ASTVผู้จัดการรายวัน – “อรรคพล” เตรียมเสนอแผน กล่อมครม. ดันประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดงานเวิลด์เอ็กซ์โป ปี 2563 เผยเบื้องต้นใช้งบศึกษาและจัดทำแผนงานราว 100 ล้านบาท ก่อนเล็งใช้ที่ดินของรัฐขั้นต่ำ 1,000 ไร่ ที่ใกล้โครงข่ายคมนาคม เป็นพื้นที่จัดงาน
นายอรรคพล สรสุชาติ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน) หรือ สสปน. เปิดเผยว่า เตรียมเสนอแผนประมูลสิทธิ์การจัดงาน เวิลด์เอ็กซ์โป 2020 หรือปี พ.ศ.2563 ต่อที่ประชุมคณะกรรมการ(บอร์ด) เพื่อพิจารณาขอความเห็นชอบ ในวันที่ 23 ธ.ค.52 จากนั้นจึงนำสู่เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เพื่อพิจารณา เป็นลำดับต่อไป
ทั้งนี้หาก ครม. เห็นชอบ จะต้องตั้งคณะทำงาน เพื่อมาศึกษาหาพื้นที่ที่จะใช้จัดงาน และเขียนแผนการดำเนินงาน ซึ่งประเมินว่าต้องใช้งบประมาณในส่วนนี้ไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท เป็นการเตรียมความพร้อมที่จะเดินทางไปแสดงเจตจำนงค์ขอประมูลสิทธิ์ การจัดงานที่จะมีขึ้นในปี 2011 หรือ พ.ศ.2554 เพื่อให้มีเวลาเตรียมพร้อมสำหรับจัดงานในอีก 9 ปีข้างหน้า
“ถ้าประเทศไทยประมูลสิทธิ์การจัดงานเวิลด์เอ็กซ์โปได้ ไม่ใช่สสปน.จะเป็นผู้จัดงานนี้ แต่จะเป็นประเทศไทยและคนไทยทุกคน ที่จะร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดงาน ซึ่งสสปน.เป็นเพียงผู้ประสานงานและผู้สนับสนุนให้ทุกหน่วยงานที่ต้องร่วมมือกัน ทั้งภาครัฐ เอกชน กระทรวง ทบวงกรม ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงเจ้าของพื้นที่ที่จะใช้จัดงานด้วยถ้าแม้ประเทศไทยประมูลสิทธิ์ไม่ได้ ยังได้ชื่อเสียงว่ามีความพร้อมในการจัดงานขนาดใหญ่”
เบื้องต้นที่คิดไว้ คือจะใช้กลยุทธ์ความเป็นประชาคมอาเซียน ในการนำเสนอเพื่อการประมูลสิทธิ์ในครั้งนี้ เนื่องจากประชาคมอาเซียน เป็นกลุ่มใหญ่ มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก เป็นกลุ่มประเทศผู้ผลิตอย่างแท้จริง ซึ่งในประชาคมอาเซียน ก็มีฟิลิปปินส์ ที่เตรียมจะเข้าประมูลสิทธิ์ในครั้งนี้เช่นกัน แต่หากให้เปรียบเทียบระหว่างสองประเทศก็ยังมองว่าไทยน่าจะได้เปรียบมากกว่าในเรื่องของโลเกชั่น
สำหรับรูปแบบที่จะนำเสนอต่อที่ประชุม ครม. จะอ้างอิงกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจ ที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) เป็นผู้จัดทำ โดยจะต้องอยู่ในแนวระบบโครงข่ายคมนาคมขนส่ง กล่าวคือ ต้องเป็นเส้นทางที่รัฐบาลมีแผนจะสร้างรถไฟความเร็วสูง ส่วนพื้นที่จัดงานต้องมีขนาดไม่ต่ำกว่า 1,000 ไร่ ซึ่งจะใช้เป็นพื้นที่ของหน่วยงานภาครัฐ เช่นพื้นที่ของทหาร พื้นที่ของกรมธานารักษ์ ที่ไม่ไกลจากรุงเทพฯมากนัก อาทิ จ.ลพบุรี จ.สระบุรี เป็นต้น หรือไม่ก็ต้องเป็นพื้นที่ใกล้สนามบิน การคมนาคมขนส่งสะดวก
