รายงานพิเศษ
โดย...แสงตะวัน
ความฝันอยากจะเป็นเจ้าของทีมฟุตบอลในไทยพรีเมียร์ลีกของเนวิน ชิดชอบ มีมานานแล้ว แต่มีอุปสรรคในช่วงแรกของการออกสตาร์ท
ในที่สุด ด้วยการทุ่มทุนสร้างผ่าน “อำนาจการเมือง-ทุน” ที่ทุ่มไม่อั้น ฝันของเนวินกับการได้เป็นเจ้าของทีมฟุตบอลก็เป็นจริง ด้วยการเป็นเจ้าของทีมในชื่อ
“บุรีรัมย์-กฟภ.” หรือบุรีรัมย์-การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เจ้าของฉายา“จอมช็อตมนุษย์ไฟฟ้า”
บทบาทและก้าวย่างต่อจากนี้ของเนวิน แกนนำกลุ่มเสื้อสีน้ำเงิน-พรรคภูมิใจไทย ที่สังคมจะต้องติดตามอีกด้านหนึ่งก็คือ ในฐานะเจ้าของทีมฟุตบอล“บุรีรัมย์-กฟภ.”ในไทยพรีเมียร์ลีก ที่ได้เทกโอเวอร์มาเป็นสมบัติของเขาเรียบร้อยแล้ว เมื่อไม่นานนี้ และหวังจะให้ทีมคว้าแชมป์ในฤดูกาลที่จะถึงนี้ให้ได้ ตามนิสัยของคนมักใหญ่ใฝ่สูง
เมื่อเนวินอยู่ที่ไหนที่นั่นต้องร้อน สนามบอลไทยพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลหน้าจะต้องสัปยุทธ์มันส์หยดแน่
เนวิน วาดฝันจะทำทีมนี้ให้ยิ่งใหญ่เป็น ทุ่งหญ้าแห่งความฝัน ในลีกฟุตบอลอาชีพสูงสุดของไทย ให้ประสบความสำเร็จ
ได้ทั้งถ้วยรางวัล คือแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก ผลตอบแทนทางธุรกิจ และที่สำคัญชื่อเสียงภาพลักษณ์ใหม่ทางการเมืองภายในเวลาอันเร็วที่สุด
หลังจากได้ทำการเทกโอเวอร์ทีมกฟภ. เปลี่ยนชื่อมาเป็น บุรีรัมย์-กฟภ. ด้วยกลไกการเมือง และทุนที่ได้เตรียมไว้เพื่อการนี้ร่วมร้อยล้านบาท ในการทำทีมให้เป็นสุดยอดของไทยพรีเมียร์ลีก
โดยเฉพาะการจ้างโค้ช-ซื้อนักเตะฝีเท้าดี ทั้งไทยและต่างชาติ เข้าทีมด้วยเงินอัดฉีด-สวัสดิการที่ทำเอาหลายทีมเกทัพสู้แทบไม่ไหว
แต่อำนาจการเมืองและทุน ก็หาใช่หลักประกันความสำเร็จได้ทุกอย่างสำหรับฟุตบอลลูกกลมๆ
เนวินจะทำสำเร็จได้หรือไม่ โดยเฉพาะการทำให้บ้านเกิดบุรีรัมย์ และจังหวัดใกล้เคียงในภาคอีสานเกิดกระแสคลั่งไคล้ทีมฟุตบอลทีมนี้ จนทำเอาสนามแทบแตกด้วยแฟนฟุตบอลที่จะเข้าเชียร์ ยามเมื่อรับบททีมเหย้า
เปิดฤดูกาลเดือนมีนาคมนี้ คงได้รู้กัน
ที่น่าสนใจ คือเบื้องหน้าเบื้องหลังของแผนเทกโอเวอร์ครั้งนี้เกิดขึ้น หลังเนวินเห็นกระแสฟีเวอร์ การตื่นตัวของแฟนฟุตบอลชาวไทยต่อไทยพรีเมียร์ลีก ในช่วงสองฤดูกาลที่ผ่านมา โดยเฉพาะปีล่าสุด ที่ตั๋วแข่งขันของหลายทีมดัง รวมถึงแมตช์ใหญ่ๆ ของทีมนำบนตารางขายหมดเกลี้ยงตลอด
ยิ่งปีหน้ากระแสฟุตบอลจะฟีเวอร์หนักขึ้นไปอีก เพราะจะมีการแข่งขันฟุตบอลโลก ซึ่งจะยิ่งทำให้กระแสคลั่งไคล้บอลไทยพรีเมียร์ลีก 2010 ตื่นตัวมากยิ่งขึ้นไปอีก
จึงทำให้คาดการณ์กันว่า จะมีเม็ดเงินหมุนเวียนในไทยพรีเมียร์ลีกปี 53 เพิ่มขึ้นอีกหลายสิบล้านบาท จากเดิมที่ปี 52 มีเงินหมุนเวียนอยู่ประมาณ 350 ล้านบาท
จึงไม่แปลกที่ไทยพรีเมียร์ลีกได้กลายเป็นธุรกิจที่มีกลุ่มทุนใหญ่ ทั้งธุรกิจอุตสาหกรรม-ธุรกิจสื่อสารมวลชน –ธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนต์ ต่างลงมาเล่นกับไทยพรีเมียร์ลีก อย่างเต็มตัว
