ASTVผู้จัดการรายวัน/ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - "อนุพงษ์"รุดกล่อมอดีตทหารพรานค่ายปักธงชัย สกัดเข้าร่วมม็อบแดง 10 ธ.ค. พร้อมประเดิมมอบเงิน 5 ล้าน ตั้งกองทุนช่วยเหลือ ลั่น "เสธ.แดง" ทำผิดต้องรับโทษทั้งวินัย-อาญา ปลัดกลาโหม จวก "เสธ.แดง" ตัวอย่างทหารเลว ผงะ M26 กว่า 50 ลูกล่องหนจากค่ายสุรธรรมพิทักษ์ ทภ.2 แกนนำพันธมิตรฯ เตือนรัฐบาลอย่าประมาท จับตา"ทหารรับจ้าง" กองกำลังอันธพาลระบอบ"แม้ว"
วานนี้ (8 ธ.ค.) เวลา 08.00 น. ที่กรมทหารพราน 26 ค่ายปักธงชัย ต.ภูหลวง อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้เดินทางมาพบปะกำลังพลอาสาสมัครทหารพราน และอดีตอาสาสมัครทหารพราน มี พล.ท.วีร์วลิต จรสัมฤทธิ์ แม่ทัพภาคที่ 2 และนายทหารระดับสูงของกองทัพภาคที่ 2 ให้การต้อนรับ โดยมีอาสาสมัครทหารพรานปลดประจำการ จากชมรมนักรบดำค่ายปักธงชัย จ.อุบลราชธานี, นครราชสีมา และกรุงเทพฯ เข้าร่วมกว่า 560 คน ซึ่งก่อนพบปะทหารพราน ผบ.ทบ.ได้เข้ากราบนมัสการพระพุทธรูปประจำค่ายปักธงชัย และเป็นประธานนำเหล่าทหารพรานนักรบดำที่มาต้อนรับ ลงนามถวายพระพรต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวกับอาสาสมัครทหารพรานว่า ไม่ว่าทหารหลักหรือทหารพรานนั้นคือ ทหารของชาติเหมือนกัน และเป็นทหารของประชาชน เป็นทหารในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แม้จะเข้ามารับราชการทหารต่างกันก็ตาม ทหารพรานเข้ามาไม่ได้ทำงานด้านธุรการ แต่เข้ามาเป็นนักรบ ความรู้สึกของตนเห็นคุณค่าของทหารพรานในการเสียสละเพื่อประเทศชาติ สิ่งที่ทหารพรานได้ทำเพื่อชาตินั้นเป็นทั้งความยิ่งใหญ่เกียรติยศ และศักดิ์ศรี ทำเพื่อความมั่นคงของชาติ ทั้งป้องกันศัตรูภายนอกที่จะมารุกล้ำอธิปไตย และหากมีศัตรูภายในทหารพราน ก็ทำแบบเดียวกับเจ้าหน้าที่ข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพียงแต่ทำหน้าที่ต่างกัน
หากถามว่าทหารพรานเป็นสีอะไร พอจะตอบได้ว่า ท่านเป็นนักรบดำ แต่หากถามนัยความวุ่นวายในประเทศชาติ ท่านเป็นสีอะไร บอกได้ว่ากองทัพบกไม่มีสี ซึ่งหมายรวมถึง ผบ.ทบ.เองและทุกคนในกองทัพ ไม่มีสี ถ้าประเทศชาติมีความขัดแย้งเกิดขึ้นไม่มีความสงบ มีการแบ่งแยกสี แยกเหล่าและทหาร พลเรือน ตำรวจ แยกกันคนละสีตามอำเภอใจ บ้านเมืองก็จะเกิดความวุ่นวายหรือเกิดกุลียุคขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ถืออาวุธ หรือเคยถืออาวุธออกไปสร้างความปั่นป่วนก็จะทำให้ชาติบ้านเมืองไม่เป็นปกติสุข เช่นเดียวกับทหารที่ปลดประจำการ ก็ยังคงเป็นทหารของชาติ จะเลือกสีไม่ได้ เพราะการเลือกสีเป็นผู้ที่เขาอยากได้อำนาจรัฐเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าบ้านเมืองมันวิกฤติถึงที่สุดแล้ว อาจจะเอาพวกท่านที่ปลดประจำการกลับมาช่วยชาติ ซึ่งตนก็ไม่แน่ใจว่าจะมีการสู้รบกันเกิดขึ้น มันจะเป็นเหมือนเมืองเบรุต ประเทศเลบานอน ซึ่งเมื่อก่อนเป็นเมืองสวยงาม แต่ตอนนี้มีเพียงซากปรักหักพังไปทั่วประเทศ ต่างคนต่างก็จะรบกัน มันไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง ประเทศที่เจริญแล้วเขาไม่ทำ เขาจะใช้กฎหมาย ใช้การพูดคุยกัน และเราภาวนาว่า ไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับประเทศชาติของเรา
**ทหารพรานนักรบของชาติ-ในหลวง
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวต่อว่า หน้าที่ของท่านตอนนี้ แม้ว่าจะปลดประจำการออกไปแล้ว แต่ท่านคือกำลังของชาติเช่นเดียวกัน เสียสละเพื่อประเทศชาติมามากมาย แม้คนจะมองไม่ค่อยเห็นก็ตาม แต่อยากชี้ให้เห็นว่า อดีตที่ผ่านมามันสวยงามปานใดในฐานะนักรบของชาติ เป็นนักรบในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภายใต้ค่าตอบแทนเล็กน้อย อนาคตข้างหน้าเทียบกับทหารหลักหรือข้าราชการส่วนอื่นก็ไม่ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ท่านจะเป็นอย่างอื่นไม่ได้
