จักรยานแอล.เอ. หืดขึ้นคอ ยอดร่วง 30% สูงสุดรอบก่อตั้งบริษัท แต่ใจชื้นครึ่งปีหลังสถานการณ์ดีขึ้น คาดทั้งปีร่วงแค่ 5% เร่งแก้เกมใหม่ ส่งแบรนด์ใหม่ “อินฟินิท” เจาะไฮเอนด์ ขยายตลาดส่งออกสู่เวียดนาม และอินเดีย ลดความเสี่ยง ลั่นปีหน้าแก้ตัวดันยอดโต 15%
นางสาวจันทนา ติยะวัชรพงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แอล.เอ.ไบซิเคิ้ล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายจักรยานของไทยแบรนด์ แอล.เอ. เปิดเผยว่า ยอดขายของบริษัทฯตั้งแต่ปลายปี 2550 ถึงกลางปี 2552 พบว่าตกลงไปมากกว่า 30% เช่นเดียวกับตลาดรวมจักรยานที่ตกลง 30% จากมูลค่าตลาดรวมกว่า 2,000 ล้านบาท หรือประมาณ 2.2 ล้านคัน เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ดีและปัญหาความไม่สงบทางการเมือง ซึ่งถืทว่าเป็นอัตราการตกลงมากที่สุดในรอบ 11 ปีที่ทำตลาดแอล.เอ.มา จากเดิมเติบโตเฉลี่ย 20-30% ทุกปี
อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีหลังนี้คาดว่าสถานการณ์ต่างๆน่าจะดีขึ้น โดยเฉพาะตั้งแต่กลางเดือนถึงปลายเดือนกันยายนยอดขายเริ่มเติบโตขึ้น 5% และคาดว่าทั้งปีจะช่วยทำให้ยอดขายรวมของบริษัทฯตกลงประมาณ 5-10% เท่านั้น หรือมียอดขายรวมที่ 900-1,100 ล้านบาท หรือประมาณ 1,000,000 คัน เพิ่มจากปี 2550 มียอดขายประมาณ 700 ล้านบาท ส่วนปีหน้าตั้งเป้าหมายเติบโต 15% หรือมีรายได้ประมาณ 1,400 ล้านบาท ซึ่งสัดส่วนรายได้ขณะนี้แบ่งเป็น ในประเทศ 50% ซึ่งมีทั้งการผลิตแบรนด์ตัวเองและรับจ้างผลิตด้วย และตลาดต่างประเทศ 50%
ปัจจุบันจักรยานแอล.เอ. มีส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า 60-70% จากตลาดรวม โดยในตลาดรวมนั้น แบ่งเป็น 3 ประเภท คือ ระดับไฮเอนด์ ราคา 40,000 – 100,000 บาทขึ้นไปต่อคัน 2.ระดับมีเดียม ราคา 3,000 – 40,000 บาทต่อคัน และ 3.ระดับล่าง ราคา ต่ำวก่า 1,000 บาท ซึ่งสัดส่วนยอดรายได้ของบริษัทฯแบ่งเป็น 5%-10%, 65-70% และ 15-20% ตามลำดับ โดยมีกำลังผลิตมากกว่า 1,800,000 คันต่อปี ซึ่งมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทั้งนี้แผนการดำเนินงานในปี 2553 นั้น จะมีการเพิ่มงบตลาดเป็น 70 ล้านบาท มากที่สุดในรอบก่อตั้งบริษัทฯ หรือเพิ่มขึ้น 15% เพื่อทำกิจกรรม การโปรดโมชัน การส่งเสริมการขาย การทำซีอาร์เอ็ม การโรดโชว์ต่างๆเช่น การส่งจักรยานรุ่น “Metro Urban” ร่วมแข่งขันประกวดการออกแบบจักรยานในงาน Taipei International Cycle Show 2009 และคว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับที่สอง
การออกสินค้าแบรนด์ใหม่คือ “อินฟินิท” ( Infinite) จักรยานคาร์บอนไฟเบอร์จับกลุ่มไฮเอนด์ ราคาเฉลี่ย 150,000 บาทต่อคัน ซึ่งเปิดตัวในงาน ยูโร ไบค์ โชว์ 2009 เยอรมนี และการที่บริษัทฯได้ขยายตลาดไปยังกลุ่มจักรยานเด็กประเภท 3 ล้อ ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาด 30%
ขณะที่ตลาดส่งออกได้ขยายตลาดใหม่ๆเพื่อเป็นการลดความเสี่ยง ซึ่งปีนี้ออร์เดอร์ต่างประเทศหายไปมาก ตลาดใหม่ๆเช่น ตลาดกลุ่มสแกนดิเนเวีย คือ เนเธอร์แลนด์ เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วน 10% จากรายได้ส่งออกแล้ว หรือตลาดกลุ่มเวียดนามกับอินเดีย มีสัดส่วน 10% ขณะที่ตลาดหลักยังคงเป็น ยุโรป เช่น อังกฤษ เยอรมนี สัดส่วน 80% จากรายได้รวม
“ในเวียดนามกำลังเจรจากับพาร์ทเนอร์เพื่อหาทางช่วยเหลือเขาอยู่ กรณีที่เวียดนามได้ลดค่าเงินด่องลง ซึ่งกระทบกับคู่ค้าเราอย่างมาก เช่นอาจจะช่วยด้านการตลาด ซึ่งตอนนี้มีแอลเอชอปในเวียดนาม 35 แห่ง”
