ASTVผู้จัดการรายวัน-สมเด็จพระนโรดมสีหมุณี ทรงลงพระปรมาภิไธย โปรดเกล้าพระราชทานอภัยโทษ "ศิวรักษ์" แล้ว คาดได้รับอิสรภาพจันทร์นี้ พิลึก"ฮุนเซน" ยอมให้นักโทษจารกรรมข้อมูลด้านความมั่นคงทำงานในกัมพูชาต่อไปได้ "ชวนนท์"เผย "สิมารักษ์"ยื่นเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษให้ลูกชายเอง ไม่ผ่านกระทรวงการต่างประเทศ หรือพรรคเพื่อไทย แฉ!เพื่อไทยแย่งซีนกันเอง
วานนี้ (11 ธ.ค.) ที่กรุงพนมเปญ นายเขียว กัณหฤทธิ์ โฆษกรัฐบาลกัมพูชา เปิดเผยว่า นายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ จะได้ถูกปล่อยออกจากเรือนจำเพรย์ซอ ในวันจันทร์ที่14 ธ.ค.นี้ ภายหลังสมเด็จพระนโรดมสีหมุณี กษัตริย์กัมพูชาทรงลงพระปรมาภิไธย โปรดเกล้าฯให้ได้รับการพระราชทานอภัยโทษ เมื่อช่วงเช้าโดยการปล่อยตัวจะมีขึ้นหลังจากที่นางสิมารักษ์ ณ นครพนม มารดาและสมาชิกพรรคเพื่อไทย เข้าพบสมเด็จฯฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่กรุงพนมเปญ
ด้านพล.อ.เตีย บันห์ รัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชา ยืนยันเช่นกันว่านายศิวรักษ์ ได้รับพระราชทานอภัยโทษแล้ว หลังกษัตริย์กัมพูชาลงพระปรมาภิไธย ในฎีกาที่นางสิมารักษ์ ณ นครพนมได้ยื่นเอาไว้ โดยทรงพระราชวินิจฉัยว่า “ทรงรู้สึกอ่อนไหวต่อความเป็นแม่ที่มีแก่บุตรชาย”
ขณะที่นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ได้รับทราบเรื่องนี้แล้ว แต่ต้องรอสถานทูตไทยในกัมพูชายืนยันรายละเอียด ซึ่งทราบว่านางสิมารักษ์ ได้ยื่นฎีกาในช่วงเย็นวันที่ 10 ธ.ค. ด้วยตัวของนางสิมารักษ์เอง และขอแสดงความยินดีที่นายศิวรักษ์ได้รับอิสรภาพ ซึ่งต่อจากนี้พร้อมอำนวยความสะดวก แก่ครอบครัวนางสิมารักษ์ ในทุกขั้นตอน หากจะเดินทางกลับประเทศไทย
**"ฮุนเซน"ให้"ศิวรักษ์"ทำงานต่อได้
ด้านสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวว่าหลังจากนายศิวรักษ์ ได้รับพระราชทานอภัยโทษ สามารถทำงานในประเทศกัมพูชาต่อไปได้ ถ้าหากเขาต้องการ ทั้งนี้ เป็นรายงานบนเว็บไซต์ สำนักข่าวออนไลน์ในกรุงพนมเปญ
"ท่านนายกฯ ฮุนเซนกล่าวในเช้าวันนี้(11 ธ.ค.) ว่า เขา (ศิวรักษ์) สามารถทำงานในกัมพูชาต่อไปได้หากต้องการ” เว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์ดืมอัมปึล (Duem Ampil) ซึ่งใกล้ชิดกับรัฐบาล อ้างคำกล่าวของนายเขียว กัณหฤทธิ์ รัฐมนตรีกระทรวงแถลงข่าว ในฐานะโฆษกอย่างเป็นทางกร และกล่าวด้วยว่า การอภัยโทษมีขึ้นหลังจากนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้ทูลเกล้าฯ ถวาย ขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่นายศิวรักษ์ ในวันพฤหัสบดี (10 ธ.ค.) ที่ผ่านมา ในขณะที่หลายฝ่ายกำลังพยายามดำเนินการเรื่องนี้ รวมทั้งพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทยด้วย
**เรื่องศิวรักษ์ไม่เกี่ยวสัมพันธ์ไทย-เขมร
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทราบข่าวแล้วและถ้าเป็นจริงก็เป็นเรื่องที่ดี และในที่สุดจะได้จบลง ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าจะจบหรือ เพราะอาจจะมีการนำไปขยายผลต่อ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สิ่งสำคัญคือให้เจ้าตัวได้รับอิสรภาพ ส่วนที่เหลือ เป็นเรื่องข้อเท็จจริงซึ่งรัฐบาลไม่ได้มีปัญหาอะไร