"หากวันใดวันหนึ่งมีคนมาให้อามิสสินจ้างใช้เป็นสีนั้น สีนี้ หรือสีตุ่นแล้วแต่จะเรียกกันมันไม่ได้ ประเทศชาติเดินเช่นนั้นไม่ได้ ถ้าเดินเช่นนั้นได้โดยสีใดสีหนึ่งมีมาก ก็ฟาดฟันกับอีกสีให้สิ้นไป มันไม่ได้ เป็นเช่นนั้นไม่ได้ ประเทศชาติจะเสียหาย ขอให้ยึดมั่นความเป็นนักรบดำไว้ให้ดี" พล.อ.อนุพงษ์กล่าว
**อย่าเห็นแก่เงินค่าจ้าง 500 บาท
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวอีกว่า กองทัพบกจะดูแลทหารพรานอย่างเต็มที่ ทั้งที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่และปลดประจำการไปแล้ว โดยเฉพาะเรื่องสวัสดิการ ทั้งค่ารักษาพยาบาล, เงินสงเคราะห์การศึกษาบุตร และการส่งเสริมอาชีพ เพื่อให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งในวันนี้ได้มอบเงินจำนวน 5 ล้านบาท ให้ชมรมนักรบดำค่ายปักธงชัย นำไปจัดตั้งกองทุน เพื่อช่วยเหลือดูแลอดีตทหารพรานในเบื้องต้นไปก่อน
อย่างไรก็ตาม ขอให้ทหารพรานรักษาเกียรติศักดิ์ศรีของนักรบดำที่ทุกข์ยากลำบากปกป้องประเทศชาติมาในอดีต เมื่อปลดประจำการไปแล้วก็ยังคงเป็นนักรบของชาติ และเป็นไปจนวันตาย ฉะนั้นทหารต้องไม่เข้าร่วมกับกลุ่มใด หรือสีใดในการสร้างความวุ่นวายให้กับประเทศชาติ เพราะเงินเพียงเล็กน้อยวันละ 500 บาทไม่ได้เกิดประโยชน์อะไร แต่กลับทำให้ศักดิ์ศรีของนักรบดำไม่เหลือเลย
**เสธ.แดงผิดต้องรับโทษวินัย-อาญา
พล.อ.อนุพงษ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ออกมาตอบโต้ท้าทายกองทัพบก และผบ.ทบ.อย่างรุนแรงว่า ไม่สามารถจะดำเนินการเอาผิดอะไรเขาได้กรณีออกมาพูดเรื่องอดีตทหารพรานจะเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มเสื้อแดง และพร้อมติดอาวุธสู้รบกับทหารหลักว่า ตนไม่ทราบ แต่ทุกคนในกองทัพบกอยู่ภายใต้กฎระเบียบเดียวกันไม่ว่าใครทั้งสิ้น ตนเองก็อยู่ในกฎระเบียบ ทุกวันนี้ก็มีการใช้กฎระเบียบ ใครขาด ใครหนี ใครทำผิดก็มีโทษทัณฑ์ทางวินัย อาญา ทุกคนเหมือนกันหมด
ส่วนที่ พล.ต.ขัตติยะ ยังออกมายืนยันว่า จะมีกองกำลังอดีตทหารพรานร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 10 ธ.ค.นี้ และอาจเกิดการสู้รบกับทหารหลักได้นั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวย้ำว่า ไม่มีแน่นอน ที่มาวันนี้ทุกคนก็เห็นชัดเจนอยู่แล้ว
**นักรบดำยันไม่ร่วมม็อบแดง
ด้านนายไพโรจน์ แจ้งสวัสดิ์ ประธานชมรมนักรบดำค่ายปักธงชัย จ.อุบลราชธานี กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่กองทัพบกให้ความสำคัญกับทหารพราน และให้การช่วยเหลือซึ่งเราจะขอยืนยันว่าอดีตทหารพรานนักรบดำค่ายปักธงชัย ไม่เคยเข้าไปร่วมชุมนุมเคลื่อนไหวกับกลุ่มใด สีใด เพราะทหารพรานนักรบดำทุกคนมีศักดิ์ศรี มีระเบียบวินัย ไม่ตกเป็นเครื่องมือของใคร
การที่มีการกล่าวอ้างกันว่ามีทหารพรานฯเข้าไปร่วมเป็นการ์ดให้กับกลุ่มคนเสื้อแดงนั้นไม่เป็นความจริง เป็นการแอบอ้างชื่อนักรบดำไปใช้ และทหารพรานไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสีใดทั้งสิ้น จึงขอให้หยุดการกระทำดังกล่าวได้แล้ว เพราะทำให้ภาพพจน์ทหารพรานเสียหาย และขอยืนยันว่า พวกเราจะไม่เข้าไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 10 ธ.ค.นี้แน่นอน เพราะนักรบดำทุกคนดำรงไว้ซึ่งชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ พร้อมจะปกป้องสถาบันหลักทุกลมหายใจ
“หลังจากมีข่าวออกมา เรื่องนักรบดำเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดง ทางชมรมได้มีการตรวจสอบและติดต่อประสานงานกันระหว่างชมรมนักรบดำ กรุงเทพฯ อุบลฯ และโคราช ไม่พบว่ามีว่าทหารพรานที่อยู่ในสังกัดของชมรมเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดง แต่หากอยู่นอกชมรม เราไม่สามารถจะตอบได้ แต่ถ้าเป็นอดีตอาสาสมัครทหารพราน ซึ่งมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ก็ขอให้เข้าใจว่าเงินเพียงจำนวนเล็กน้อยจะมาทำให้ศักดิ์ศรีของท่านที่ต่อสู้มาเพื่อชาติเสียหายทำไม”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นอดีตทหารพรานนักรบดำค่ายปักธงชัยกว่า 500 คนได้ร่วมกันประกอบพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนในการเป็นนักรบของชาติ และไม่เข้าร่วมชุมนุมเคลื่อนไหวกับกลุ่มใด หรือทำเพื่อผลประโยชน์ของใครอย่างเด็ดขาด และจะรักษาปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ยิ่งชีพ ต่อหน้าอนุสาวรีย์นักรบดำ ค่ายปักธงชัย ภายในกรมทหารพราน 26 ค่ายปักธงชัย ก่อนร่วมกันทำพิธีวางพวงมาลาสักการะ
