“มาร์ค”เสียท่าโทรหาฮุนเซน ฟัง “ประวิตร”มากไปหน่อย!

ไพ่อีกใบในมือของ นช.ทักษิณ ชินวัตร นอกจากการใช้ “คนเสื้อแดง”ป่วนบ้านพังเมืองแล้ว แนวรบด้านตะวันออกที่ใช้ “สมเด็จฮุนเซน” กดดันรัฐบาลไทย ก็ยังเป็นอีกหนึ่งความเสี่ยง

ที่รัฐบาลและประชาชนคนไทยต้องเท่าทัน

มิเช่นนั้นอาจหลงไปกับ “เกมระยำ”ที่คนชั่วบัดซบกล้ายืมมือชาติอื่นมาทำลายบ้านเมืองของตัวเอง

กล้าทำแม้กระทั่งใช้อิสรภาพของคนไทยและความห่วงใยของแม่มาเป็นเครื่องมือฉกฉวยความได้เปรียบทางการเมืองอย่างไร้ยางอาย

ละครฉากใหญ่เรื่องวิศวกรไทยไปฉกข้อมูลตารางบินของ นช.ทักษิณ จนถูกจับเข้าคุก ตามติดมาด้วยคนเป็นแม่วิ่งโร่เข้านอกออกในพรรคเพื่อไทย พบพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ขอความช่วยเหลือ กระทั่งตบท้ายที่คำพูดของ “พ่อใหญ่จิ๋ว” แสดงความมั่นอกมั่นใจว่า

“ศิวรักษ์ ชุติพงษ์” จะได้รับการอภัยโทษจากกษัตริย์ของกัมพูชานั้น ไม่เพียงเป็นความพยายามที่จะพลิกบทผู้ร้ายของ พ่อใหญ่จิ๋วกับ นช.ทักษิณ ให้กลับมาเป็นพระเอกเท่านั้น

ในทางกลับกันเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า อำนาจของ “สมเด็จฮุนเซน”ล้นฟ้าล้นแผ่นดินจนกระบวนการยุติธรรมของกัมพูชาไร้ความหมาย

แม้แต่กษัตริย์ก็ยังอยู่ภายใต้การครอบงำทางการเมืองของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา

เป็นไปได้อย่างไรที่ “พ่อใหญ่จิ๋ว” จะรับรู้ถึงขั้นตอนการไต่สวนของศาลกัมพูชา ถึงขั้นแนะนำให้มีการเปลี่ยนตัวทนายความ และเตรียมยุติการต่อสู้คดี โดยคาดการณ์ล่วงหน้าว่า “ศิวรักษ์”ถูกตัดสินว่ามีความผิด ซึ่งก็ตรงกับคำตัดสินของศาลกัมพูชา ที่พิพากษาจำคุก 7ปีเมื่อวันที่ 8ธ.ค.

ดังนั้น การประเมินว่า “ศิวรักษ์”จะได้รับอภัยโทษจากกษัตริย์กัมพูชา จึงไม่ใช่เรื่องที่เหนือความคาดหมาย ที่น่าประหลาดใจคือเหตุใด “พลเอกชวลิต”จึงกล้าก้าวล่วงละเมิดพระราชอำนาจของกษัตริย์กัมพูชาด้วยการพูดล่วงหน้าว่า “ศิวรักษ์” จะได้รับการอภัยโทษ

คำตอบมีอยู่อย่างเดียว คือมีการสมคบคิดกันล่วงหน้าและมั่นใจในอำนาจของ “สมเด็จฮุน เซน”ว่าบันดาลได้ทุกอย่างในแผ่นดินกัมพูชา จึงมั่นว่าตอนจบจะเป็นไปอย่างที่บรรจบสร้างไว้

คนไทยต้องตั้งสติและติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และอย่าหลงประเด็นไปว่า ถ้า “ศิวรักษ์” ได้รับการปล่อยตัวแสดงว่าเป็นผลงานของ “นช.ทักษิณ” และ “พ่อใหญ่จิ๋ว”

ขณะเดียวกันก็อย่าไปตื่นเต้นกับการที่ “สมเด็จฮุนเซน” ยกเลิกการรับความช่วยเหลือจากรัฐบาลไทย ในโครงการก่อสร้างถนนสาย? 68 จำนวน 1,400 ล้านบาท ซึ่งครม.ได้มีมติอนุมัติไปเมื่อวันอังคารที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา

ก่อนที่ “สมเด็จฮุนเซน” จะอาละวาดตามคำสั่งของ “นช.ทักษิณ” ด้วยการตั้งนักโทษหนีคดีเป็นที่ปรึกษาและออกถ้อยแถลงย่ำยีกระบวนการยุติธรรมของไทยพร้อม ๆ กับแทรกแซงการเมืองไทยอย่างไร้มารยาท อันเป็นที่มาของการที่รัฐบาลไทยเรียกทูตไทยกลับประเทศ และกัมพูชาตอบโต้ด้วยการเรียกทูตของตัวเองกลับประเทศเช่นเดียวกัน

ตามมาด้วยการยกเลิกเอ็มโอยูทางทะเล ซึ่งกำลังรอการเสนอเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภาเพื่อยกเลิกต่อไป และกระทรวงการคลังกำลังทบทวนว่าจะระงับเงินกู้ 1,400 ล้านบาทด้วยหรือไม่

ดังนั้นเมื่อกัมพูชาประกาศไม่ขอรับความช่วยเหลือจากไทย จึงเป็นเพียงเรื่องแก้เกี้ยวที่ “สมเด็จฮุนเซน” ต้องเล่นบทนี้เพื่อซื้อใจคนกัมพูชา พร้อมๆ กับการปลุกกระแสคลั่งชาติเพื่อเรียกคะแนนนิยมให้กับตัวเองตามแนวถนัดเท่านั้น

ขณะที่ไทยไม่ได้มีปัญหาอะไรเลยกับการที่กัมพูชาไม่รับความช่วยเหลือนี้

การที่ “อภิสิทธิ์” ทำหนังสือยืนยันว่าไทยยังไม่ได้ระงับเงินกู้ดังกล่าวไปยัง “สมเด็จ
ฮุนเซน” ก็เพียงแต่แจ้งข้อเท็จจริงให้ทราบเท่านั้น ว่า ไทยอยู่ระหว่างทบทวนและจะยกเลิกการทบทวนต่อเมื่อกัมพูชาได้แสดงออกชัดเจนที่จะฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างกัน ด้วยการแก้ปมปัญหาที่เกิดขึ้นจากการที่ “สมเด็จฮุนเซน” เป็นผู้สร้าง

จึงไม่ใช่การงอนง้อให้กัมพูชามารับความช่วยเหลือ ในทางตรงกันข้ามต้องบอกว่าเป็นความสุขุมในเชิงการทูตที่สะท้อนว่าไทยไม่ได้ปิดประตูตายที่จะฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างกัน

แต่คนที่จะเปิดประตูนั้นต้องเป็นกัมพูชาไม่ใช่ไทย

การที่รัฐบาลกัมพูชาทำหนังสือล่าสุดถึงรัฐบาลไทย ยื่นข้อเสนอว่า ให้ไทยส่งทูตกลับไปประจำที่กัมพูชาแล้วจะรับเงินกู้นั้น

ก็เป็นอีกหนึ่งความพยายามที่จะหลอกล่อให้คนทั่วไปที่ไม่ได้ติดตามข่าวสารดีพอ เข้าใจผิดว่า ไทยเป็นผู้สร้างปัญหาเพราะเรียกทูตกลับประเทศ

แต่ดูแล้ว “อภิสิทธิ์”ไม่หลงกล ทั้งเข้าใจปัญหาและมีจุดยืนชัดเจนว่าคนก่อปัญหาต้องเป็นผู้แก้ ดังนั้นเมื่อกัมพูชายังไม่ได้แก้ไขปัญหาที่ตัวเองสร้างขึ้น การลดระดับความสัมพันธ์ระหว่างกันก็ต้องดำเนินต่อไป

เมื่อผู้นำรัฐบาลมีหลักที่มั่นคงแล้ว “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รมว.กลาโหม ก็ควรมีจุดยืนชัดเจนเหมือนกัน ไม่ใช่เอะอะก็แนะนำให้ “อภิสิทธิ์” ต่อสายตรงไปหา “สมเด็จฮุนเซน” จนถูกอีกฝ่ายเอามาตีกินว่า โทรฯไปงอนง้อ ทั้งที่เนื้อหาการพูดคุยเพียงแค่ทำความเข้าใจว่าไทยยังไม่ได้ระงับเงินกู้ แต่ถ้าจะให้เลิกทบทวนเรื่องนี้ก็ต้องสางปมปัญหาที่กัมพูชาก่อขึ้นก่อนเท่านั้น

คนที่รู้จัก “สมเด็จฮุนเซน” ดีอย่าง “พล.อ.ประวิตร” น่าจะอ่านเกมออกว่า “สมเด็จฮุนเซน” กำลังสมคบคิดกับ “นช.ทักษิณ” ทำร้ายบ้านเมืองอย่างไร

บทบาทที่ควรทำในวันนี้คือ “พล.อ.ประวิตร” และกองทัพ ต้องพร้อมในการทำหน้าที่รั้วของชาติ และแสดงออกถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับนายกรัฐมนตรีและกระทรวงการต่างประเทศในการแก้ปัญหา

ไม่ใช่ขอให้อ่อนข้อให้กัมพูชาเพื่อฟื้นความสัมพันธ์เพียงอย่างเดียว แต่สิ่งที่รัฐบาลต้องทำคือจำกัดความขัดแย้งให้เป็นเรื่องระหว่างรัฐต่อรัฐ อย่าให้ถูกขยายผลกลายเป็นปัญหาของประชาชนสองประเทศ ซึ่งเราเห็นสัญญาณอยู่ตลอดเวลาว่า “สมเด็จฮุนเซน”กำลังเล่นบทอันธพาลท้าตีท้าต่อยปัญญาชนอย่างคนไทย ต้องไม่ตกอยู่ในวังวนของเกมซึ่ง “นช.ทักษิณ”วางกับดักล่อไว้

ขณะเดียวกันก็ขอย้ำว่า คนไทยต้องตั้งสติให้ดีกับ “เกมปั่นหัว” นำเอาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมากดดัน เพราะเราไม่จำเป็นต้องคืนดีกับกัมพูชา โดยเอาเกียรติยศศักดิ์ศรีของชาติและผลประโยชน์ของบ้านเมืองไปแลก