ส่วนที่มีการกล่าวหานายคำรบ ปาลวัฒน์วิไชย อดีตเลขานุการเอก ประจำสถานทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ว่าเป็นต้นเหตุนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่คิดว่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะนายศิวรักษ์ ยืนยันตลอดว่าสิ่งที่เจ้าตัวทำ ไม่ได้เป็นเรื่องเอาความลับออกมา แต่ศาลไปตัดสินว่า อาจจะกระทบกระเทือนความปลอดภัยของ พ.ต.ท. ทักษิณ ซึ่งเป็นดุลยพินิจของศาลกัมพูชา ส่วนที่มารดานายศิวรักษ์ ออกมาเรียกร้องนั้น คิดว่าเป็นความคิดเห็น และทุกคนพอจะมองออก ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นมาอย่างไร และเราเห็นความไม่ปกติในหลายๆ เรื่องอยู่แล้ว
ส่วนจะกระทบกับรัฐบาลไทยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่ายืนยันข้อเท็จจริงเดิม ไม่คิดว่า จะมีความเปลี่ยนแปลงอะไร เป็นดุลยพินิจของศาลกัมพูชา รัฐบาลยืนยันข้อเท็จจริงได้ ฐบาลไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องของการเอาความลับเพราะเป็นข้อมูลที่เปิดเผย และไม่เห็นว่าจะมีความลับเครื่องบินจะบินเข้ามา ก็ต้องแจ้งเราอยู่แล้ว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า ไม่กังวลการชี้แจงต่อในและนอกประเทศ เพราะยืนยันได้ว่า ทุกอย่างรัฐบาลไม่ได้มีส่วนไปสร้างปัญหา ส่วนปัญหาล่เรียงได้ว่า ที่มาที่ไปเป็นอย่างไร และคิดว่านานาชาติ เข้าใจดีว่ารัฐบาลไทยไม่ได้ไปทำให้เกิดความกระทบกระเทือน ทั้งนี้เห็นว่า คงไม่มีการหวังผลอะไรจากการขออภัยโทษ อาจจะมีคนอยากเอาไปเล่นการเมือง แต่คิดว่าคนส่วนใหญ่เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไรและขณะนี้ความสัมพันธ์สองประเทศเป็นสิ่งที่รัฐบาลไทยดำเนินการอยู่ ไม่ได้มีประเด็นปัญหาเพิ่มเติม สิ่งที่เราจำเป็นต้องทบทวน เป็นสิ่งที่เราจำเป็นต้องแสดงออกต่อการตัดสินใจของกัมพูชาเอง ส่วนเรื่องนี้ ก็จบไป
เมื่อถามว่า กระทรวงการต่างประเทศรายงานหรือไม่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะมากัมพูชาในวันที่ 14 ธ.ค.นี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบว่าจะมาหรือไม่เพราะข่าวเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และได้ทำตามปกติ ตามอำนาจหน้าที่ และกฎหมาย เมื่อถามว่า หากผ่านน่านฟ้าไทยรัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ต้องพยายามจับกุม เพราะเป็นคนที่หนีคดีอยู่ และเห็นว่าอาจจะต้องยื่นหนังสือต่อกัมพูชาให้ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนอีกรอบหากอดีตนายกฯมากัมพูชาจริง
**"นพดล"งงไม่รู้ฝีมือใคร
ด้านนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า ยังไม่มั่นใจว่าข้อเท็จจริงในรายงานข่าวเรื่องอภัยโทษนั้นเป็นอย่างไร และไม่แน่ใจว่าจะเป็นการประสานงานของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย หรือ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ แต่ได้สอบถามนางสิมารักษ์ และทนายความแล้ว ซึ่งนางสิมารักษ์ ยืนยันว่า ยังไม่ได้ยื่นหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษให้กับรัฐบาลกัมพูชา ขณะเดียวกันจะสอบถามไปยัง พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงที่ชัดเจนอีกครั้ง