**M26 กว่า 50 ลูกล่องหนค่ายสุรธรรม
วันเดียวกันมีรายงานข่าวว่า ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวหลายฝ่ายกังวลต่อกระแสข่าวที่ระบุว่าเมื่อเร็วๆ นี้ ได้เกิดเหตุการณ์มีระเบิดขว้างแบบ M 26 หายออกไปจากค่ายสุรธรรมพิทักษ์ กองทัพภาคที่ 2 ( ทภ.2) ต.โพธิ์กลาง อ.เมือง จ.นครราชสีมา อย่างไม่ถูกต้องจำนวน 52 ลูก โดยหวั่นเกรงว่า อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ไม่หวังดี เตรียมการนำไปใช้ปฏิบัติการก่อเหตุ สร้างสถานการณ์ความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยเฉพาะในช่วงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่กรุงเทพฯ วันที่ 10 ธ.ค.นี้ ซึ่งรายงานข่าวระบุด้วยว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้รับรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด และสั่งลงโทษขังทหารที่มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบเป็นเวลา 15 วัน
นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ 1 ใน 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ตนก็ได้รับรายงานข่าวความไม่ชอบมาพากลกรณีมีระเบิด M 26 ของทหารถึง 52 ลูกหายไปจากค่ายสุรธรรมพิทักษ์ เช่นกัน และมีความรู้สึกว่า ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นอาวุธที่ใช้มักจะมาจากหน่วยราชการกระทรวงกลาโหม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคดีลอบสังหาร นายสนธิ ลิ้มทองกุล และมาคราวนี้ก็มาเกิดเหตุกรณีนี้ในกองทัพภาคที่ 2 ซึ่งดูแลพื้นที่ภาคอีสาน 19 จังหวัด
ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 2 ไม่น่าปล่อยให้เกิดเหตุบกพร่องเช่นนี้ขึ้นได้ เพราะกองทัพภาคที่ 2 เป็นที่ทราบกันดีว่า เป็นหน่วยค้ำจุนรัฐบาลและราชบัลลังก์ในยามที่บ้านเมืองเกิดวิกฤตมาโดยตลอด ซึ่งได้รับการพิสูจน์มาแล้ว เมื่อครั้งเกิดเหตุการณ์ปฏิวัติ เมษาฯฮาวายปี 2524 ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จแปรพระราชฐานมาประทับที่กองทัพภาคที่ 2 อีกทั้ง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ก็เคยดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 และปัจจุบันก็มีบ้านพักอยู่ที่นี่ด้วย
**เตือนอย่าประมาท"ม็อบแดง"
นายสมเกียรติ ยังกล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 10 ธ.ค. กรณีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับอดีตอาสาสมัครทหารพราน จะเข้าร่วมชุมนุมทำหน้าที่เป็นการ์ดให้กับคนเสื้อแดงว่า แม้เราจะไม่สนใจ และให้ความสำคัญกับพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ. แดง แต่คำพูดและเว็บไซต์ของ เสธ.แดง ก็มีความจริงมาโดยตลอด
ปฏิบัติการของ เสธ.แดง คือตัวแทนของทหาร ที่แสดงออกหน้าอย่างประเจิดประเจ้อและท้าทายต่ออำนาจรัฐ และอำนาจของกองทัพบกว่า ตัวเองขึ้นต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้ขึ้นต่อผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) รมว.กลาโหม และนายกรัฐมนตรี ทั้งที่เป็นทหารในราชการและสวนสนามในพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณ และการแสดงออกของ เสธ. แดง เป็นที่ชื่นชอบของทหารกว่า 40 นาย ที่ตบเท้าเข้าไปอยู่ในพรรคเพื่อไทย (พท.) และ ทหารที่ซุ่มซ่อนรอคอยโอกาสอยู่
ฉะนั้นรัฐบาลภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และรมว.กลาโหม ไม่ควรประมาทเรื่องนี้ เพราะว่ากองทัพถือว่าเป็นสถาบันหลักในการปกป้องชาติและราชบัลลังก์ หากกองทัพถูกแบ่งแยก แตกออกเป็นเสี่ยงๆ แล้วความมั่นคงแห่งชาติก็จะถูกทำลายไป ระบอบทักษิณ ก็จะแทรกซึมและสามารถบ่อนทำลายได้ในเวลาที่ไม่นานนัก
