ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “บิ๊กป๊อก” ผบ.ทบ. รุดพบอดีตทหารพรานค่ายปักธงชัย โคราช สยบข่าวเข้าร่วมม็อบแดงถ่อย 10 ธ.ค. ย้ำทหารไม่มีสี ยึดมั่นป้องสถาบันหลักของชาติสร้างความสงบสุขในบ้านเมือง ผวาเกิด “กลียุค” ชี้ทหารพรานมีเกียรติภูมิศักดิ์ศรีเป็นนักรบของชาติ และ “ในหลวง” อย่าเห็นแก่เงินจ้างร่วมม็อบ 500 บาท ลั่น “เสธ. แดง” อยู่ใต้กฎระเบียบเดียวกัน ทำผิดต้องรับโทษทั้งวินัย-อาญา ด้าน ปธ.ชมรมยันนักรบดำทุกคนยืนหยัดดำรงไว้ซึ่งชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ทุกลมหายใจ ไม่ร่วมม็อบเสื้อแดงแน่นอน จี้หยุดกล่าวอ้างทำเสียหาย
วันนี้ (8 ธ.ค.) เมื่อเวลา 08.00 น. ที่กรมทหารพราน 26 ค่ายปักธงชัย ต.ภูหลวง อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เดินทางมาพบปะกำลังพลอาสาสมัครทหารพราน และอดีตอาสาสมัครทหารพราน มี พล.ท.วีร์วลิต จรสัมฤทธิ์ แม่ทัพภาคที่ 2 และนายทหารระดับสูงของกองทัพภาคที่ 2 ให้การต้อนรับ
โดยมีอาสาสมัครทหารพรานปลดประจำการ จากชมรมนักรบดำค่ายปักธงชัยจังหวัดอุบลราชธานี, นครราชสีมา และกรุงเทพฯ เข้าร่วมกว่า 560 คน ซึ่งก่อนพบปะทหารพราน ผู้บัญชาการทหารบกได้เข้ากราบนมัสการพระพุทธรูปประจำค่ายปักธงชัย และเป็นประธานนำเหล่าทหารพรานนักรบดำที่มาต้อนรับ ลงนามถวายพระพรต่อเบื้องพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวต่ออาสาสมัครทหารพรานและว่า ไม่ว่าทหารหลัก หรือทหารพราน คือทหารของชาติเหมือนกัน และเป็นทหารของประชาชน เป็นทหารในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แม้จะเข้ามารับราชการทหารต่างกันก็ตาม ทหารพรานเข้ามาไม่ได้ทำงานด้านธุรการ แต่เข้ามาเป็นนักรบ ความรู้สึกของตนเห็นคุณค่าของทหารพรานในการเสียสละเพื่อประเทศชาติ
สิ่งที่ทหารพรานได้ทำเพื่อชาตินั้นเป็นทั้งความยิ่งใหญ่เกียรติยศและศักดิ์ศรีทำเพื่อความมั่นคงของชาติ ทั้งป้องกันศัตรูภายนอกที่จะมาลุกล้ำอธิปไตย และหากมีศัตรูภายในทหารพรานก็ทำแบบเดียวกับเจ้าหน้าที่ข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพียงแต่ทำหน้าที่ต่างกัน
หากถามว่าทหารพรานเป็นสีอะไร พอจะตอบได้ว่าท่านเป็นนักรบดำ แต่หากถามนัยความวุ่นวายในประเทศชาติ ท่านเป็นสีอะไรบอกได้ว่า กองทัพบกไม่มีสี ซึ่งหมายรวมถึง ผบ.ทบ.เองและทุกคนในกองทัพไม่มีสี ถ้าประเทศชาติมีความขัดแย้งเกิดขึ้นไม่มีความสงบ มีการแบ่งแยกสีแยกเหล่าและทหาร พลเรือน ตำรวจ แยกกันคนละสีตามอำเภอใจ บ้านเมืองก็จะเกิดความวุ่นวายหรือเกิดกุลียุคขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ถืออาวุธหรือเคยถืออาวุธออกไปสร้างความปั่นป่วนก็จะทำให้ชาติบ้านเมืองไม่เป็นปกติสุข เช่นเดียวกับทหารที่ปลดประจำการก็ยังคงเป็นทหารของชาติ จะเลือกสีไม่ได้ เพราะการเลือกสีเป็นผู้ที่เขาอยากได้อำนาจรัฐเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าบ้านเมืองมันวิกฤติถึงที่สุดแล้วอาจจะเอาพวกท่านที่ปลดประจำการกลับมาช่วยชาติ ซึ่งตนก็ไม่แน่ใจว่าจะมีการสู้รบกันเกิดขึ้นมันจะเป็นเหมือนเมืองเบรุต ประเทศเลบานอน ซึ่งเมื่อก่อนเป็นเมืองสวยงาม แต่ตอนนี้มีเพียงซากปรักหักพังไปทั่วประเทศ ต่างคนต่างก็จะรบกัน มันไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง ประเทศที่เจริญแล้วเขาไม่ทำ เขาจะใช้กฎหมาย ใช้การพูดคุยกัน และเราภาวนาว่าไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับประเทศชาติของเรา
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวต่อว่า อยากจะเรียนว่า หน้าที่ของท่านตอนนี้แม้ว่าจะปลดประจำการออกไปแล้ว แต่ท่านคือกำลังของชาติเช่นเดียวกัน เสียสละเพื่อประเทศชาติมามากมาย แม้คนจะมองไม่ค่อยเห็นก็ตาม แต่อยากชี้ให้เห็นว่าอดีตที่ผ่านมามันสวยงามปานใดในฐานะนักรบของชาติ เป็นนักรบในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภายใต้ค่าตอบแทนเล็กน้อย อนาคตข้างหน้าเทียบกับทหารหลักหรือข้าราชการส่วนอื่นก็ไม่ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ท่านจะเป็นอย่างอื่นไม่ได้
“หากวันใดวันหนึ่งมีคนมาให้อามิสสินจ้างใช้เป็นสีนั้นสีนี้ หรือสีตุ่น แล้วแต่จะเรียกกันมันไม่ได้ ประเทศชาติเดินเช่นนั้นไม่ได้ ถ้าเดินเช่นนั้นได้โดยสีใดสีหนึ่งมีมากก็ฟาดฟันกับอีกสีให้สิ้นไป มันไม่ได้ เป็นเช่นนั้นไม่ได้ ประเทศชาติจะเสียหายขอให้ยึดมั่นความเป็นนักรบดำไว้ให้ดี” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามกองทัพบกจะดูแลทหารพรานอย่างเต็มที่ ทั้งที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่และปลดประจำการไปแล้ว โดยเฉพาะเรื่องสวัสดิการ ทั้งค่ารักษาพยาบาล, เงินสงเคราะห์การศึกษาบุตร และการส่งเสริมอาชีพ เพื่อให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งในวันนี้ ได้มอบเงินจำนวน 5 ล้านบาท ให้ชมรมนักรบดำค่ายปักธงชัย นำไปจัดตั้งกองทุน เพื่อช่วยเหลือดูแลอดีตทหารพรานในเบื้องต้นไปก่อน
อย่างไรก็ตาม ขอให้ทหารพรานรักษาเกียรติศักดิ์ศรีของนักรบดำ ที่ทุกข์ยากลำบากปกป้องประเทศชาติมาในอดีต เมื่อปลดประจำการไปแล้วก็ยังคงเป็นนักรบของชาติ และเป็นไปจนวันตาย ฉะนั้นทหารต้องไม่เข้าร่วมกับกลุ่มใดหรือสีใดในการสร้างความวุ่นวายให้แก่ประเทศชาติ เพราะเงินเพียงเล็กน้อยวันละ 500 บาทไม่ได้เกิดประโยชน์อะไร แต่กลับทำให้ศักดิ์ศรีของนักรบดำไม่เหลือเลย
พล.อ.อนุพงษ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบกออกมาตอบโต้ท้าทายกองทัพบก และ ผบ.ทบ.อย่างรุนแรงว่าไม่สามารถจะดำเนินการเอาผิดอะไรเขาได้กรณีออกมาพูดเรื่องอดีตทหารพรานจะเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มเสื้อแดงและพร้อมติดอาวุธสู้รบกับทหารหลักว่า ตนไม่ทราบ แต่ทุกคนในกองทัพบกอยู่ภายใต้กฎระเบียบเดียวกันไม่ว่าใครทั้งสิ้น ตนเองก็อยู่ในกฎระเบียบ ทุกวันนี้ก็มีการใช้กฎระเบียบ ใครขาด ใครหนี ใครทำผิดก็มีโทษทัณฑ์ทางวินัย อาญา ทุกคนเหมือนกันหมด