ส่วนกระแสข่าวที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางไปร่วมส่งตัวนายศิวรักษ์ ที่กัมพูชาในวันจันทร์นี้ (14 ธ.ค.) นั้นเห็นว่าไม่แน่ใจ และยังไม่มีข้อมูลว่าพ.ต.ท.ทักษิณ จะไปกัมพูชาหรือไม่ แต่ว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ได้เดินทางจากรัสเซีย มาอยู่รัฐดูไบแล้ว
**"เพื่อแม้ว"โดนไอ้โม่งแย่งซีน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการประสานงานให้ความช่วยเหลือนายศิวรักษ์ ของพรรคเพื่อไทยเต็มไปด้วยความเคลือบแคลงมาโดยตลอด และเมื่อนายศิวรักษ์ ได้รับการอภัยโทษ ทันทีที่ทราบข่าวดังกล่าว ผู้สื่อข่าวโทรทัศน์บางสถานีในประเทศไทย ที่ได้ปักหลักในกัมพูชาได้ขอสัมภาษณ์นายศิวรักษ์ ซึ่งระบุว่า ต้องขออนุญาตโฆษกพรรคเพื่อไทยก่อน เนื่องจากเป็นข้อตกลงก่อนหน้านี้ เช่นเดียวกับนางสิมารักษ์ ที่ระบุว่า ต้องขออนุญาตนายพร้อมพงศ์ ที่จะเป็นผู้ให้รายละเอียดเพียงผู้เดียว ขณะเดียวกันโฆษกเพื่อไทยยังจะปฏิเสธที่จะเบอร์ติดต่อกับนายเขียว สัมโบ ทนายความของนายศิวรักษ์ ที่เป็นชาวกัมพูชา พร้อมกับระบุว่ามีอะไรขอให้ผู้สื่อข่าวโทรมาหานายพร้อมพงษ์ดีกว่า
เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. พรรคเพื่อไทยได้แจ้งว่านายพร้อมพงศ์ จะเดินทางไปยื่นหนังสือขออภัยโทษ ในเวลา9.30 น. ที่สถานทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย โดยแจ้งมายังผู้สื่อข่าวประจำพรรคเพื่อไทย แต่กลับแจ้งยกเลิกกระทันหัน โดยไม่ได้แจ้งเหตุผล ก่อนที่จะมาแจ้งอีกครั้งในเวลา 14.00 น.วันที่11 ธ.ค. เพื่อให้ไปทำข่าวยื่นหนังสือต่อสถานทูตกัมพูชาในเวลา 15.30 น. ซึ่งเป็นเวลาที่ค่อนข้างฉุกละหุก เนื่องจากเป็นเวลาไล่เลี่ยกันกับที่มีข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศ ระบุว่า กัมพูชาได้อภัยโทษให้นายศิวรักษ์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยที่พรรคเพื่อไทย ยังไม่ได้ยื่นเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษเลย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีแกนนำพรรคเพื่อไทยทราบข่าวดังกล่าว ก็ได้สั่งการให้นายพร้อมพงศ์ รีบไปยื่นเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษ ที่สถานทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทยให้เร็วที่สุด เพื่อให้กระบวนการช่วยเหลือนายศิวรักษ์ เป็นไปอย่างสมบูรณ์ มิฉะนั้นอาจถูกมองได้ว่ากัมพูชา ล้ำหน้าพรรคเพื่อไทย ไปหนึ่งก้าว
** “เด็จพี่”แย่งซีน”นพเหล่”
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ในการช่วยเหลือนายศิวรักษ์ ของพรรคเพื่อไทย ได้เกิดความขัดแย้งระหว่างนายนพดล ปัทมะ กับนายพร้อมพงศ์ เพราะนายนพดล เห็นว่านายพร้อมพงศ์พยายามแย่งซีน ชิงการนำมากเกินไป จนบางครั้งเพลี่ยงพล้ำ เพราะบางครั้งมีการแปลงสารการให้สัมภาษณ์ของพ.ต.ท.ทักษิณ โดยเฉพาะที่นายพร้อมพงศ์ อ้างว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ได้ประสานงานทางโทรศัพท์กับสมเด็จฮุนเซนแล้ว แทนที่จะกล่าวอ้างว่า เป็นเพราะสายสัมพันธ์ที่ดีระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ กับสมเด็จฮุนเซ็น ทำให้ถูกมองได้ว่าพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นฝ่ายรุกแก้ปัญหามากเกินพอดี จนอาจถูกฝ่ายตรงข้ามนำไปโจมตีได้
