เมื่อวานนี้ ( 9 ธ.ค.) ที่ศาลปกครองกลาง ถนนแจ้งวัฒนะ ศาลปกครองโดย นายภานุพันธ์ ชัยรัต ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองกลาง เจ้าของสำนวน มีคำสั่งยกคำร้องขอกำหนดมาตรการ หรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษาคดีที่นายคูณทวี ภาวรรณ์ กับพวก 6 คน ซึ่งเป็นชาวบ้านใน ต.หนองปลาไหล ต.กุดนกเปล้า อ.เมืองสระบุรี และ ต.ห้วยแห้ง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยแห้ง และบริษัทเบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1- 4 ในคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐ ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าเกินสมควร เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา
คดีนี้ผู้ฟ้องคดีทั้ง 6 คนฟ้องว่า ได้รับความเดือดร้อนจากการประกอบกิจการของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 ซึ่งได้รับอนุญาตจากทางราชการให้ประกอบกิจการโรงงานฝังกลบกากขยะอุตสาหกรรมที่มีอันตราย ทำให้ผู้ฟ้องคดีและราษฎรจำนวนมากต้องทนทุกข์จากกลิ่นขยะสารพิษ จนมีอาการแน่นหน้าอก หายใจอึดอัด ปวดหัว แสบคอ คลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายท้อง มีราษฎรจำนวนมากต้องเจ็บป่วยและบางรายเสียชีวิต รวมทั้งสัตว์เลี้ยงและสัตว์น้ำล้มตาย แหล่งอุปโภคบริโภคเสียหายรุนแรง ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มีคำสั่งปิดบ่อขยะที่เป็นมูลเหตุแห่งการฟ้องคดีนี้ และขอให้ศาลกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราวก่อนการพิพากษา
ศาลพิเคราะห์คำร้องและคำขอคุ้มครองชั่วคราว รวมทั้งคำชี้แจ้งของคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายแล้วเห็นว่า กรณีความเดือดร้อนเกี่ยวกับกลิ่นเหม็นเน่า และน้ำเน่าเสียจากบ่อฝังกลบกากขยะอุตสาหกรรม ที่เป็นมูลเหตุแห่งการฟ้องคดีนี้ สามารถปรับปรุงหรือแก้ไขให้ถูกต้องเพื่อขจัดสาเหตุของกลิ่นเหม็น และน้ำเน่าเสียที่สร้างความเดือดร้อนแก่ผู้ฟ้องคดีที่ 1 กับพวกได้ ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยโรงงาน และตามข้อเท็จจริงได้มีการดำเนินโครงการในเรื่องดังกล่าวแล้ว
สำหรับกรณีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน และสิ่งแวดล้อมนั้นยังไม่ปรากฏแน่ชัดว่าเกิดจากการประกอบกิจการโรงงานฝังกลบกากขยะอุตสาหกรรมของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 ดังนั้นจึงเห็นว่า ในชั้นนี้ยังไม่มีเหตุเพียงพอที่จะนำมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองชั่วคราวมาบังคับใช้ จึงมีคำสั่งให้ยกคำขอคุ้มครองชั่วคราว
คดีนี้ผู้ฟ้องคดีทั้ง 6 คนฟ้องว่า ได้รับความเดือดร้อนจากการประกอบกิจการของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 ซึ่งได้รับอนุญาตจากทางราชการให้ประกอบกิจการโรงงานฝังกลบกากขยะอุตสาหกรรมที่มีอันตราย ทำให้ผู้ฟ้องคดีและราษฎรจำนวนมากต้องทนทุกข์จากกลิ่นขยะสารพิษ จนมีอาการแน่นหน้าอก หายใจอึดอัด ปวดหัว แสบคอ คลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายท้อง มีราษฎรจำนวนมากต้องเจ็บป่วยและบางรายเสียชีวิต รวมทั้งสัตว์เลี้ยงและสัตว์น้ำล้มตาย แหล่งอุปโภคบริโภคเสียหายรุนแรง ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มีคำสั่งปิดบ่อขยะที่เป็นมูลเหตุแห่งการฟ้องคดีนี้ และขอให้ศาลกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราวก่อนการพิพากษา
ศาลพิเคราะห์คำร้องและคำขอคุ้มครองชั่วคราว รวมทั้งคำชี้แจ้งของคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายแล้วเห็นว่า กรณีความเดือดร้อนเกี่ยวกับกลิ่นเหม็นเน่า และน้ำเน่าเสียจากบ่อฝังกลบกากขยะอุตสาหกรรม ที่เป็นมูลเหตุแห่งการฟ้องคดีนี้ สามารถปรับปรุงหรือแก้ไขให้ถูกต้องเพื่อขจัดสาเหตุของกลิ่นเหม็น และน้ำเน่าเสียที่สร้างความเดือดร้อนแก่ผู้ฟ้องคดีที่ 1 กับพวกได้ ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยโรงงาน และตามข้อเท็จจริงได้มีการดำเนินโครงการในเรื่องดังกล่าวแล้ว
สำหรับกรณีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน และสิ่งแวดล้อมนั้นยังไม่ปรากฏแน่ชัดว่าเกิดจากการประกอบกิจการโรงงานฝังกลบกากขยะอุตสาหกรรมของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 ดังนั้นจึงเห็นว่า ในชั้นนี้ยังไม่มีเหตุเพียงพอที่จะนำมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองชั่วคราวมาบังคับใช้ จึงมีคำสั่งให้ยกคำขอคุ้มครองชั่วคราว