"ไม่น่าเชื่อเลยว่านายทหารที่เคยถวายสัตย์ปฏิญาณ และรับพระราชทานกระบี่จากพระเจ้าอยู่หัว จะแสดงออกเช่นนี้ เขามิได้แสดงความพิทักษ์ปกป้องชาติและราชบัลลังก์ แต่กลับเป็นทหารในฐานกองกำลังอันธพาล ในสังกัดระบอบทักษิณ ซึ่งเป็นที่น่าเสียใจมาก ในฐานะคนที่เสียภาษีให้แก่นายทหารพวกนี้" นายสมเกียรติกล่าว
สำหรับการชุมนุมวันที่ 10 ธ.ค.ของกลุ่มคนเสื้อแดงนั้น เป็นการเคลื่อนไหวในเชิงสัญลักษณ์ ว่าเป็นวันที่ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญโดยมีพระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ และเป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่เขาเรียกร้องต้องการคือ ฉบับปี 2540 โดยเนื้อหาของการชุมนุมจะสะท้อนถึงการส่งทอดความรู้สึก กำลังใจ และสัญญาณไปถึงเครือข่ายทั่วประเทศว่า แม้จะอยู่ในช่วงของการเฉลิมฉลอง ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และประชาชนควรทำให้เกิดความสงบ แต่พวกเขาเลือกที่จะกระทำแสดงว่า เขากล้าท้าทายไม่เพียงแต่รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เท่านั้น แต่เขายังกล้าท้าทายราชสำนักด้วย
**"เสธ.แดง" คือตัวอย่างทหารเลว
พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกลาโหม กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงว่า ไม่มีอะไรน่าห่วง ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเป็นช่วงที่คนไทยมีความสุขที่สุด ตนมองว่า สถานการณ์คงจะพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น
ส่วนกรณีที่กลุ่มเสื้อแดงยืนยันว่าจะชุมนุมในวันที่ 10 ธ.ค.นี้ คงเป็นแนวคิดด้านประชาธิปไตยของเขา ควรปล่อยให้เป็นความคิดของเขาว่า ควรทำในช่วงนี้หรือไม่ ในช่วงที่ประชาชนกำลังเฉลิมฉลองอยู่ และการจัดงานจำเป็นต้องหยุดในวันที่ 9 ธ.ค. เพื่อให้เขาได้มีโอกาสจัดการชุมนุมในวันที่ 10 ธ.ค. ทั้งที่รัฐบาลอยากจัดถึงวันที่ 13 ธ.ค. แต่คงทำไม่ได้ ถ้ากลุ่มเสื้อแดงมาชุมนุมกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในวันที่ 10 ธ.ค.
เมื่อถามถึงบทบาททางการเมืองของ พล.ต.ขัตติยะ จะกระทบต่อกองทัพหรือไม่ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ทหารมีวินัย และความรับผิดชอบอยู่ ไม่ว่า จะเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ หรือระดับล่าง มีวินัยอยู่แล้ว ถ้าเป็นคนมีวินัย มีความเป็นทหาร ได้รับการฝึกมาและจำการฝึกของโรงเรียนนายร้อย และโรงเรียนเตรียมทหารที่ตัวเองผ่านมาได้ ตนไม่เชื่อว่า ทหารพวกนั้นจะมีความคิดนอกกรอบ อย่างที่บางคนเป็นอยู่
เมื่อถามว่า การกระทำของพล.ต.ขัตติยะ จะเป็นตัวอย่างทำให้ทหารรุ่นน้อง หรือเด็กๆอาจมองว่า เป็นฮีโร่หรือไม่ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ตนมองไปอีกทางหนึ่งว่า เป็นตัวอย่างที่เลว ให้กับกำลังพลในรุ่นหลังๆได้เห็นว่าไม่ควรปฏิบัติอย่างนี้ ตนคิดว่ามีตัวอย่างแบบนี้บ้างก็ดี เป็นตัวอย่างในทางที่เลว ที่ไม่สมควรนำไปปฏิบัติในยุคปัจจุบัน
"ผมไม่ห่วง มันต้องมีทั้งด้านบวก และด้านลบ ตัวอย่างที่ดีต้องมี ตัวอย่างที่เลว ก็ต้องมี ขณะนี้มีตัวอย่างที่เลว มีให้เห็นอยู่ ผมเชื่อว่าทุกคนจะมองออกว่า เป็นตัวอย่างที่ถูกต้องหรือไม่ และยังยืนยันว่าทหารมีวินัยที่จะดูแล บังคับบัญชาบุคคลากรของกองทัพอยู่ ผมก็ต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบ วินัย เหมือนกัน " พล.อ.อภิชาติกล่าว
**เร่งแก้ระเบียบจัดการทหารนอกแถว
เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการแก้กฎระเบียบของกระทรวงกลาโหม ที่จะเพิ่มบทลงโทษกับนายทหารชั้นนายพล ที่ทำความผิด พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า เป็นกฎหมาย ซึ่งตนกลับไปดูมาแล้ว เป็นกฎหมายที่ใช้มานาน ตั้งแต่สมัย พ.ศ. 2476 ซึ่งกำลังให้เจ้าหน้าที่ดูกันอยู่ว่า จะต้องปรับแก้ให้ทันสมัย และสามารถมีบทลงโทษกับนายทหารระดับชั้นผู้ใหญ่ได้หรือไม่ แต่คงต้องใช้เวลาพอสมควรในการแก้กฎหมาย ซึ่งตอนนี้อยู่ในระหว่างการรวบรวมสภาพปัญหา ของเจ้าหน้าที่ และคงจะมีการจัดประชุมกันอีกครั้ง
