ยานภัณฑ์ ลังเลส่งงบแก้ไขปี 51 และงวดไตรมาส 1 และ 2 ปี 52 ตามคำสั่ง ก.ล.ต. หวั่นกระทบกำไรสะสมของบริษัทและทำให้ตัวเลขยอดขาดทุนบิดเบือน เดินหน้าส่งงบไตรมาส 3 พบขาดทุนอ่วม 626 ล้านบาท ขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 26 ล้านบาท เหตุยอดขายลดและตั้งสำรองการด้อยค่าเงินลงทุนในบ.ย่อยรวมทั้งค่าเผื่้อหนี้สูญสูง
นางสาวประภัสสร ศิริปัญโญ เลขานุการบริษัท บริษัท ยานภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) หรือ YNP แจ้ว่าตามที่บริษัทได้รับหนังสือ แจ้งจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. เรื่อง ขอให้แก้ไขงบการเงินประจำปี 2551 และงบการเงินไตรมาสที่ 1 และ 2 ของปี 2552 ฉบับลงวันที่ 10 พฤศจิกายน2552 นั้นบริษัทชี้แจงว่า บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาคำสั่งดังกล่าวข้างต้น ซึ่งยังคงมีระยะเวลา 30 วัน ทั้งนี้ บริษัทจะยังคงส่งงบการเงินไตรมาสที่ 3/2552 โดยยังไม่รวมพิจารณารายการตามคำสั่งข้างต้นแต่อย่างใดซึ่งผลกระทบที่คาดว่าจะได้รับในกรณีที่มีการแก้ไขปรับปรุงงบการเงินตามคำสั่งของสำนักงานฯ คือ
1.งบการเงินประจำปี 2551 จะกระทบในส่วนของกำไรสะสมของบริษัทซึ่งอาจจะมียอดขาดทุนเพิ่มขึ้น 61,888,331.32 บาท
2.งบการเงินไตรมาส 1 ปี 2552 จะกระทบในส่วนของกำไรสะสมของบริษัทซึ่งอาจจะมียอดขาดทุนลดลง 1,939,904.94 บาท
3.งบการเงินไตรมาส 2 ปี 2552 จะกระทบในส่วนของกำไรสะสมของบริษัทซึ่งอาจจะมียอดขาดทุนลดลง 1,961,384.23 บาท
4.งบการเงินไตรมาส 3 ปี 2552 จะกระทบในส่วนของกำไรสะสมของบริษัทซึ่งอาจจะมียอดขาดทุนลดลง 1,982,937.89 บาท
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปีนี้ สิ้นสุด 30 ก.ย.52 นั้น บริษัทและบริษัทย่อยมีผลขาดทุนสุทธิ 625.75 ล้านบาท ขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 25.71 ล้านบาท หรือขาดทุนเพิ่มขึ้น651.47 ล้านบาท หรือขาดทุนเพิ่มขึ้น 2,533.16% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2551 ซึ่งมีผลกำไรสุทธิ 25.72 ล้านบาท กำไรลดลงเกิดจากบริษัทมียอดจำหน่ายลดลง 1,152.37ล้านบาทคิดเป็นสัดส่วนลดลง 40.19%แต่ยังคงมีรายจ่ายคงที่ที่ไม่ผันแปรตามยอดจำหน่ายของบริษัท ฯ ที่ลดลงและอีกประการคือในไตรมาส 3 ปี 2552 บริษัทพิจารณาตั้งสำรองการด้อยค่าเงินลงทุนในบริษัทย่อย 339.93 ล้านบาท และค่าเผื่อหนี้สูญ 128.74 ล้านบาท ซึ่งรายการดังกล่าวมีผลกระทบต่อกำไรสุทธิของบริษัทอย่างเป็นสาระสำคัญ
โดยบริษัทมียอดขายรวมงวดนี้ 1,715.10 ล้านบาท ลดลง 1,152.37 ล้านบาท หรือลดลง 40.19% ขณะที่ไตรมาส 3 ปี 51 เทียบกับไตรมาส 3 มียอดขายรวม 2,867.47 ล้านบาท เหตุที่ยอดขายลดลงเพราะบริษัทฯ ได้รับคำสั่งซื้อลดลงตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศและความไม่มั่นใจของเสถียรภาพทางการเมืองตั้งแต่ปลายปี 51 และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสียของบริษัทร่วมลดลง เพราะไม่สามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนของบริษัท วาย เอส ภัณฑ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมเพราะสัดส่วนการถือหุ้นไม่เข้าเกณฑ์การรับรู้
