นยิ่งต้องทำให้ทุกคนนมั่นใจว่าทั้งโครงการที่ดำเนินการอยู่และโครงการใหม่จะต้องมีมาตรการดูแลที่ดี
กำลังโหลดความคิดเห็น