เมื่อถามว่า การที่เราแก้กฎหมายฉบับนี้ เป็นเพราะการกระทำของ พล.ต. ขัตติยะ ใช่หรือไม่ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า เป็นความคิดของตนที่คิดว่ากฎหมายใช้มายาวนาน คงต้องมีการปรับปรุงให้ทันสมัย คงไม่เกี่ยวกับ พล.ต.ขัตติยะ
วานนี้ (8 ธ.ค.) เวลา 08.00 น. ที่กรมทหารพราน 26 ค่ายปักธงชัย ต.ภูหลวง อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้เดินทางมาพบปะกำลังพลอาสาสมัครทหารพราน และอดีตอาสาสมัครทหารพราน มี พล.ท.วีร์วลิต จรสัมฤทธิ์ แม่ทัพภาคที่ 2 และนายทหารระดับสูงของกองทัพภาคที่ 2 ให้การต้อนรับ โดยมีอาสาสมัครทหารพรานปลดประจำการ จากชมรมนักรบดำค่ายปักธงชัย จ.อุบลราชธานี, นครราชสีมา และกรุงเทพฯ เข้าร่วมกว่า 560 คน ซึ่งก่อนพบปะทหารพราน ผบ.ทบ.ได้เข้ากราบนมัสการพระพุทธรูปประจำค่ายปักธงชัย และเป็นประธานนำเหล่าทหารพรานนักรบดำที่มาต้อนรับ ลงนามถวายพระพรต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวกับอาสาสมัครทหารพรานว่า ไม่ว่าทหารหลักหรือทหารพรานนั้นคือ ทหารของชาติเหมือนกัน และเป็นทหารของประชาชน เป็นทหารในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แม้จะเข้ามารับราชการทหารต่างกันก็ตาม ทหารพรานเข้ามาไม่ได้ทำงานด้านธุรการ แต่เข้ามาเป็นนักรบ ความรู้สึกของตนเห็นคุณค่าของทหารพรานในการเสียสละเพื่อประเทศชาติ สิ่งที่ทหารพรานได้ทำเพื่อชาตินั้นเป็นทั้งความยิ่งใหญ่เกียรติยศ และศักดิ์ศรี ทำเพื่อความมั่นคงของชาติ ทั้งป้องกันศัตรูภายนอกที่จะมารุกล้ำอธิปไตย และหากมีศัตรูภายในทหารพราน ก็ทำแบบเดียวกับเจ้าหน้าที่ข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพียงแต่ทำหน้าที่ต่างกัน
หากถามว่าทหารพรานเป็นสีอะไร พอจะตอบได้ว่า ท่านเป็นนักรบดำ แต่หากถามนัยความวุ่นวายในประเทศชาติ ท่านเป็นสีอะไร บอกได้ว่ากองทัพบกไม่มีสี ซึ่งหมายรวมถึง ผบ.ทบ.เองและทุกคนในกองทัพ ไม่มีสี ถ้าประเทศชาติมีความขัดแย้งเกิดขึ้นไม่มีความสงบ มีการแบ่งแยกสี แยกเหล่าและทหาร พลเรือน ตำรวจ แยกกันคนละสีตามอำเภอใจ บ้านเมืองก็จะเกิดความวุ่นวายหรือเกิดกุลียุคขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ถืออาวุธ หรือเคยถืออาวุธออกไปสร้างความปั่นป่วนก็จะทำให้ชาติบ้านเมืองไม่เป็นปกติสุข เช่นเดียวกับทหารที่ปลดประจำการ ก็ยังคงเป็นทหารของชาติ จะเลือกสีไม่ได้ เพราะการเลือกสีเป็นผู้ที่เขาอยากได้อำนาจรัฐเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าบ้านเมืองมันวิกฤติถึงที่สุดแล้ว อาจจะเอาพวกท่านที่ปลดประจำการกลับมาช่วยชาติ ซึ่งตนก็ไม่แน่ใจว่าจะมีการสู้รบกันเกิดขึ้น มันจะเป็นเหมือนเมืองเบรุต ประเทศเลบานอน ซึ่งเมื่อก่อนเป็นเมืองสวยงาม แต่ตอนนี้มีเพียงซากปรักหักพังไปทั่วประเทศ ต่างคนต่างก็จะรบกัน มันไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง ประเทศที่เจริญแล้วเขาไม่ทำ เขาจะใช้กฎหมาย ใช้การพูดคุยกัน และเราภาวนาว่า ไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับประเทศชาติของเรา
**ทหารพรานนักรบของชาติ-ในหลวง
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวต่อว่า หน้าที่ของท่านตอนนี้ แม้ว่าจะปลดประจำการออกไปแล้ว แต่ท่านคือกำลังของชาติเช่นเดียวกัน เสียสละเพื่อประเทศชาติมามากมาย แม้คนจะมองไม่ค่อยเห็นก็ตาม แต่อยากชี้ให้เห็นว่า อดีตที่ผ่านมามันสวยงามปานใดในฐานะนักรบของชาติ เป็นนักรบในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภายใต้ค่าตอบแทนเล็กน้อย อนาคตข้างหน้าเทียบกับทหารหลักหรือข้าราชการส่วนอื่นก็ไม่ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ท่านจะเป็นอย่างอื่นไม่ได้
"หากวันใดวันหนึ่งมีคนมาให้อามิสสินจ้างใช้เป็นสีนั้น สีนี้ หรือสีตุ่นแล้วแต่จะเรียกกันมันไม่ได้ ประเทศชาติเดินเช่นนั้นไม่ได้ ถ้าเดินเช่นนั้นได้โดยสีใดสีหนึ่งมีมาก ก็ฟาดฟันกับอีกสีให้สิ้นไป มันไม่ได้ เป็นเช่นนั้นไม่ได้ ประเทศชาติจะเสียหาย ขอให้ยึดมั่นความเป็นนักรบดำไว้ให้ดี" พล.อ.อนุพงษ์กล่าว