นอกจากนั้นในแผนจะต้องระบุชัดเจนด้วยว่า เมื่อเสร็จสิ้นการจัดงานเวิลด์เอ็กซ์โปแล้ว จะใช้พื้นที่ที่ได้พัฒนาขึ้นมาแล้วนั้นเพื่อทำประโยชน์ใดต่อไป เช่น เป็นสถานศึกษา หรือ เป็นแหล่งท่องเที่ยว เพื่อไม่ให้เสียงบประมาณไปโดยเปล่าประโยชน์
นายอรรคพล สรสุชาติ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน) หรือ สสปน. เปิดเผยว่า เตรียมเสนอแผนประมูลสิทธิ์การจัดงาน เวิลด์เอ็กซ์โป 2020 หรือปี พ.ศ.2563 ต่อที่ประชุมคณะกรรมการ(บอร์ด) เพื่อพิจารณาขอความเห็นชอบ ในวันที่ 23 ธ.ค.52 จากนั้นจึงนำสู่เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เพื่อพิจารณา เป็นลำดับต่อไป
ทั้งนี้หาก ครม. เห็นชอบ จะต้องตั้งคณะทำงาน เพื่อมาศึกษาหาพื้นที่ที่จะใช้จัดงาน และเขียนแผนการดำเนินงาน ซึ่งประเมินว่าต้องใช้งบประมาณในส่วนนี้ไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท เป็นการเตรียมความพร้อมที่จะเดินทางไปแสดงเจตจำนงค์ขอประมูลสิทธิ์ การจัดงานที่จะมีขึ้นในปี 2011 หรือ พ.ศ.2554 เพื่อให้มีเวลาเตรียมพร้อมสำหรับจัดงานในอีก 9 ปีข้างหน้า
“ถ้าประเทศไทยประมูลสิทธิ์การจัดงานเวิลด์เอ็กซ์โปได้ ไม่ใช่สสปน.จะเป็นผู้จัดงานนี้ แต่จะเป็นประเทศไทยและคนไทยทุกคน ที่จะร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดงาน ซึ่งสสปน.เป็นเพียงผู้ประสานงานและผู้สนับสนุนให้ทุกหน่วยงานที่ต้องร่วมมือกัน ทั้งภาครัฐ เอกชน กระทรวง ทบวงกรม ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงเจ้าของพื้นที่ที่จะใช้จัดงานด้วยถ้าแม้ประเทศไทยประมูลสิทธิ์ไม่ได้ ยังได้ชื่อเสียงว่ามีความพร้อมในการจัดงานขนาดใหญ่”
เบื้องต้นที่คิดไว้ คือจะใช้กลยุทธ์ความเป็นประชาคมอาเซียน ในการนำเสนอเพื่อการประมูลสิทธิ์ในครั้งนี้ เนื่องจากประชาคมอาเซียน เป็นกลุ่มใหญ่ มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก เป็นกลุ่มประเทศผู้ผลิตอย่างแท้จริง ซึ่งในประชาคมอาเซียน ก็มีฟิลิปปินส์ ที่เตรียมจะเข้าประมูลสิทธิ์ในครั้งนี้เช่นกัน แต่หากให้เปรียบเทียบระหว่างสองประเทศก็ยังมองว่าไทยน่าจะได้เปรียบมากกว่าในเรื่องของโลเกชั่น
สำหรับรูปแบบที่จะนำเสนอต่อที่ประชุม ครม. จะอ้างอิงกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจ ที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) เป็นผู้จัดทำ โดยจะต้องอยู่ในแนวระบบโครงข่ายคมนาคมขนส่ง กล่าวคือ ต้องเป็นเส้นทางที่รัฐบาลมีแผนจะสร้างรถไฟความเร็วสูง ส่วนพื้นที่จัดงานต้องมีขนาดไม่ต่ำกว่า 1,000 ไร่ ซึ่งจะใช้เป็นพื้นที่ของหน่วยงานภาครัฐ เช่นพื้นที่ของทหาร พื้นที่ของกรมธานารักษ์ ที่ไม่ไกลจากรุงเทพฯมากนัก อาทิ จ.ลพบุรี จ.สระบุรี เป็นต้น หรือไม่ก็ต้องเป็นพื้นที่ใกล้สนามบิน การคมนาคมขนส่งสะดวก
นอกจากนั้นในแผนจะต้องระบุชัดเจนด้วยว่า เมื่อเสร็จสิ้นการจัดงานเวิลด์เอ็กซ์โปแล้ว จะใช้พื้นที่ที่ได้พัฒนาขึ้นมาแล้วนั้นเพื่อทำประโยชน์ใดต่อไป เช่น เป็นสถานศึกษา หรือ เป็นแหล่งท่องเที่ยว เพื่อไม่ให้เสียงบประมาณไปโดยเปล่าประโยชน์