ด้านต้นทุนขายและค่าใช้จ่ายลดลง จากคำสั่งลดกำลังการผลิตจากลูกค้า ในงวดปัจจุบันในส่วนค่าแรงงานที่ยังคงสัดส่วนสูงเมื่อเทียบกับยอดจำหน่ายที่ลดลงและค่าใช้จ่ายคงที่เช่นค่าเสื่อมราคาที่มีมูลค่าไม่ผันแปรตาม ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่ำลง
นางสาวประภัสสร ศิริปัญโญ เลขานุการบริษัท บริษัท ยานภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) หรือ YNP แจ้ว่าตามที่บริษัทได้รับหนังสือ แจ้งจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. เรื่อง ขอให้แก้ไขงบการเงินประจำปี 2551 และงบการเงินไตรมาสที่ 1 และ 2 ของปี 2552 ฉบับลงวันที่ 10 พฤศจิกายน2552 นั้นบริษัทชี้แจงว่า บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาคำสั่งดังกล่าวข้างต้น ซึ่งยังคงมีระยะเวลา 30 วัน ทั้งนี้ บริษัทจะยังคงส่งงบการเงินไตรมาสที่ 3/2552 โดยยังไม่รวมพิจารณารายการตามคำสั่งข้างต้นแต่อย่างใดซึ่งผลกระทบที่คาดว่าจะได้รับในกรณีที่มีการแก้ไขปรับปรุงงบการเงินตามคำสั่งของสำนักงานฯ คือ
1.งบการเงินประจำปี 2551 จะกระทบในส่วนของกำไรสะสมของบริษัทซึ่งอาจจะมียอดขาดทุนเพิ่มขึ้น 61,888,331.32 บาท
2.งบการเงินไตรมาส 1 ปี 2552 จะกระทบในส่วนของกำไรสะสมของบริษัทซึ่งอาจจะมียอดขาดทุนลดลง 1,939,904.94 บาท
3.งบการเงินไตรมาส 2 ปี 2552 จะกระทบในส่วนของกำไรสะสมของบริษัทซึ่งอาจจะมียอดขาดทุนลดลง 1,961,384.23 บาท
4.งบการเงินไตรมาส 3 ปี 2552 จะกระทบในส่วนของกำไรสะสมของบริษัทซึ่งอาจจะมียอดขาดทุนลดลง 1,982,937.89 บาท
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปีนี้ สิ้นสุด 30 ก.ย.52 นั้น บริษัทและบริษัทย่อยมีผลขาดทุนสุทธิ 625.75 ล้านบาท ขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 25.71 ล้านบาท หรือขาดทุนเพิ่มขึ้น651.47 ล้านบาท หรือขาดทุนเพิ่มขึ้น 2,533.16% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2551 ซึ่งมีผลกำไรสุทธิ 25.72 ล้านบาท กำไรลดลงเกิดจากบริษัทมียอดจำหน่ายลดลง 1,152.37ล้านบาทคิดเป็นสัดส่วนลดลง 40.19%แต่ยังคงมีรายจ่ายคงที่ที่ไม่ผันแปรตามยอดจำหน่ายของบริษัท ฯ ที่ลดลงและอีกประการคือในไตรมาส 3 ปี 2552 บริษัทพิจารณาตั้งสำรองการด้อยค่าเงินลงทุนในบริษัทย่อย 339.93 ล้านบาท และค่าเผื่อหนี้สูญ 128.74 ล้านบาท ซึ่งรายการดังกล่าวมีผลกระทบต่อกำไรสุทธิของบริษัทอย่างเป็นสาระสำคัญ
โดยบริษัทมียอดขายรวมงวดนี้ 1,715.10 ล้านบาท ลดลง 1,152.37 ล้านบาท หรือลดลง 40.19% ขณะที่ไตรมาส 3 ปี 51 เทียบกับไตรมาส 3 มียอดขายรวม 2,867.47 ล้านบาท เหตุที่ยอดขายลดลงเพราะบริษัทฯ ได้รับคำสั่งซื้อลดลงตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศและความไม่มั่นใจของเสถียรภาพทางการเมืองตั้งแต่ปลายปี 51 และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสียของบริษัทร่วมลดลง เพราะไม่สามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนของบริษัท วาย เอส ภัณฑ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมเพราะสัดส่วนการถือหุ้นไม่เข้าเกณฑ์การรับรู้
ด้านต้นทุนขายและค่าใช้จ่ายลดลง จากคำสั่งลดกำลังการผลิตจากลูกค้า ในงวดปัจจุบันในส่วนค่าแรงงานที่ยังคงสัดส่วนสูงเมื่อเทียบกับยอดจำหน่ายที่ลดลงและค่าใช้จ่ายคงที่เช่นค่าเสื่อมราคาที่มีมูลค่าไม่ผันแปรตาม ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่ำลง