**อย่าเห็นแก่เงินค่าจ้าง 500 บาท
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวอีกว่า กองทัพบกจะดูแลทหารพรานอย่างเต็มที่ ทั้งที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่และปลดประจำการไปแล้ว โดยเฉพาะเรื่องสวัสดิการ ทั้งค่ารักษาพยาบาล, เงินสงเคราะห์การศึกษาบุตร และการส่งเสริมอาชีพ เพื่อให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งในวันนี้ได้มอบเงินจำนวน 5 ล้านบาท ให้ชมรมนักรบดำค่ายปักธงชัย นำไปจัดตั้งกองทุน เพื่อช่วยเหลือดูแลอดีตทหารพรานในเบื้องต้นไปก่อน
อย่างไรก็ตาม ขอให้ทหารพรานรักษาเกียรติศักดิ์ศรีของนักรบดำที่ทุกข์ยากลำบากปกป้องประเทศชาติมาในอดีต เมื่อปลดประจำการไปแล้วก็ยังคงเป็นนักรบของชาติ และเป็นไปจนวันตาย ฉะนั้นทหารต้องไม่เข้าร่วมกับกลุ่มใด หรือสีใดในการสร้างความวุ่นวายให้กับประเทศชาติ เพราะเงินเพียงเล็กน้อยวันละ 500 บาทไม่ได้เกิดประโยชน์อะไร แต่กลับทำให้ศักดิ์ศรีของนักรบดำไม่เหลือเลย
**เสธ.แดงผิดต้องรับโทษวินัย-อาญา
พล.อ.อนุพงษ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ออกมาตอบโต้ท้าทายกองทัพบก และผบ.ทบ.อย่างรุนแรงว่า ไม่สามารถจะดำเนินการเอาผิดอะไรเขาได้กรณีออกมาพูดเรื่องอดีตทหารพรานจะเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มเสื้อแดง และพร้อมติดอาวุธสู้รบกับทหารหลักว่า ตนไม่ทราบ แต่ทุกคนในกองทัพบกอยู่ภายใต้กฎระเบียบเดียวกันไม่ว่าใครทั้งสิ้น ตนเองก็อยู่ในกฎระเบียบ ทุกวันนี้ก็มีการใช้กฎระเบียบ ใครขาด ใครหนี ใครทำผิดก็มีโทษทัณฑ์ทางวินัย อาญา ทุกคนเหมือนกันหมด
ส่วนที่ พล.ต.ขัตติยะ ยังออกมายืนยันว่า จะมีกองกำลังอดีตทหารพรานร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 10 ธ.ค.นี้ และอาจเกิดการสู้รบกับทหารหลักได้นั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวย้ำว่า ไม่มีแน่นอน ที่มาวันนี้ทุกคนก็เห็นชัดเจนอยู่แล้ว
**นักรบดำยันไม่ร่วมม็อบแดง
ด้านนายไพโรจน์ แจ้งสวัสดิ์ ประธานชมรมนักรบดำค่ายปักธงชัย จ.อุบลราชธานี กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่กองทัพบกให้ความสำคัญกับทหารพราน และให้การช่วยเหลือซึ่งเราจะขอยืนยันว่าอดีตทหารพรานนักรบดำค่ายปักธงชัย ไม่เคยเข้าไปร่วมชุมนุมเคลื่อนไหวกับกลุ่มใด สีใด เพราะทหารพรานนักรบดำทุกคนมีศักดิ์ศรี มีระเบียบวินัย ไม่ตกเป็นเครื่องมือของใคร
การที่มีการกล่าวอ้างกันว่ามีทหารพรานฯเข้าไปร่วมเป็นการ์ดให้กับกลุ่มคนเสื้อแดงนั้นไม่เป็นความจริง เป็นการแอบอ้างชื่อนักรบดำไปใช้ และทหารพรานไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสีใดทั้งสิ้น จึงขอให้หยุดการกระทำดังกล่าวได้แล้ว เพราะทำให้ภาพพจน์ทหารพรานเสียหาย และขอยืนยันว่า พวกเราจะไม่เข้าไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 10 ธ.ค.นี้แน่นอน เพราะนักรบดำทุกคนดำรงไว้ซึ่งชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ พร้อมจะปกป้องสถาบันหลักทุกลมหายใจ
“หลังจากมีข่าวออกมา เรื่องนักรบดำเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดง ทางชมรมได้มีการตรวจสอบและติดต่อประสานงานกันระหว่างชมรมนักรบดำ กรุงเทพฯ อุบลฯ และโคราช ไม่พบว่ามีว่าทหารพรานที่อยู่ในสังกัดของชมรมเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดง แต่หากอยู่นอกชมรม เราไม่สามารถจะตอบได้ แต่ถ้าเป็นอดีตอาสาสมัครทหารพราน ซึ่งมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ก็ขอให้เข้าใจว่าเงินเพียงจำนวนเล็กน้อยจะมาทำให้ศักดิ์ศรีของท่านที่ต่อสู้มาเพื่อชาติเสียหายทำไม”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นอดีตทหารพรานนักรบดำค่ายปักธงชัยกว่า 500 คนได้ร่วมกันประกอบพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนในการเป็นนักรบของชาติ และไม่เข้าร่วมชุมนุมเคลื่อนไหวกับกลุ่มใด หรือทำเพื่อผลประโยชน์ของใครอย่างเด็ดขาด และจะรักษาปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ยิ่งชีพ ต่อหน้าอนุสาวรีย์นักรบดำ ค่ายปักธงชัย ภายในกรมทหารพราน 26 ค่ายปักธงชัย ก่อนร่วมกันทำพิธีวางพวงมาลาสักการะ