วานนี้ (11 ธ.ค.) ที่กรุงพนมเปญ นายเขียว กัณหฤทธิ์ โฆษกรัฐบาลกัมพูชา เปิดเผยว่า นายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ จะได้ถูกปล่อยออกจากเรือนจำเพรย์ซอ ในวันจันทร์ที่14 ธ.ค.นี้ ภายหลังสมเด็จพระนโรดมสีหมุณี กษัตริย์กัมพูชาทรงลงพระปรมาภิไธย โปรดเกล้าฯให้ได้รับการพระราชทานอภัยโทษ เมื่อช่วงเช้าโดยการปล่อยตัวจะมีขึ้นหลังจากที่นางสิมารักษ์ ณ นครพนม มารดาและสมาชิกพรรคเพื่อไทย เข้าพบสมเด็จฯฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่กรุงพนมเปญ
ด้านพล.อ.เตีย บันห์ รัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชา ยืนยันเช่นกันว่านายศิวรักษ์ ได้รับพระราชทานอภัยโทษแล้ว หลังกษัตริย์กัมพูชาลงพระปรมาภิไธย ในฎีกาที่นางสิมารักษ์ ณ นครพนมได้ยื่นเอาไว้ โดยทรงพระราชวินิจฉัยว่า “ทรงรู้สึกอ่อนไหวต่อความเป็นแม่ที่มีแก่บุตรชาย”
ขณะที่นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ได้รับทราบเรื่องนี้แล้ว แต่ต้องรอสถานทูตไทยในกัมพูชายืนยันรายละเอียด ซึ่งทราบว่านางสิมารักษ์ ได้ยื่นฎีกาในช่วงเย็นวันที่ 10 ธ.ค. ด้วยตัวของนางสิมารักษ์เอง และขอแสดงความยินดีที่นายศิวรักษ์ได้รับอิสรภาพ ซึ่งต่อจากนี้พร้อมอำนวยความสะดวก แก่ครอบครัวนางสิมารักษ์ ในทุกขั้นตอน หากจะเดินทางกลับประเทศไทย
**"ฮุนเซน"ให้"ศิวรักษ์"ทำงานต่อได้
ด้านสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวว่าหลังจากนายศิวรักษ์ ได้รับพระราชทานอภัยโทษ สามารถทำงานในประเทศกัมพูชาต่อไปได้ ถ้าหากเขาต้องการ ทั้งนี้ เป็นรายงานบนเว็บไซต์ สำนักข่าวออนไลน์ในกรุงพนมเปญ
"ท่านนายกฯ ฮุนเซนกล่าวในเช้าวันนี้(11 ธ.ค.) ว่า เขา (ศิวรักษ์) สามารถทำงานในกัมพูชาต่อไปได้หากต้องการ” เว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์ดืมอัมปึล (Duem Ampil) ซึ่งใกล้ชิดกับรัฐบาล อ้างคำกล่าวของนายเขียว กัณหฤทธิ์ รัฐมนตรีกระทรวงแถลงข่าว ในฐานะโฆษกอย่างเป็นทางกร และกล่าวด้วยว่า การอภัยโทษมีขึ้นหลังจากนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้ทูลเกล้าฯ ถวาย ขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่นายศิวรักษ์ ในวันพฤหัสบดี (10 ธ.ค.) ที่ผ่านมา ในขณะที่หลายฝ่ายกำลังพยายามดำเนินการเรื่องนี้ รวมทั้งพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทยด้วย
**เรื่องศิวรักษ์ไม่เกี่ยวสัมพันธ์ไทย-เขมร
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทราบข่าวแล้วและถ้าเป็นจริงก็เป็นเรื่องที่ดี และในที่สุดจะได้จบลง ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าจะจบหรือ เพราะอาจจะมีการนำไปขยายผลต่อ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สิ่งสำคัญคือให้เจ้าตัวได้รับอิสรภาพ ส่วนที่เหลือ เป็นเรื่องข้อเท็จจริงซึ่งรัฐบาลไม่ได้มีปัญหาอะไร
