ASTVผู้จัดการรายวัน- อีเทอเนิล เอนเนอยี ไตรมาส 3 ปีนี้ขาดทุนกว่า 30 ล้านบาท ขณะที่งวดเดียวกันของปี51มีกำไร 15 ล้านบาท ผลจากมีรายได้จากธุรกิจอาหารเพียงอย่างเดียว บวกกับการแข็งค่าของเงินบาท ส่งผลให้รายได้รวมลดลง ขณะ ตลท.ปลดเครื่องหมาย SP และให้ซื้อขายตามปกติ ตั้งแต่ 8 ธ.ค.เป็นต้นไป
นายวรเจตน์ อินทามระ กรรมการ บริษัท อีเทอเนิล เอนเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ EE หรือเดิมคือ บมจ.ซฮอร์ส แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปีนี้ สิ้นสุด 30 กันยายน 52 ว่าบริษัทขาดทุนสุทธิ 30.30 ล้านบาท ขณะงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 14.90 ล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือนขาดทุนสุทธิ 255.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 51 ที่ขาดทุนสุทธิ 19.57 ล้านบาท หรือกำไรทรุด 303.35 %
ทั้งนี้ เป็นผลจากการที่บริษัทได้ดำเนินการขายทรัพย์สินส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจอาหารตามสัญญาซื้อขาย วันที่ 31 กรกฎาคม 2552 ดังนั้นบริษั ทจึง รับรู้ผลการดำเนินงานของสวนธุรกิจอาหารเพียง 7 เดือน ส่งผลให้ผลการดำเนินงานมีดังนี้คือมีรายได้รวม 563.556 ล้านบาท ลดลงจาก ไตรมาส 3/2551 จำนวน 175.370 ล้านบาท คิดเป็น 23.74 % ส่วนหนึ่งมาจากการแข็งค่าของเงินบาท มีผลให้รายได้จากการขายลดลง ส่วนค่าใช้จ่ายมีต้นทุนขาย 554.721 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส 3/2551 จำนวน 53.264 ล้านบาท คิดเป็น 8.76 % แต่เกิดผลขาดทุนขั้นต้นจากส่วนธุรกิจอาหาร 12.251 ล้านบาท เนื่องจากการลดกำลังการผลิตลง และมีการนำสินค้าสำเร็จรูปเดิมมาทำการผลิตใหม่เพื่อส่งสินค้าออกตามคำสั่งซื้อ ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้น เพราะบริษัทใหญ่ได้บันทึกค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญของลูกหนี้การค้าธุรกิจอาหาร
ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ปลดเครื่องหมาย "SP" (Suspension) หลักทรัพย์ของบริษัท อีเทอเนิล เอนเนอยี จำกัด (มหาชน) (EE) และอนุญาตให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของบริษัทตั้งแต่รอบเช้าของวันที่ 8 ธันวาคม 2552 เป็นต้นไป หลังจากที่ได้แขวนเครื่องหมายดังกล่าวตั้งแต่การซื้อหรือขายรอบเช้าของวันที่ 17 พฤศจิกายน 2552 เนื่องจากบริษัทไม่สามารถนำส่งงบการเงินสำหรับไตรมาสดังกล่าวที่ผ่านการสอบทานจากผู้สอบบัญชีภายในเวลาที่กำหนด
นายวรเจตน์ อินทามระ กรรมการ บริษัท อีเทอเนิล เอนเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ EE หรือเดิมคือ บมจ.ซฮอร์ส แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปีนี้ สิ้นสุด 30 กันยายน 52 ว่าบริษัทขาดทุนสุทธิ 30.30 ล้านบาท ขณะงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 14.90 ล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือนขาดทุนสุทธิ 255.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 51 ที่ขาดทุนสุทธิ 19.57 ล้านบาท หรือกำไรทรุด 303.35 %
ทั้งนี้ เป็นผลจากการที่บริษัทได้ดำเนินการขายทรัพย์สินส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจอาหารตามสัญญาซื้อขาย วันที่ 31 กรกฎาคม 2552 ดังนั้นบริษั ทจึง รับรู้ผลการดำเนินงานของสวนธุรกิจอาหารเพียง 7 เดือน ส่งผลให้ผลการดำเนินงานมีดังนี้คือมีรายได้รวม 563.556 ล้านบาท ลดลงจาก ไตรมาส 3/2551 จำนวน 175.370 ล้านบาท คิดเป็น 23.74 % ส่วนหนึ่งมาจากการแข็งค่าของเงินบาท มีผลให้รายได้จากการขายลดลง ส่วนค่าใช้จ่ายมีต้นทุนขาย 554.721 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส 3/2551 จำนวน 53.264 ล้านบาท คิดเป็น 8.76 % แต่เกิดผลขาดทุนขั้นต้นจากส่วนธุรกิจอาหาร 12.251 ล้านบาท เนื่องจากการลดกำลังการผลิตลง และมีการนำสินค้าสำเร็จรูปเดิมมาทำการผลิตใหม่เพื่อส่งสินค้าออกตามคำสั่งซื้อ ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้น เพราะบริษัทใหญ่ได้บันทึกค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญของลูกหนี้การค้าธุรกิจอาหาร
ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ปลดเครื่องหมาย "SP" (Suspension) หลักทรัพย์ของบริษัท อีเทอเนิล เอนเนอยี จำกัด (มหาชน) (EE) และอนุญาตให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของบริษัทตั้งแต่รอบเช้าของวันที่ 8 ธันวาคม 2552 เป็นต้นไป หลังจากที่ได้แขวนเครื่องหมายดังกล่าวตั้งแต่การซื้อหรือขายรอบเช้าของวันที่ 17 พฤศจิกายน 2552 เนื่องจากบริษัทไม่สามารถนำส่งงบการเงินสำหรับไตรมาสดังกล่าวที่ผ่านการสอบทานจากผู้สอบบัญชีภายในเวลาที่กำหนด