ล่าสุดได้ร่วมมือกับ บริษัท พร็อพพาแกนดิสท์ จำกัด เจ้าของสินค้าแบรนด์ พร็อพพาแกนดาของไทย ทำตลาดพรีเมียมกิ๊ฟท์ “Green Power Clean Power Mr.P & LA Bicycle” เพื่อขยายฐานลูกค้าอีก 15%
นางสาวจันทนา ติยะวัชรพงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แอล.เอ.ไบซิเคิ้ล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายจักรยานของไทยแบรนด์ แอล.เอ. เปิดเผยว่า ยอดขายของบริษัทฯตั้งแต่ปลายปี 2550 ถึงกลางปี 2552 พบว่าตกลงไปมากกว่า 30% เช่นเดียวกับตลาดรวมจักรยานที่ตกลง 30% จากมูลค่าตลาดรวมกว่า 2,000 ล้านบาท หรือประมาณ 2.2 ล้านคัน เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ดีและปัญหาความไม่สงบทางการเมือง ซึ่งถืทว่าเป็นอัตราการตกลงมากที่สุดในรอบ 11 ปีที่ทำตลาดแอล.เอ.มา จากเดิมเติบโตเฉลี่ย 20-30% ทุกปี
อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีหลังนี้คาดว่าสถานการณ์ต่างๆน่าจะดีขึ้น โดยเฉพาะตั้งแต่กลางเดือนถึงปลายเดือนกันยายนยอดขายเริ่มเติบโตขึ้น 5% และคาดว่าทั้งปีจะช่วยทำให้ยอดขายรวมของบริษัทฯตกลงประมาณ 5-10% เท่านั้น หรือมียอดขายรวมที่ 900-1,100 ล้านบาท หรือประมาณ 1,000,000 คัน เพิ่มจากปี 2550 มียอดขายประมาณ 700 ล้านบาท ส่วนปีหน้าตั้งเป้าหมายเติบโต 15% หรือมีรายได้ประมาณ 1,400 ล้านบาท ซึ่งสัดส่วนรายได้ขณะนี้แบ่งเป็น ในประเทศ 50% ซึ่งมีทั้งการผลิตแบรนด์ตัวเองและรับจ้างผลิตด้วย และตลาดต่างประเทศ 50%
ปัจจุบันจักรยานแอล.เอ. มีส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า 60-70% จากตลาดรวม โดยในตลาดรวมนั้น แบ่งเป็น 3 ประเภท คือ ระดับไฮเอนด์ ราคา 40,000 – 100,000 บาทขึ้นไปต่อคัน 2.ระดับมีเดียม ราคา 3,000 – 40,000 บาทต่อคัน และ 3.ระดับล่าง ราคา ต่ำวก่า 1,000 บาท ซึ่งสัดส่วนยอดรายได้ของบริษัทฯแบ่งเป็น 5%-10%, 65-70% และ 15-20% ตามลำดับ โดยมีกำลังผลิตมากกว่า 1,800,000 คันต่อปี ซึ่งมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทั้งนี้แผนการดำเนินงานในปี 2553 นั้น จะมีการเพิ่มงบตลาดเป็น 70 ล้านบาท มากที่สุดในรอบก่อตั้งบริษัทฯ หรือเพิ่มขึ้น 15% เพื่อทำกิจกรรม การโปรดโมชัน การส่งเสริมการขาย การทำซีอาร์เอ็ม การโรดโชว์ต่างๆเช่น การส่งจักรยานรุ่น “Metro Urban” ร่วมแข่งขันประกวดการออกแบบจักรยานในงาน Taipei International Cycle Show 2009 และคว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับที่สอง
การออกสินค้าแบรนด์ใหม่คือ “อินฟินิท” ( Infinite) จักรยานคาร์บอนไฟเบอร์จับกลุ่มไฮเอนด์ ราคาเฉลี่ย 150,000 บาทต่อคัน ซึ่งเปิดตัวในงาน ยูโร ไบค์ โชว์ 2009 เยอรมนี และการที่บริษัทฯได้ขยายตลาดไปยังกลุ่มจักรยานเด็กประเภท 3 ล้อ ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาด 30%
ขณะที่ตลาดส่งออกได้ขยายตลาดใหม่ๆเพื่อเป็นการลดความเสี่ยง ซึ่งปีนี้ออร์เดอร์ต่างประเทศหายไปมาก ตลาดใหม่ๆเช่น ตลาดกลุ่มสแกนดิเนเวีย คือ เนเธอร์แลนด์ เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วน 10% จากรายได้ส่งออกแล้ว หรือตลาดกลุ่มเวียดนามกับอินเดีย มีสัดส่วน 10% ขณะที่ตลาดหลักยังคงเป็น ยุโรป เช่น อังกฤษ เยอรมนี สัดส่วน 80% จากรายได้รวม
“ในเวียดนามกำลังเจรจากับพาร์ทเนอร์เพื่อหาทางช่วยเหลือเขาอยู่ กรณีที่เวียดนามได้ลดค่าเงินด่องลง ซึ่งกระทบกับคู่ค้าเราอย่างมาก เช่นอาจจะช่วยด้านการตลาด ซึ่งตอนนี้มีแอลเอชอปในเวียดนาม 35 แห่ง”
ล่าสุดได้ร่วมมือกับ บริษัท พร็อพพาแกนดิสท์ จำกัด เจ้าของสินค้าแบรนด์ พร็อพพาแกนดาของไทย ทำตลาดพรีเมียมกิ๊ฟท์ “Green Power Clean Power Mr.P & LA Bicycle” เพื่อขยายฐานลูกค้าอีก 15%