ด้วยการทำทีมฟุตบอลของตัวเอง เช่น เอ็ฟซี บางกอกกลาส ของกลุ่มบุญรอดบริวเวอรี่,เมืองทอง ยูไนเต็ด ของกลุ่มสยามกีฬา ที่มีกลุ่มเนสกาแฟของประยุทธ์ มหากิจศิริ เป็นหุ้นส่วนสำคัญ
ขณะเดียวกัน กระแสไทยพรีเมียร์ลีก ทำให้นักการเมืองหลายคน มองเห็นโอกาสที่จะใช้เวทีนี้สร้างฐานคะแนนเสียงในพื้นที่ให้กับตัวเอง และพรรคต้นสังกัด โดยเฉพาะหากทำให้เป็นทีมจังหวัดได้จะยิ่งทำให้เป็น “ตัวช่วยสำคัญ” ในการหาเสียงเลือกตั้งได้เป็นอย่างดี ในกลุ่มฐานเสียงผู้รักการกีฬา ทั้งชายและหญิง
โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน-วัยรุ่น ที่เริ่มจะมีสิทธิ์ในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง
เนวิน ก็คือหนึ่งในนั้น ที่เห็นลู่ทางเช่นนี้ ผสมกับความชมชอบกีฬาฟุตบอลเป็นทุนเดิม ทำให้เนวิน ใช้เวลาช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมามองหาสโมสรในไทยพรีเมียร์ลีก ทั้ง 16 ทีม ที่มีความเป็นไปได้ในการเข้าไปเป็นเจ้าของ
อันดับแรกมองไปที่ ทีมสโมสร “ทีโอที” ถึงขั้นมีข่าวออกมาในหน้าข่าวการเมืองก่อนหน้าข่าวกีฬาว่า เนวิน กำลังเปิดดีลเจรจากับผู้บริหารในกระทรวงไอซีที-ทีโอที เพื่อเปลี่ยนชื่อทีมเป็น “บุรีรัมย์-ทีโอที”
โดยส่วนใหญ่คิดกันว่า ไม่น่าจะมีปัญหา เหตุเพราะด้วยสายสัมพันธ์ของเนวิน และเครือข่าย “กลุ่มอำนาจใหม่” น่าจะทำให้การเจรจาครั้งนี้สำเร็จในเวลาอันรวดเร็ว
เพราะโค้ชทีมทีโอที ก็คือ “โค้ชก๊อก” พงษ์พันธุ์ วงษ์สุวรรณ น้องชาย พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม และ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ที่ทำงานในทีโอที หลายปี
อีกทั้งผู้คนเชื่อว่า ไพโรจน์-ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี แกนนำเพื่อแผ่นดิน ที่คุมไอซีที ก็น่าจะช่วยหนุนให้อีกแรง ที่สำคัญคิดว่าการที่ เนวิน-กลุ่มอำนาจใหม่ มีสายสัมพันธ์อันดี บอร์ดทีโอทีหลายคน เช่น วิชัย ศรีขวัญ อดีตปลัดมหาดไทย และเกษม รุ่งธนเกียรติ อดีต ส.ส.สุรินทร์ กลุ่ม 16 ที่กอดคอกันมากับเนวิน สมัยอยู่พรรคชาติไทย อภิปราย สปก.4-01 ล้มรัฐบาลชวน 1 จึงน่าจะทำให้ทุกอย่างราบรื่น
แต่กลับผิดคาด ดีลนี้ล้มเหลวไม่เป็นท่า โดยไม่มีรายละเอียดปรากฏออกมามากนัก นอกจากมีข่าวว่า ผู้บริหารทีโอที เห็นว่าองค์กรไม่มีความจำเป็นต้องใช้ทุนจากฝ่ายการเมือง-คนนอก สโมสรก็สามารถเลี้ยงทีมได้ เพราะมีความพร้อมเกือบทุกอย่าง
ที่สำคัญไม่ต้องการให้ทีมฟุตบอลแห่งนี้ถูกผูกโยงเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการเมือง เนื่องจาก ทีโอที เป็นบริษัทรัฐวิสาหกิจ จึงไม่น่าจะเหมาะสมด้วยประการทั้งปวง
ทำให้ เนวิน ต้องเบนเป้าหมายไปอีกหลายแห่ง อาทิ สโมรสรกองทัพบก ซึ่งตอนแรกหลายคนก็เชื่อว่า บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร ในฐานะ รมว.กลาโหม คงช่วยหนุนเต็มที่ ผ่านทาง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสนาธิการทหารบก (ตำแหน่งในขณะนั้น) เพื่อให้ฝันของน้องเนวิน เป็นจริง