**M26 กว่า 50 ลูกล่องหนค่ายสุรธรรม
วันเดียวกันมีรายงานข่าวว่า ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวหลายฝ่ายกังวลต่อกระแสข่าวที่ระบุว่าเมื่อเร็วๆ นี้ ได้เกิดเหตุการณ์มีระเบิดขว้างแบบ M 26 หายออกไปจากค่ายสุรธรรมพิทักษ์ กองทัพภาคที่ 2 ( ทภ.2) ต.โพธิ์กลาง อ.เมือง จ.นครราชสีมา อย่างไม่ถูกต้องจำนวน 52 ลูก โดยหวั่นเกรงว่า อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ไม่หวังดี เตรียมการนำไปใช้ปฏิบัติการก่อเหตุ สร้างสถานการณ์ความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยเฉพาะในช่วงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่กรุงเทพฯ วันที่ 10 ธ.ค.นี้ ซึ่งรายงานข่าวระบุด้วยว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้รับรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด และสั่งลงโทษขังทหารที่มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบเป็นเวลา 15 วัน
นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ 1 ใน 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ตนก็ได้รับรายงานข่าวความไม่ชอบมาพากลกรณีมีระเบิด M 26 ของทหารถึง 52 ลูกหายไปจากค่ายสุรธรรมพิทักษ์ เช่นกัน และมีความรู้สึกว่า ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นอาวุธที่ใช้มักจะมาจากหน่วยราชการกระทรวงกลาโหม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคดีลอบสังหาร นายสนธิ ลิ้มทองกุล และมาคราวนี้ก็มาเกิดเหตุกรณีนี้ในกองทัพภาคที่ 2 ซึ่งดูแลพื้นที่ภาคอีสาน 19 จังหวัด
ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 2 ไม่น่าปล่อยให้เกิดเหตุบกพร่องเช่นนี้ขึ้นได้ เพราะกองทัพภาคที่ 2 เป็นที่ทราบกันดีว่า เป็นหน่วยค้ำจุนรัฐบาลและราชบัลลังก์ในยามที่บ้านเมืองเกิดวิกฤตมาโดยตลอด ซึ่งได้รับการพิสูจน์มาแล้ว เมื่อครั้งเกิดเหตุการณ์ปฏิวัติ เมษาฯฮาวายปี 2524 ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จแปรพระราชฐานมาประทับที่กองทัพภาคที่ 2 อีกทั้ง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ก็เคยดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 และปัจจุบันก็มีบ้านพักอยู่ที่นี่ด้วย
**เตือนอย่าประมาท"ม็อบแดง"
นายสมเกียรติ ยังกล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 10 ธ.ค. กรณีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับอดีตอาสาสมัครทหารพราน จะเข้าร่วมชุมนุมทำหน้าที่เป็นการ์ดให้กับคนเสื้อแดงว่า แม้เราจะไม่สนใจ และให้ความสำคัญกับพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ. แดง แต่คำพูดและเว็บไซต์ของ เสธ.แดง ก็มีความจริงมาโดยตลอด
ปฏิบัติการของ เสธ.แดง คือตัวแทนของทหาร ที่แสดงออกหน้าอย่างประเจิดประเจ้อและท้าทายต่ออำนาจรัฐ และอำนาจของกองทัพบกว่า ตัวเองขึ้นต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้ขึ้นต่อผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) รมว.กลาโหม และนายกรัฐมนตรี ทั้งที่เป็นทหารในราชการและสวนสนามในพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณ และการแสดงออกของ เสธ. แดง เป็นที่ชื่นชอบของทหารกว่า 40 นาย ที่ตบเท้าเข้าไปอยู่ในพรรคเพื่อไทย (พท.) และ ทหารที่ซุ่มซ่อนรอคอยโอกาสอยู่
ฉะนั้นรัฐบาลภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และรมว.กลาโหม ไม่ควรประมาทเรื่องนี้ เพราะว่ากองทัพถือว่าเป็นสถาบันหลักในการปกป้องชาติและราชบัลลังก์ หากกองทัพถูกแบ่งแยก แตกออกเป็นเสี่ยงๆ แล้วความมั่นคงแห่งชาติก็จะถูกทำลายไป ระบอบทักษิณ ก็จะแทรกซึมและสามารถบ่อนทำลายได้ในเวลาที่ไม่นานนัก
"ไม่น่าเชื่อเลยว่านายทหารที่เคยถวายสัตย์ปฏิญาณ และรับพระราชทานกระบี่จากพระเจ้าอยู่หัว จะแสดงออกเช่นนี้ เขามิได้แสดงความพิทักษ์ปกป้องชาติและราชบัลลังก์ แต่กลับเป็นทหารในฐานกองกำลังอันธพาล ในสังกัดระบอบทักษิณ ซึ่งเป็นที่น่าเสียใจมาก ในฐานะคนที่เสียภาษีให้แก่นายทหารพวกนี้" นายสมเกียรติกล่าว