ส่วนที่มีการกล่าวหานายคำรบ ปาลวัฒน์วิไชย อดีตเลขานุการเอก ประจำสถานทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ว่าเป็นต้นเหตุนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่คิดว่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะนายศิวรักษ์ ยืนยันตลอดว่าสิ่งที่เจ้าตัวทำ ไม่ได้เป็นเรื่องเอาความลับออกมา แต่ศาลไปตัดสินว่า อาจจะกระทบกระเทือนความปลอดภัยของ พ.ต.ท. ทักษิณ ซึ่งเป็นดุลยพินิจของศาลกัมพูชา ส่วนที่มารดานายศิวรักษ์ ออกมาเรียกร้องนั้น คิดว่าเป็นความคิดเห็น และทุกคนพอจะมองออก ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นมาอย่างไร และเราเห็นความไม่ปกติในหลายๆ เรื่องอยู่แล้ว
ส่วนจะกระทบกับรัฐบาลไทยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่ายืนยันข้อเท็จจริงเดิม ไม่คิดว่า จะมีความเปลี่ยนแปลงอะไร เป็นดุลยพินิจของศาลกัมพูชา รัฐบาลยืนยันข้อเท็จจริงได้ ฐบาลไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องของการเอาความลับเพราะเป็นข้อมูลที่เปิดเผย และไม่เห็นว่าจะมีความลับเครื่องบินจะบินเข้ามา ก็ต้องแจ้งเราอยู่แล้ว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า ไม่กังวลการชี้แจงต่อในและนอกประเทศ เพราะยืนยันได้ว่า ทุกอย่างรัฐบาลไม่ได้มีส่วนไปสร้างปัญหา ส่วนปัญหาล่เรียงได้ว่า ที่มาที่ไปเป็นอย่างไร และคิดว่านานาชาติ เข้าใจดีว่ารัฐบาลไทยไม่ได้ไปทำให้เกิดความกระทบกระเทือน ทั้งนี้เห็นว่า คงไม่มีการหวังผลอะไรจากการขออภัยโทษ อาจจะมีคนอยากเอาไปเล่นการเมือง แต่คิดว่าคนส่วนใหญ่เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไรและขณะนี้ความสัมพันธ์สองประเทศเป็นสิ่งที่รัฐบาลไทยดำเนินการอยู่ ไม่ได้มีประเด็นปัญหาเพิ่มเติม สิ่งที่เราจำเป็นต้องทบทวน เป็นสิ่งที่เราจำเป็นต้องแสดงออกต่อการตัดสินใจของกัมพูชาเอง ส่วนเรื่องนี้ ก็จบไป
เมื่อถามว่า กระทรวงการต่างประเทศรายงานหรือไม่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะมากัมพูชาในวันที่ 14 ธ.ค.นี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบว่าจะมาหรือไม่เพราะข่าวเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และได้ทำตามปกติ ตามอำนาจหน้าที่ และกฎหมาย เมื่อถามว่า หากผ่านน่านฟ้าไทยรัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ต้องพยายามจับกุม เพราะเป็นคนที่หนีคดีอยู่ และเห็นว่าอาจจะต้องยื่นหนังสือต่อกัมพูชาให้ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนอีกรอบหากอดีตนายกฯมากัมพูชาจริง
**"นพดล"งงไม่รู้ฝีมือใคร
ด้านนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า ยังไม่มั่นใจว่าข้อเท็จจริงในรายงานข่าวเรื่องอภัยโทษนั้นเป็นอย่างไร และไม่แน่ใจว่าจะเป็นการประสานงานของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย หรือ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ แต่ได้สอบถามนางสิมารักษ์ และทนายความแล้ว ซึ่งนางสิมารักษ์ ยืนยันว่า ยังไม่ได้ยื่นหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษให้กับรัฐบาลกัมพูชา ขณะเดียวกันจะสอบถามไปยัง พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงที่ชัดเจนอีกครั้ง