ยังมีกระแสข่าวว่า วิชัย รักศรีอักษร นายทุนใหญ่ภูมิใจไทย แห่งกลุ่มคิงเพาเวอร์ ที่บ้าฟุตบอลเช่นเดียวกับเนวิน คอยช่วยอีกแรง
ทว่า สุดท้ายก็รับประทานแห้วอีกรอบ เพราะขนาดทีโอที ยังไม่อยากให้ทีมฟุตบอล-องค์กรถูกโยงไปกับการเมือง แล้ว“กองทัพบก” จะไปเหลืออะไร
ขืน “ป๊อก-ประยุทธ์” ประเคนทีมกองทัพบกไปให้นักการเมืองโดยเฉพาะเนวิน ชิดชอบ มีหวัง ไม่ใช่แค่ “เสธ.แดง” พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล เอาเรื่องนี้ไปด่าแหลก ฐานทำให้กองทัพเสียหาย แต่มีหวังถูกผู้ใต้บังคับบัญชาจากทุกหน่วยในทบ. ตั้งแต่พลทหารยันพล.อ. รุมสวดชยันโตแน่นอน
สุดท้ายเนวิน เลยต้องยอมกลับมาตายรังด้วยการเทกโอเวอร์ แปลงโฉมทีมสโมสรในสังกัดกระทรวงมหาดไทย คือ กฟภ. มาทำเป็นทีม บุรีรัมย์-กฟภ. ก่อนที่จะถึงเส้นตายเปิดฤดูกาล
ทั้งที่เดิมที เนวินไม่คิดจะมายุ่งกับทีม กฟภ. อยู่แล้ว เพราะรู้ดีว่าจะถูกเพ่งเล็ง เพราะพรรคภูมิใจไทย คุมหน่วยงานแห่งนี้ผ่าน ชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรค จึงเกรงจะตกเป็นขี้ปากของสังคม
แต่เมื่อไปคุยมาหลายแห่งแล้วล้มเหลวไม่เป็นท่า ทั้งที่โฆษณาไปล่วงหน้าว่า จะเป็นเจ้าของทีมฟุตบอลในไทยพรีเมียร์ลีก เสียเอิกเริก ก็ย่อมทำให้เนวิน ต้องเสียหน้าอย่างมากถ้าไม่มีทีมอยู่ในมือในฤดูกาลนี้
เลยทำให้ “บอร์ด กฟภ.” ต้องลงมาช่วยเนวินอีกแรง กับการออกมติแบบไม่มีเสียงคัดค้านในการสร้างทีม บุรีรัมย์-กฟภ.
ก็ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย เพราะกฟภ. ก็เป็นหน่วยงานในมหาดไทย แถมบอร์ดหลายคนก็ล้วนเป็นคนของภูมิใจไทย-อำนาจใหม่ทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะเป็นประธานบอร์ด วิชัย ศรีขวัญ อดีตมหาดไทย ที่ยังนั่งอยู่ในตำแหน่งโดยไม่ถูกเปลี่ยนตัว ทั้งที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว พ่วงด้วย พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพเรือ น้องชายพล.อ.ประวิตร -พล.อ. วิทวัส รชตะนันท์ ผอ.สำนักงานนโยบายและแผน กระทรวงกลาโหม สายตรงบิ๊กป้อม - พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผช.ผบ.ตร. นายตำรวจเลือดสีน้ำเงิน ผู้มองตาก็รู้ใจว่า เนวินคิดและต้องการอะไร
แล้วแบบนี้จะเหลืออะไร หากขืนบอร์ดไม่ช่วยออกแรงให้มีหวัง อาจมีการล้างบางบอร์ดชุดนี้แล้วตั้งบอร์ดชุดใหม่แน่นอน!
มันเลยทำให้ชาวอยุธยาฯ ที่เคยให้ทีมกฟภ.ใช้สนามฟุตบอลของจังหวัดเป็นทีมเหย้า รวมถึงพนักงานกฟภ.บางส่วน ได้แต่ช้ำใจ และทำอะไรไม่ได้ เพราะนับแต่นี้ทุกแมตช์เหย้า กฟภ.จะต้องไปเตะที่บุรีรัมย์แทน
เลยทำได้แค่ก่อม็อบเล็กๆ ประท้วงเผาเสื้อทีม กฟภ.ระบายอารมณ์แค้น แล้วหันไปสนับสนุนทีมอยุธยา เอฟซี ที่เป็นทีมจังหวัดของจริง ในดิวิชั่น 2 แทน
นี่จึงเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นชัดว่า อำนาจการเมือง-ทุน กำลังแผ่อิทธิพลเข้ามาในไทยพรีเมียร์ลีกมากขึ้นเรื่อยๆ จนเสียงเชียร์ของแฟนบอลแทบไม่มีความหมายอะไรอีกต่อไปแล้ว