สำหรับการชุมนุมวันที่ 10 ธ.ค.ของกลุ่มคนเสื้อแดงนั้น เป็นการเคลื่อนไหวในเชิงสัญลักษณ์ ว่าเป็นวันที่ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญโดยมีพระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ และเป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่เขาเรียกร้องต้องการคือ ฉบับปี 2540 โดยเนื้อหาของการชุมนุมจะสะท้อนถึงการส่งทอดความรู้สึก กำลังใจ และสัญญาณไปถึงเครือข่ายทั่วประเทศว่า แม้จะอยู่ในช่วงของการเฉลิมฉลอง ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และประชาชนควรทำให้เกิดความสงบ แต่พวกเขาเลือกที่จะกระทำแสดงว่า เขากล้าท้าทายไม่เพียงแต่รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เท่านั้น แต่เขายังกล้าท้าทายราชสำนักด้วย
**"เสธ.แดง" คือตัวอย่างทหารเลว
พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกลาโหม กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงว่า ไม่มีอะไรน่าห่วง ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเป็นช่วงที่คนไทยมีความสุขที่สุด ตนมองว่า สถานการณ์คงจะพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น
ส่วนกรณีที่กลุ่มเสื้อแดงยืนยันว่าจะชุมนุมในวันที่ 10 ธ.ค.นี้ คงเป็นแนวคิดด้านประชาธิปไตยของเขา ควรปล่อยให้เป็นความคิดของเขาว่า ควรทำในช่วงนี้หรือไม่ ในช่วงที่ประชาชนกำลังเฉลิมฉลองอยู่ และการจัดงานจำเป็นต้องหยุดในวันที่ 9 ธ.ค. เพื่อให้เขาได้มีโอกาสจัดการชุมนุมในวันที่ 10 ธ.ค. ทั้งที่รัฐบาลอยากจัดถึงวันที่ 13 ธ.ค. แต่คงทำไม่ได้ ถ้ากลุ่มเสื้อแดงมาชุมนุมกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในวันที่ 10 ธ.ค.
เมื่อถามถึงบทบาททางการเมืองของ พล.ต.ขัตติยะ จะกระทบต่อกองทัพหรือไม่ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ทหารมีวินัย และความรับผิดชอบอยู่ ไม่ว่า จะเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ หรือระดับล่าง มีวินัยอยู่แล้ว ถ้าเป็นคนมีวินัย มีความเป็นทหาร ได้รับการฝึกมาและจำการฝึกของโรงเรียนนายร้อย และโรงเรียนเตรียมทหารที่ตัวเองผ่านมาได้ ตนไม่เชื่อว่า ทหารพวกนั้นจะมีความคิดนอกกรอบ อย่างที่บางคนเป็นอยู่
เมื่อถามว่า การกระทำของพล.ต.ขัตติยะ จะเป็นตัวอย่างทำให้ทหารรุ่นน้อง หรือเด็กๆอาจมองว่า เป็นฮีโร่หรือไม่ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ตนมองไปอีกทางหนึ่งว่า เป็นตัวอย่างที่เลว ให้กับกำลังพลในรุ่นหลังๆได้เห็นว่าไม่ควรปฏิบัติอย่างนี้ ตนคิดว่ามีตัวอย่างแบบนี้บ้างก็ดี เป็นตัวอย่างในทางที่เลว ที่ไม่สมควรนำไปปฏิบัติในยุคปัจจุบัน
"ผมไม่ห่วง มันต้องมีทั้งด้านบวก และด้านลบ ตัวอย่างที่ดีต้องมี ตัวอย่างที่เลว ก็ต้องมี ขณะนี้มีตัวอย่างที่เลว มีให้เห็นอยู่ ผมเชื่อว่าทุกคนจะมองออกว่า เป็นตัวอย่างที่ถูกต้องหรือไม่ และยังยืนยันว่าทหารมีวินัยที่จะดูแล บังคับบัญชาบุคคลากรของกองทัพอยู่ ผมก็ต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบ วินัย เหมือนกัน " พล.อ.อภิชาติกล่าว
**เร่งแก้ระเบียบจัดการทหารนอกแถว
เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการแก้กฎระเบียบของกระทรวงกลาโหม ที่จะเพิ่มบทลงโทษกับนายทหารชั้นนายพล ที่ทำความผิด พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า เป็นกฎหมาย ซึ่งตนกลับไปดูมาแล้ว เป็นกฎหมายที่ใช้มานาน ตั้งแต่สมัย พ.ศ. 2476 ซึ่งกำลังให้เจ้าหน้าที่ดูกันอยู่ว่า จะต้องปรับแก้ให้ทันสมัย และสามารถมีบทลงโทษกับนายทหารระดับชั้นผู้ใหญ่ได้หรือไม่ แต่คงต้องใช้เวลาพอสมควรในการแก้กฎหมาย ซึ่งตอนนี้อยู่ในระหว่างการรวบรวมสภาพปัญหา ของเจ้าหน้าที่ และคงจะมีการจัดประชุมกันอีกครั้ง
เมื่อถามว่า การที่เราแก้กฎหมายฉบับนี้ เป็นเพราะการกระทำของ พล.ต. ขัตติยะ ใช่หรือไม่ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า เป็นความคิดของตนที่คิดว่ากฎหมายใช้มายาวนาน คงต้องมีการปรับปรุงให้ทันสมัย คงไม่เกี่ยวกับ พล.ต.ขัตติยะ