ส่วน เสธ.แดง พล.ต.ขัตติยะ ยังออกยืนยันว่าจะมีกองกำลังอดีตทหารพรานร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 10 ธ.ค.นี้ และอาจเกิดการสู้รบกับทหารหลักได้นั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวย้ำว่า ไม่มีแน่นอน ที่มาวันนี้ทุกคนก็เห็น ชัดเจนอยู่แล้ว
ด้าน นายไพโรจน์ แจ้งสวัสดิ์ ประธานชมรมนักรบดำค่ายปักธงชัย จังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า วันนี้รู้สึกดีใจที่ กองทัพบกให้ความสำคัญกับทหารพรานและให้การช่วยเหลือซึ่งเราจะ ขอยืนยันว่าอดีตทหารพรานนักรบดำค่ายปักธงชัย ไม่เคยเข้าไปร่วมชุมนุมเคลื่อนไหวกับกลุ่มใด สีใด เพราะทหารพรานนักรบดำทุกคนมีศักดิ์ศรี มีระเบียบวินัย ไม่ตกเป็นเครื่องมือของใคร
การที่มีการกล่าวอ้างกันว่า มีทหารพรานเข้าไปร่วมเป็นการ์ดให้กับกลุ่มคนเสื้อแดงนั้น ไม่เป็นความจริง เป็นการแอบอ้างชื่อทหารพรานนักรบดำไปใช้ และทหารพรานไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสีใดทั้งสิ้น ฉะนั้นจึงขอให้หยุดการกระทำดังกล่าวได้แล้วเพราะทำให้ภาพพจน์ทหารพรานนักรบดำเสียหาย และขอยืนยันด้วยว่า พวกเราจะไม่เข้าไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 10 ธ.ค.นี้แน่นอน เพราะนักรบดำทุกคนดำรงไว้ซึ่งชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ พร้อมจะปกป้องสถาบันหลักทุกลมหายใจ
หากทหารพรานนักรบดำจะออกมาเคลื่อนไหวก็เพราะประชาชนมีความเดือดร้อน ทหารต้องช่วยเหลือประชาชน เช่น เมื่อเวลาที่บ้านเมืองประสบภัย ทั้งอุทกภัย วาตภัย หรือภัยต่างๆ ที่สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนตอนนั้นจะเห็นนักรบดำออกมาช่วยเหลือแน่นอน
“หลังจากมีข่าวออกมาเรื่องทหารพรานนักรบดำเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดง ทางชมรมได้มีการตรวจสอบและติดต่อประสานงานกันระหว่างชมรมนักรบดำ กรุงเทพฯ อุบลฯ และโคราช ไม่พบว่ามีว่าทหารพรานที่อยู่ในสังกัดของชมรมเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงแต่อย่างใด แต่หากอยู่นอกชมรมเราไม่สามารถจะตอบได้ แต่ถ้าเป็นอดีตอาสาสมัครทหารพราน ซึ่งมีเกียรติมีศักดิ์ศรี ก็ขอให้เข้าใจว่าเงินเพียงจำนวนเล็กน้อยจะมาทำให้ศักดิ์ศรีของท่านที่ต่อสู้มาเพื่อชาติเสียหายทำไม” นายไพโรจน์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากนั้นอดีตทหารพรานนักรบดำค่ายปักธงชัยกว่า 500 คน ได้ร่วมกันประกอบพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตน ในการเป็นนักรบของชาติ และไม่เข้าร่วมชุมนุมเคลื่อนไหวกับกลุ่มใด หรือทำเพื่อผลประโยชน์ของใครอย่างเด็ดขาด และจะรักษาปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ยิ่งชีพ ต่อหน้าอนุสาวรีย์นักรบดำค่ายปักธงชัย ภายใน กรมทหารพราน 26 ค่ายปักธงชัย ต.ภูหลวง อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา ก่อนร่วมกันทำพิธีวางพวงมาลาสักการะ