ส่วนกระแสข่าวที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางไปร่วมส่งตัวนายศิวรักษ์ ที่กัมพูชาในวันจันทร์นี้ (14 ธ.ค.) นั้นเห็นว่าไม่แน่ใจ และยังไม่มีข้อมูลว่าพ.ต.ท.ทักษิณ จะไปกัมพูชาหรือไม่ แต่ว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ได้เดินทางจากรัสเซีย มาอยู่รัฐดูไบแล้ว
**"เพื่อแม้ว"โดนไอ้โม่งแย่งซีน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการประสานงานให้ความช่วยเหลือนายศิวรักษ์ ของพรรคเพื่อไทยเต็มไปด้วยความเคลือบแคลงมาโดยตลอด และเมื่อนายศิวรักษ์ ได้รับการอภัยโทษ ทันทีที่ทราบข่าวดังกล่าว ผู้สื่อข่าวโทรทัศน์บางสถานีในประเทศไทย ที่ได้ปักหลักในกัมพูชาได้ขอสัมภาษณ์นายศิวรักษ์ ซึ่งระบุว่า ต้องขออนุญาตโฆษกพรรคเพื่อไทยก่อน เนื่องจากเป็นข้อตกลงก่อนหน้านี้ เช่นเดียวกับนางสิมารักษ์ ที่ระบุว่า ต้องขออนุญาตนายพร้อมพงศ์ ที่จะเป็นผู้ให้รายละเอียดเพียงผู้เดียว ขณะเดียวกันโฆษกเพื่อไทยยังจะปฏิเสธที่จะเบอร์ติดต่อกับนายเขียว สัมโบ ทนายความของนายศิวรักษ์ ที่เป็นชาวกัมพูชา พร้อมกับระบุว่ามีอะไรขอให้ผู้สื่อข่าวโทรมาหานายพร้อมพงษ์ดีกว่า
เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. พรรคเพื่อไทยได้แจ้งว่านายพร้อมพงศ์ จะเดินทางไปยื่นหนังสือขออภัยโทษ ในเวลา9.30 น. ที่สถานทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย โดยแจ้งมายังผู้สื่อข่าวประจำพรรคเพื่อไทย แต่กลับแจ้งยกเลิกกระทันหัน โดยไม่ได้แจ้งเหตุผล ก่อนที่จะมาแจ้งอีกครั้งในเวลา 14.00 น.วันที่11 ธ.ค. เพื่อให้ไปทำข่าวยื่นหนังสือต่อสถานทูตกัมพูชาในเวลา 15.30 น. ซึ่งเป็นเวลาที่ค่อนข้างฉุกละหุก เนื่องจากเป็นเวลาไล่เลี่ยกันกับที่มีข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศ ระบุว่า กัมพูชาได้อภัยโทษให้นายศิวรักษ์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยที่พรรคเพื่อไทย ยังไม่ได้ยื่นเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษเลย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีแกนนำพรรคเพื่อไทยทราบข่าวดังกล่าว ก็ได้สั่งการให้นายพร้อมพงศ์ รีบไปยื่นเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษ ที่สถานทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทยให้เร็วที่สุด เพื่อให้กระบวนการช่วยเหลือนายศิวรักษ์ เป็นไปอย่างสมบูรณ์ มิฉะนั้นอาจถูกมองได้ว่ากัมพูชา ล้ำหน้าพรรคเพื่อไทย ไปหนึ่งก้าว
** “เด็จพี่”แย่งซีน”นพเหล่”
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ในการช่วยเหลือนายศิวรักษ์ ของพรรคเพื่อไทย ได้เกิดความขัดแย้งระหว่างนายนพดล ปัทมะ กับนายพร้อมพงศ์ เพราะนายนพดล เห็นว่านายพร้อมพงศ์พยายามแย่งซีน ชิงการนำมากเกินไป จนบางครั้งเพลี่ยงพล้ำ เพราะบางครั้งมีการแปลงสารการให้สัมภาษณ์ของพ.ต.ท.ทักษิณ โดยเฉพาะที่นายพร้อมพงศ์ อ้างว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ได้ประสานงานทางโทรศัพท์กับสมเด็จฮุนเซนแล้ว แทนที่จะกล่าวอ้างว่า เป็นเพราะสายสัมพันธ์ที่ดีระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ กับสมเด็จฮุนเซ็น ทำให้ถูกมองได้ว่าพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นฝ่ายรุกแก้ปัญหามากเกินพอดี จนอาจถูกฝ่ายตรงข้ามนำไปโจมตีได้